เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 260 หลุมพรางสำหรับฉีเหยาเหวิน
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 260 หลุมพรางสำหรับฉีเหยาเหวิน
บทที่ 260 หลุมพรางสำหรับฉีเหยาเหวิน
แต่ต้าเป่ายังอดติดใจไม่ได้
“ฉีเหยาเหวินไม่ใช่คนดี เขาเป็นพวกหน้าซื่อใจคด ใช้เงินอย่างหน้าใหญ่ใจโต อีกทั้งคนในสำนักศึกษาก็ชอบเขา เขามายุยงเจียงเฉิงเป่าได้อย่างไร?
เจียงเฉิงเป่าเป็นทายาทของสกุลเจียงที่ร่ำรวย ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหลอกเขา
“เจียงเฉิงเป่าเป็นคนไม่มีความมั่นใจ อ่อนแอขี้ขลาด ฉีเหยาเหวินเป็นคนเดียวที่ยื่นไมตรีให้แก่เขา”
ถังหลี่บอกเด็กทั้งสองถึงเรื่องที่ได้รับรู้มา
หลังจากที่ต้าเป่าได้ยิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยโทสะ เจียงเฉิงเป่าทั้งน่าสมเพชและน่ารังเกียจ แต่ถึงเคยทำผิดพลาดไป หากเขายอมรับและแก้ไขก็ยังนับว่าเป็นคนคบได้
แต่ฉีเหยาเหวินผู้นี่ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริง ๆ เขาใช้เงินของเจียงเฉิงเป่าอย่างมือเติบ บงการยุยงเจียงเฉิงเป่าอยู่ข้างหลัง พอเจียงเฉิงเป่าถูกจับได้ นอกจากไม่ช่วยเหลือยังคอยซ้ำเติมอีกด้วย คนเลวเช่นนี้จะปล่อยให้มีที่ยืนอยู่ได้อย่างไร?
ถังหลี่เห็นเด็กสองคนมีใบหน้าโกรธแค้น นางก็เข้าใจความรู้สึกของพวกเขา
“ทำดีทำชั่วย่อมได้รับผลตอบแทน ฉีเหยาเหวินต้องได้รับผลกรรมที่เขาทำไว้”
หากสวรรค์ไม่ลงโทษคนนี้แล้วล่ะก็ ถังหลี่จะทำให้ให้จั๋วชูเป็นลูกชายของนาง จะได้ไม่มีใครกล้ารังแกเขาอีก
ดูเหมือนว่านางจะต้องหาเวลาคุยกับเจียงเฉิงเป่าบ้างเสียแล้ว
…..
วันถัดมา ณ สำนักศึกษาประจำเขตเหอตง
วันนี้นายท่านเจียงมาส่งลูกชายถึงหน้าประตูสำนักศึกษา แม้ว่าเจียงเฉิงเป่าจะยืนยันว่าจะมาด้วยตัวเองก็ตามที จนกระทั่งถึงประตูโรงเรียนแล้วนายท่านเจียงก็ยังกังวลใจอยู่
“เฉิงเป่า อยากให้พ่อเข้าไปส่งด้านในหรือไม่?” นายท่านเจียงถาม
เมื่อเห็นสายตาที่เป็นกังวลของบิดา เจียงเฉิงเป่าส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าเข้าไปเองได้ขอรับ ท่านพ่อ”
นายท่านเจียงยืนมองบุตรชายอยู่ที่ด้านหน้าประตูด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข เขากับบุตรชายไม่ได้สนิทสนมกันเช่นนี้มานานแล้ว หลังจากฝันร้ายผ่านไป เขาก็คิดได้ว่าชื่อเสียงเป็นเพียงเมฆที่เลื่อนลอย แต่ความสุขของลูกกชายต่างหากคือสิ่งที่เขาปรารถนา
“เฉิงเป่า ตอนเย็นพ่อจะมารับเจ้า”
เจียงเฉิงเป่าหันไปพยักหน้าให้บิดาก่อนจะเดินเข้าไปยังสำนักศึกษา เมื่อเดินเข้าประตูไป ทุกคนต่างพุ่งความสนใจมายังเขา แม้ใบหน้าและรูปร่างยังเป็นคนเดิม หากทีท่าของเขากลับแตกต่างไป เขาใส่เสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย ไม่เดินก้มหน้าเหมือนที่ผ่านมา หากเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ
“เหตุใดจึงยังกล้ามาเรียนอีก? ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาเสียเลย แกล้งเพื่อนร่วมชั้นแบบนั้น!”
“จะทำอย่างไรได้ล่ะ ครอบครัวเขาร่ำรวยบิดามีเส้นสาย…”
เจียงเฉิงเป่า ได้ยินผู้คนนินทาเขา เมื่อก่อนเขามักก้มหัวลงต่ำด้วยความละอายแก่ใจ แม้ตอนนี้ได้ฟังก็ยังอดระคายใจไม่ได้ แต่ก็ไม่นึกอยากที่จะแทรกแผ่นดินหนีอีกแล้ว
เด็กหนุ่มเดินเข้าไป ช่วงนี้ยังเช้าอยู่ ผู้คนยังมาไม่มากนัก เขาเห็นจั๋วชูมาแต่ไกลจึงรีบเดินเข้าไปหา จั๋วชูเงยหน้าขึ้น ในขณะเดียวกันผู้คนในบริเวณนั้นก็พากันมองอย่างอยากรู้อยากเห็น บรรดาคนที่เป็นมิตรสหายกับเขาก็เดินเข้ามาหาจั๋วชูทีละคน
“เจียงเฉิงเป่าเจ้าต้องการอะไร? หากรังแกจั๋วชูอีกข้าจะนำเรื่องนี้ไปบอกท่านอาจารย์!”
จู่ ๆ เจียงเฉิงเป่าก็ทำเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด เขายกมือขึ้นคารวะจั๋วชูอย่างนอบน้อม
“จั๋วชู ข้าต้องขออภัยเจ้า ข้าผิดไปแล้ว”
เป็นคำขอโทษที่ดูจริงใจเป็นอย่างมาก หลังจากกล่าวจบเขาลุกขึ้นหยิบของบางอย่างออกมาจากห่อใส่ตำรา
“ข้าทำให้แท่นหมึกและตำราของเจ้าเสียหาย ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยรับสิ่งนี้เอาไว้เพื่อเป็นการชดใช้”
เจียงเฉิงเป่ามองจั๋วชูอย่างเคร่งขรึม จั๋วชูรับของจากเขา จั๋วชูให้อภัยเขาแล้ว! เจียงเฉิงเป่ากะพริบตา
“ขอบคุณเจ้ามาก”
ในวันต่อมาเจียงเฉิงเป่าเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร เขาตั้งใจเรียน หลังเลิกเรียนทบทวนตำราอย่างขะมักเขม้น ราวกับไม่ใช่เจียงเฉิงเป่าคนเดิมอีกต่อไป นอกจากนี้แล้วเขายังลอบให้ความช่วยเหลือแก่จั๋วชูอย่างเงียบ ๆ หากของ ๆ จั๋วชูหายไป เขาจะรีบหาและนำไปคืนให้ แม้ว่าจั๋วชูจะไม่ต้องการ แต่เขาก็อยากให้จั๋วชูได้รู้ถึงความตั้งใจดีของเขา
ก่อนหน้านี้จั๋วชูยกโทษให้เฉิงเป่าเพราะว่าบิดาของเจียงเฉิงเป่าขอร้อง แต่ในครั้งนี้เขายกโทษให้กับเจียงเฉิงเป่าอย่างแท้จริง
ทางด้านฉีเหยาเหวินนั้น ครั้งสุดท้ายที่เขารับเงินหนึ่งร้อยตำลึงไปจากเจียงเฉิงเป่า เขาเชิญสหายร่วมชั้นไปดื่มฉลองที่บ้านจนเงินทั้งหมดร่อยหรอไปอย่างรวดเร็ว เขาอวดร่ำอวดรวยจนมิตรสหายพากันนับถือเขาราวกับคุณชายผู้สูงศักดิ์ ทั้งที่เงินทั้งหมดนั้นมาจากเงินค่าขนมของเจียงเฉิงเป่า
ตอนนี้ผ่านมาครึ่งเดือน เจียงเฉิงเป่าควรได้ค่าขนมรอบใหม่จากบิดาแล้ว เหตุใดจึงยังไม่นำมาให้เขาอีก ฉีเหยาเหวินไม่มีเงินเหลือติดมือ เขาจึงต้องเข้าหาเจียงเฉิงเป่า
ฉีเหยาเหวินเรียกเจียงเฉินเป่าไปยังที่เปลี่ยวไร้ผู้คน มองไปแล้วไอ้หมูอ้วนน่าตายผู้นี้ดูเปลี่ยนแตกต่างไปจากเดิม น้ำหนักตัวลดลง ไร้ซึ่งท่าทางเขินอาย จากที่เคยประจบฉีเหยาเหวินมาตลอด ตอนนี้เจียงเฉิงเป่าไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ราวกับไม่แยแสเขาเลย
ฉีเหยาเหวินต้องการเงิน แต่เขามีศักดิ์ศรีเกินกว่าจะขอตรง ๆ ได้…
ไม่ถูก! ไอ้หมูอ้วนต้องป้อยอเขาสิ!
“พี่ฉี..” เจียงเฉิงเป่าเอ่ย
ฉีเหยาเหวินวางท่าไม่ยอมตอบเขา แต่ในใจกลับมีความสุข รอให้เจียงเฉิงเป่ายื่นเงินให้เขา
“ท่านมีอะไรอยากพูดคุยกับข้าหรือ?” เจียงเฉิงเป่าถาม “หากไม่มีอะไร ข้าขอตัวไปอ่านตำราก่อน”
ฉีเหยาเหวิน : …..
เขาจ้องมองไปเจียงเฉิงเป่าอย่างแปลกใจก่อนพูดว่า
“เจียงเฉิงเป่า ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เห็นข้าเป็นสหายอีกต่อไปแล้วสินะ!”
เจียงเฉิงเป่าไม่ต้องการพูดคุยกับเขา เมื่อนึกถึงคำพูดของท่านน้าถังหลี่ เขาจึงตอบกลับไปว่า
“ข้ายังคิดต่อท่านเหมือนสหายผู้หนึ่ง ท่านต้องการอะไรก็ว่ามาเถอะ”
ฉีเหยาเหวินกัดฟัน เขามองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น จะต้องไม่มีเห็นว่าเขาเห็นว่าเขากำลังขอเงินเจียงเฉิงเป่าอย่างเด็ดขาด
“เอาเงินหนึ่งร้อยตำลึงมาให้ข้า!” ฉีเหยาเหวินกล่าว
“อ้อ…เรื่องนี้นั่นเอง ได้สิเมื่อพี่ฉีขอมา ข้าย่อมไม่ขัดข้อง” เจียงเฉิงเป่าพูดก่อนจะล้วงเข้าไปในแขนเสื้อของตัวเอง ก่อนจะพบว่ามันว่างเปล่า
“เงินของข้าอยู่ในห่อตำรา ข้าจะไปเอามาให้ท่านเอง พี่ฉีรอข้าก่อนนะ”
เจียงเฉิงเป่าวิ่งไปทันทีหลังพูดจบ ฉีเหยาเหวินยืนรอเงินหนึ่งร้อยตำลึงอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นไม่นานนักเจียงเฉิงเป่าจึงเดินกลับมา
“เหตุใดถึงมาช้าแบบนี้” ฉีเหยาเหวินรู้สึกร้อนใจ
เจียงเฉิงเป่าไม่ให้เงินแก่เขา แต่กลับพูดขึ้นว่า
“พี่ฉี ข้ามีเรื่องไม่เข้าใจท่านเป็นคนขอให้ข้ากลั่นแกล้งจั๋วชู แต่วันนั้นข้าโดนจับได้ เหตุใดท่านจึงไม่ช่วยออกหน้าให้ข้าเลย?”
“นั่นมันเพราะว่าเจ้ามันหน้าโง่! เรื่องแค่นี้ยังทำให้ถูกจับได้อีก!”
“เหตุใดถึงเป็นจั๋วชู เหตุใดท่านถึงต้องการไล่เขาออกจากที่นี่ด้วย?”
“ข้าเกลียดเขา! ข้าดีต่อเขา เขากลับไม่แยแส ช่างไม่คิดว่าข้าเคยเป็นสหายร่วมชั้นกับเขามาก่อนเลย!”
หลังจากถามคำถามสองสามข้อแล้ว เขาก็หยิบเงินออกมาจากแขนเสื้อ ฉีเหยาเหวินมองตาไม่กระพริบ แต่ทว่าเจียงเฉิงเป่ากลับยังไม่ยื่นให้เขาสักที แต่กลับถามเขาอีกคำหนึ่งว่า
“พี่ฉี ได้ยินมาจากท่านเชิญสหายร่วมชั้นไปดื่มชาที่จูเซียนจูพรุ่งนี้ ท่านให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่?”
ฉีเหยาเหวินร้อนใจ เขาดุเฉิงเป่าไปว่า
“เจียงเฉิงเป่า เจ้าคิดอะไรอยู่? ข้าเคยบอกไม่ใช่หรือ? ว่าหากมีคนอื่นอยู่ด้วย เจ้ากับข้าย่อมไม่รู้จักกัน เจ้าไม่รู้หรือว่าจะทำให้ข้าพลอยเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย”
“วันนี้เจ้าเป็นอะไรของเจ้า เจียงเฉิงเป่าเหตุใดจึงพูดมากเสียจริง! ส่งเงินมาให้ข้าเร็วๆ”
ในขณะที่เขาพูด เขาก็คว้าเงินในมือของอีกฝ่ายไปด้วย