เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 261 ฉีเหยาเหวิน เจ้าจบแล้ว!
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 261 ฉีเหยาเหวิน เจ้าจบแล้ว!
บทที่ 261 ฉีเหยาเหวิน เจ้าจบแล้ว!
เมื่อฉีเหยาเหวินคว้าเงินมาได้ เขาก็รีบวิ่งออกไปทันที ในขณะนั้นเองที่ด้านนอกของลานมีคนยืนอยู่หกเจ็ดคน! แน่นอนว่าพวกเขาต้องได้ยินที่ฉีเหยาเหวินพูดเมื่อครู่นี้ใบหน้าของเขาซีดลงทันที
ในกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีสวี่เจวี๋ย ต้าเป่า และจั่วชูรวมอยู่ด้วย
“ที่พี่ฉีพูดเมื่อครู่ช่างสมกับเป็นคำพูดของลูกผู้ชายเสียจริง” สวี่เจวี๋ยเอ่ยถากถางเขา
“ฉีเหยาเหวิน! เหตุใดเจ้าจึงไร้ยางอายเยี่ยงนี้! เงินทั้งหมดที่เจ้าใช้จ่าย เจ้าได้มาจากเจียงเฉิงเป่าหรือ!”
“เจ้าขอให้เจียงเฉิงเป่ารังแกจั๋วชูแท้ ๆ แต่สุดท้ายก็ลอยตัว ปล่อยให้เขารับโทษแต่เพียงผู้เดียว!”
“ถึงเจียงเฉิงเป่าจะทำเรื่องไม่ดี แต่คนอย่างเจ้าน่ารังเกียจกว่าเป็นไหน ๆ”
“ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ ฉีเหยาเหวิน นับตั้งแต่วันนี้ไปข้าขอตัดความสัมพันธ์กับคนเลวเช่นเจ้า!”
“ข้าเองก็เช่นกัน!”
“ข้าอยากจะบอกทุกคนในสำนักศึกษาจริง ๆ ว่าแท้จริงแล้วเจ้าเป็นคนอย่างไร!”
ยกเว้นทั้งสามคนที่รู้ความจริงอยู่แล้ว สี่คนที่เหลือนั้นต่างพากันตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าฉีเหยาเหวินจะเป็นคนเช่นนี้ได้
ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปในพริบตา เขาจ้องมองไปยังเจียงเฉิงเป่าด้วยความเดือดดาล ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไอ้หมูอ้วนได้วางแผนเอาไว้!
ไอ้หมูตอนผู้นี้แกล้งทำทีไปหยิบเงิน ก่อนจะเรียกผู้คนเหล่านี้มา จงใจถามชี้นำให้เขาตกหลุมพราง จนคนเหล่านั้นได้ยิน ไม่คิดเลยว่าไอ้หมูตอนจะร้ายเช่นนี้ได้!
ทั้ง ๆ ที่ถูกฉีเหยาเหวินจ้องเขม็งแบบนั้น เจียงเฉิงเป่ากลับไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเขารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดเขาก็ฉีกหน้ากากของฉีเหยาเหวินได้แล้ว! เจียงเฉิงเป่าถอนหายใจอย่างโล่งอก รวมไปถึงจั๋วชูด้วยเช่นกัน
ฉีเหยาเหวินนั้นเป็นคนวางแผนให้เจียงเฉิงเป่ารังแกสหายร่วมชั้น อีกทั้งยังคอยรับเงินจากเจียงเฉิงเป่าอีกด้วย ในไม่ช้าเรื่องราวเหล่านี้ก็กระจายไปทั่ว จนทุกคนพากันรู้ดีว่าฉีเหยาเหวินนั้นเป็นคนเช่นไร
หลังจากนั้นทุกคนในสำนักศึกษาพากันรังเกียจฉีเหยาเหวินกันถ้วนหน้า บรรดาเพื่อนเก่ามองเขาราวกับเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ส่วนคนที่เคยเป็นเพื่อนร่วมกินร่วมดื่มกับเขา ก็กลับเป็นคนที่ด่าฉีเหยาเหวินมากที่สุด ไม่มีใครคบหาสมาคมกับเขาอีก
ในที่สุดก็เริ่มมีคนพูดถึงการลงโทษฉีเหยาเหวิน เมื่อเรื่องเริ่มแพร่หลายขึ้น เจ้าสำนักศึกษาเหอจึงเชิญฉีเหยาเหวินออกจากสำนัก ตัวเขาเองก็สู้หน้ากับใครไม่ได้ประกอบกับไม่มีใครคบค้าด้วยอยู่แล้ว เขาจึงต้องออกจากสำนักศึกษาไปอย่างสิ้นหวัง
ทว่าเรื่องทั้งหมดยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากที่ออกจากสำนักศึกษาได้ไม่นาน เขาก็ถูกบ่าวรับใช้ทุบตี ฉีเหยาเหวินโดนซ้อมอย่างหนักแทบปางตาย
ชะตากรรมของฉีเหยาเหวินได้ลอยไปเข้าหูของถังหลี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่นางได้คาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้นางไปหาเจียงเฉิงเป่าบอกกล่าวอุบายเช่นนี้ให้เขา เพราะถังหลี่รู้ดีว่าฉีเหยาเหวินจะมาไถเงินเจียงเฉิงเป่าอีก แค่หาคนมาเป็นพยานสักสองสามคนเท่านั้น ความจริงที่ว่าฉีเหยาเหวินเป็นคนเช่นไรจะปรากฏออกมาเอง
ดูเหมือนแผนการจะได้ผล
หลังจากที่พวกเขาจัดการกับฉีเหยาเหวินได้ เด็กทั้งสามรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของเจียงเป่าเฉิน พวกเขาจึงริเริ่มที่จะคุยกับเจียงเป่าฉันมิตรสหายเพิ่มขึ้น แม้จะไม่ถึงขั้นสนิทเท่าจั๋วชูก็ตาม
หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น ถังหลี่ได้พบกับเจียงเฉิงเป่าที่มาเยี่ยมตน หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจในการเปลี่ยนแปลงของเขา เจียงเฉิงเป่าน้ำหนักลดลงแม้ว่าจะยังอ้วนท้วนอยู่บ้าง แต่นิสัยขี้ขลาดไม่มั่นใจของเขานั้นหายไปอย่างสิ้นเชิง เจียงเฉิงเป่าสุภาพเรียบร้อย
“ท่านน้าถัง” เจียงเฉิงเป่ากล่าว “ขอบพระคุณท่านมากขอรับ”
เขาเข้าใจคำพูดของถังหลี่ในวันนั้นแล้ว เพื่อนที่เกิดจากการประจบสอพลอเอาใจหาใช่มิตรแท้ไม่ ผู้ที่มีความคิดอ่านเหมือนกันย่อมควรคบเป็นสหาย
เมื่อเขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เจียงเฉิงเป่าจึงเริ่มมีมิตรสหายมากขึ้น
นายท่านเจียงมีความสุขมากเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของบุตรชาย เขารู้สึกขอบคุณถังหลี่จากใจ จึงได้พาบุตรชายมาเยี่ยมนาง ยิ่งเห็นภาพที่เจียงเฉิงเป่าพูดคุยกับเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยด้วยแล้ว นายท่านเจียงยิ่งรู้สึกโล่งใจเป็นอันมาก
เด็กสองคนนี้เป็นผู้ที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งและที่สองของมณฑล ถือว่าเป็นโชคดีของบุตรชายเขาที่ได้เป็นมิตรสหายกับบัณฑิตที่โดดเด่นเช่นนี้ แน่นอนว่าต่อไปเจียงเฉิงเป่าย่อมมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นอย่าง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฮูหยินเว่ย เขาช่างโชคดีจริงๆ
ตกเย็น
ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยกลับมาจากสำนักศึกษา ตามมาด้วยเหยี่ยนเสี่ยวตวนที่กำลังถือสัมภาระให้นายน้อยทั้งสองของตน ทุกย่างก้าวของเขาเชื่องช้าประหนึ่งเป็นคุณชายน้อยก็ไม่ปาน ผู้คนที่พบเห็นคงไม่คิดว่าเขาเป็นทาสรับใช้ ไม่นานนักตู้ชิงหยูก็มาที่บ้าน
“สวี่เจวี๋ยและต้าเป่าล่ะ?”
“อยู่ในห้องหนังสือ”
“ข้าจะไปหาพวกเขาสักหน่อย”
นางเข้าไปที่ห้องหนังสือของเด็ก ๆ ระยะนี้ตู้ชิงหยูมักจะมาหาเด็กทั้งสองคนอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเรียน เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนเข้ากันดี ถังหลี่จึงไม่ได้สนใจมากนัก
ครั้งหนึ่งถังหลี่เคยถามเรื่องนี้จากต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย ทั้งสองคนมีดวงตาที่เป็นประกาย
“ท่านป้าชิงสอนเข้าใจกว่าอาจารย์ที่สำนักอีก!”
“ข้ามีคำถามมากมายที่ไม่เข้าใจและหาคำตอบไม่ได้ แต่ป้าชิงสามารถตอบและอธิบายให้ข้าเข้าใจได้”
ถังหลี่จึงคิดว่าตู้ชิงหยูผู้นี้หาใช่คนธรรมดาไม่ ดังนั้นนางจึงไม่มีท่าทีประหลาดใจที่สวี่เจวี๋ยและต้าเป่าชื่นชมนาง ถังหลี่จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดีเมื่อตู้ชิงหยูมาหาลูกชายหลังจากเลิกเรียน อีกทั้งนางไม่ได้มีทีท่าที่ไม่ดีกับเด็ก ๆ
ในขณะที่ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยกำลังถกเรื่องเรียนกับตู้ชิงหยู ซานเป่าอยู่ที่สนามที่บ้านซึ่งถังหลี่แขวนกระสอบทรายเอาไว้บริเวณนั้น เมื่อเด็กหญิงว่าง นางจะเข้ามาชกต่อยกระสอบทรายด้วยกำปั้นน้อย ๆ ของนาง นั่นคือหนทางสู่แม่ทัพหญิงของซานเป่า เด็กหญิงในวัยห้าขวบมีพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่าเด็กในวัยเดียวกันเป็นอย่างมาก นางขยับไปมาเหวี่ยงกำปั้นเล็ก ๆ ไปที่กระสอบทรายอย่างรุนแรง จนแก้มอวบอิ่มของตนกระเพื่อม ผิวขาวของซานเป่ามีเลือดฝาดอมชมพูดูน่ารัก
ส่วนเอ้อร์เป่านั้นหลังจากที่เลิกเรียนแล้ว เขาจะมานั่งที่ม้านั่งเล็ก ๆ ตรงทางเดิน จ้องมองไปยังน้องสาวของเขา จุดประสงค์ก็เพื่อจะคอยกีดกันเจ้าหมูน้อยคนนั้นให้ห่างจากซานเป่า!
ก่อนหน้านี้เอ้อร์เป่าได้ตกลงกับพี่ใหญ่และพี่สวี่เจวี๋ยแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเด็กอ้วนผู้นั้นเข้าใกล้น้องสาวของพวกเขาอย่างเด็ดขาด แต่ท้ายสุดแล้วความสัมพันธ์ของเขากับท่านป้าชิงหยูกลับเป็นไปด้วยดี พี่ชายทั้งสองกลับคำสัญญาอย่างรวดเร็ว พวกเขาพูดว่าดีแล้วที่ซานเป่าจะได้เพื่อนเล่นบ้าง เวลาที่พวกเขาไปเรียนหนังสือ
เพื่อนเล่นหรือ? ตู้เสี่ยวไป๋ต้องการพรากนางไปต่างหากล่ะ!
เมื่อคิดว่าซานเป่านั้นสนิทสนมกับตู้เสี่ยวไป๋มากกว่าตนเอง เอ้อร์เป่ารู้สึกหงุดหงิดทันที เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าหมูน้อยตู้เสี่ยวไป๋ทำได้สำเร็จเป็นอันขาด!
เมื่อเอ้อร์เป่ากลับจากสำนักศึกษา เขาไล่ตู้เสี่ยวไป๋ออกไป จากนั้นก็คอยเฝ้าซานเป่าเพื่อไม่ให้เด็กอ้วนได้เข้ามาใกล้ นาง แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก ศีรษะเล็ก ๆ ก็โผล่เข้ามาในประตูสนามบ้าน
“น้องสาว…” ตู้เสี่ยวไป๋กระซิบเรียก
ซานเป่ากำลังชกกระสอบทรายจนเหงื่อตก เมื่อได้ยินเสียงเรียกนางกวาดตามองไปรอบ ๆ เห็นเด็กชายกำลังถือถุงกระดาษ ก่อนจะจับเขย่า ดวงตาของซานเป่าเป็นประกาย เมื่อคิดถึงขนมที่อยู่ด้านในถุง นางน้ำลายสอทันที
ในเวลาเดียวกันเอ้อร์เป่าก็เห็นตู้เสี่ยวไป๋เช่นกัน เขาจ้องเขม็ง เมื่อตู้เสี่ยวไป๋เห็นก็ทำท่าราวกับหนูกลัวแมว เด็กชายตัวแข็งทื่อขึ้นมา เอ้อร์เป่าเงื้อกำปั้นขึ้น เขารีบวิ่งหนีไปในพริบตา