เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 269 ทางเลือกของเถ้าแก่เนี้ยฮวา
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 269 ทางเลือกของเถ้าแก่เนี้ยฮวา
บทที่ 269 ทางเลือกของเถ้าแก่เนี้ยฮวา
บิดาบุญธรรมผู้นี้คือผู้มีพระคุณของจั๋วชูและเป็นผู้มีพระคุณของฮวาเฟิ่งเซี่ยด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการตอบแทนเขานางไม่ควรจะหักหาญหัวใจของเขา ไม่เช่นนั้นนางจะมิกลายเป็นหมาป่าตาขาวไปหรอกหรือ? เหนืออื่นใดจะเป็นการทำให้เสี่ยวชูพลอยไม่สบายใจไปด้วย
ในที่สุดน้องชายของนางก็ได้กลับมาอยู่ในฝ่ามือของนางอีกครั้ง เขาไม่ควรจะต้องตกทุกข์ได้ยากหรือได้รับความลำบากใด ๆ อีกแล้ว
“เสี่ยวชู ข้าจะคุยกับพ่อของเจ้าเอง เจ้าอยู่ที่นี่กับพี่เขยนะ”
เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดกับน้องชาย เขาพยักหน้ารับแต่โดยดี
เมื่อฮวาเฟิ่งเซี่ยเดินออกไป เขาเห็นบิดาบุญธรรมของจั๋วชูนั่งอยู่ที่ธรณีประตู กำลังสานตะกร้าไม้ไผ่อย่างเงียบ ๆ นางทรุดตัวนั่งยอง ๆ ที่ฝั่งตรงข้ามมองเขาสานตะกร้าด้วยสีหน้าไม่มีความสุข
เขาโยนตะกร้าไม้ไผ่ทิ้งหันหยิบขวานที่พิงผนังขึ้นมา เตรียมจะเดินไปผ่าฟืน แต่เถ้าแก่เนี้ยฮวาเดินไปด้านข้างของเขา
“ยืนให้ห่างข้าหน่อย หากท่านบาดเจ็บขึ้นมาข้าคงไม่มีปัญญาชดใช้ให้ได้!” บิดาบุญธรรมพูดอย่างดุร้าย
เถ้าแก่เนี้ยแย้มยิ้ม นางยังยืนอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างไม่รู้สึกรู้สา รอจนกระทั่งบิดาของจั่วชูเริ่มผ่าฟืนจึงพูดขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสจั๋ว จั๋วชูสอบได้อันดับสามของการสอบในครั้งนี้ ท่ามกลางศิษย์มากมาย เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ทั้งบรรดาอาจารย์และทุกคนต่างชื่นชมเขา แน่นอนว่าในภายหน้าเขาต้องก้าวหน้าไปมากกว่านี้ ท่านสั่งสอนเด็กคนนี้ได้ดีมากจริง ๆ”
“ข้าอยู่กับเขามาสองวัน เสี่ยวชูเอาแต่พูดถึงท่านทั้งวัน ที่ข้ามาวันนี้ข้าเพียงอยากจะพบบิดาที่จั๋วชูพูดถึงมาตลอดเท่านั้น” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว
เมื่อบิดาของจั๋วชูได้ยินอย่างนั้น ความหดหู่ในใจของเขาก็สลายหายไปเล็กน้อย ใช่แล้ว บุตรชายของเขาเป็นคนดีและมีเหตุผลเสมอ
แต่เมื่อยิ่งเห็นว่าเขาเป็นเด็กดีเช่นนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกลังเล…
ผู้อาวุโสสกุลจั๋วไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะผ่าฟืนต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงโยนขวานทิ้งไปและนั่งลงไปบนขอนไม้
“ข้าอยากจะกล่าวขอบคุณท่าน สำหรับการเลี้ยงดูน้องชายของข้า จั๋วชูคือน้องชายข้า ส่วนท่านเป็นบิดาของเขา ในเมื่อท่านปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเสมอ ดังนั้นเขาควรที่จะตอบแทนและกตัญญูต่อท่านเช่นกัน ข้ากับจั๋วชูเกิดมาพ่อก็ไม่ดูดำดูดี บิดาของข้าไม่ชอบเขาเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่เขายังเล็กเสี่ยวชูมักจะถามข้าว่า เหตุใดท่านพ่อถึงไม่ชอบเขาอยู่เลย เป็นเพราะอะไรหรือ? แท้จริงแล้วเด็กคนนี้เพียงต้องการความรักจากบิดาเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย เป็นบิดาที่มีลูกชายลูกสาวหลายคนจนทำให้เขาละเลยข้าและจั๋วชู ท่านจึงเป็นบิดาคนเดียวของเขา ท่านมอบความรักให้แก่เขาจากนี้ต่อไปท่านก็ยังเป็นบิดาเพียงคนเดียวของจั๋วชู”
บิดาของจั๋วชูยังคงทำหน้าบูดบึ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก
“ข้าเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ ไม่สามารถทำอะไรได้หรอก”
“ไม่ว่าจะอย่างไร ท่านเพียงทำหน้าที่พ่อให้ดีก็พอ ข้าไม่ได้มาที่นี้เพื่อที่จะพาเขาไป ท่านเลี้ยงเขามาเป็นอย่างดี จั๋วชูเป็นน้องชายข้าก็จริง แต่เขาก็เป็นบุตรชายคนเดียวของท่านเช่นกัน”
“ทำเป็นพูดดี!” บิดาของจั๋วชูบ่นงึมงำ
เถ้าแก่เนี้ยฮวาไม่สนใจ นางแย้มรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้า
“เพราะเสี่ยวชู พวกเราจึงนับเป็นครอบครัวเดียวกัน จากนี้ไป อาวุโสจั๋ว หากท่านต้องการความช่วยเหลือใด ๆ มาหาข้าหรือเฉาจีได้ตลอด พวกข้าเต็มใจอย่างยิ่ง”
“เต็มใจหรือ? เหตุใดจึงไม่สร้างบ้านให้ข้าไปเลยละ ซื้อที่ดินกับไร่ให้ข้าสักผืน” บิดาของจั๋วชูกล่าว
แม้เขาจะพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายทำจริง ๆ เพียงแต่อยากทำให้ฮวาเฟิ่งเซี่ยลำบากใจเท่านั้น พวกคนมีเงินทำเป็นพูดจาสวยหรู แต่ไม่เคยคิดที่จะลงมือทำ พูดได้แต่คงทำไม่ได้หรอก
เถ้าแก่เนี้ยฮวามองบ้านที่แสนทรุดโทรมจนแทบจะบังลมบังฝนไม่ได้ อย่างไรเสียคงจะต้องสร้างขึ้นใหม่ แต่ของแบบนี้ใช่ว่าจะทำได้ภายในวันสองวัน
ในขณะที่หญิงสาวกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูออกมาจากห้องหนึ่ง
“ชูเอ๋อร์! ชูเอ๋อร์! ชูเอ๋อร์ของข้า!”
ในตอนแรกเสียงทุบประตูยังไม่ดังมากนัก หากต่อมากลับเสียงดังมากขึ้น หลังจากถูกกระแทกไม่กี่ทีประตูก็เปิดออก หญิงผู้หนึ่งผมเผ้ากระเซอะกระเซิงวิ่งออกมาจากในห้อง จั๋วชูได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งไปหานางทันที
“ท่านแม่!”
เมื่อเห็นบุตรชาย ผู้หญิงคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปกอดเขาไว้แน่น
“ชูเอ๋อร์ แม่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน เจ้าห้ามไปไหนอีกนะ!”
สีหน้าของนางดุดัน ก่อนจะดึงจั๋วชูเข้าไปในห้อง บิดาของจั๋วชูรีบเข้าไปคว้าผู้หญิงคนนั้นไว้
“เสี่ยวชู” เถ้าแก่เนี้ยฮวาเดินมาหาน้องชายอย่างเป็นห่วง
หญิงสาวผู้นั้นจ้องเถ้าแก่เนี้ยฮวาคิดว่านางต้องเป็นคนที่มาแย่งลูกชายไปจากอกของตน ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำก่อนจะวิ่งเข้าไปหาฮวาเฟิ่งเซี่ยทันที
บิดาของจั๋วชูกอดภรรยาของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ท่านพี่ พี่เขย พวกท่านออกไปก่อนเถอะ” จั๋วชูกล่าว
ทั้งสองคนรีบออกไปทันที ไม่นานนักบิดาของจั๋วชูก็เกลี้ยกล่อมทำให้นางสงบสติอารมณ์ลงได้ มารดาผู้เสียสติของเขาอารมณ์ดีขึ้น เขาให้นางเข้าไปในห้องก่อนที่จะปิดประตูและใช้ไม้สองสามแผ่นค้ำยันประตูเอาไว้ บิดาของจั๋วชูไม่สนใจเฉาจีและฮวาเฟิ่งเซี่ย เขาหันไปพูดกับจั๋วชู
“ชูเอ๋อร์ พรุ่งนี้มีเรียนหรือไม่?”
จั๋วชูพยักหน้ารับ
“ถ้าเช่นนั้นก็กลับไปที่เหอตงเถอะ ไม่เช่นนั้นกว่าจะไปถึงก็จะเย็นค่ำเกินไป” ว่าแล้วก็เดินไปในห้องก่อนจะหยิบห่อบางอย่างออกมา
“แม่ของเจ้าเย็บเสื้อผ้าไว้ให้”
เด็กหนุ่มรับไปพร้อมกับพยักหน้ากล่าวขอบคุณ
“ผู้อาวุโสจั๋วพวกข้าขอตัวก่อน”
เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว บิดาของจั๋วชูไม่ได้สนใจนางแต่อย่างใด หลังจากที่พวกเขาเดินออกไปแล้ว เขาก็ลุกขึ้นไปเกาะที่หน้าต่างมองตามหลังคนเหล่านั้นไปด้วยสีหน้าและแววตาที่เศร้าสร้อย
มีเสียงเปิดประตูเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น คนข้างบ้านเดินออกมาชะโงกมอง
“พวกเขาเป็นพี่สาวกับพี่เขยของจั๋วชูหรือ? หรือเขาจะมาพาจั๋วชูกลับไป?” เพื่อนบ้านถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“โธ่ ตาแก่จั๋วเจ้าทำงานงก ๆ หาเงินอย่างยากลำบากส่งเสียให้บุตรชายเรียนสำนักศึกษาเพื่อให้เขามีชีวิตดีขึ้น แต่สุดท้ายกลับไร้ประโยชน์ เพราะเลี้ยงลูกให้คนอื่น ช่างน่าเวทนาเสียจริง”
เพื่อนบ้านพวกนั้นต่างอิจฉาที่จั๋วชูได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาในมณฑล ต่อไปคนสกุลจั๋วจะมีชีวิตดีขึ้น แต่ตอนนี้พี่สาวแท้ ๆ ของเด็กหนุ่มมาถึงหน้าประตูบ้าน เขาจึงเสแสร้งแกล้งทำเป็นเห็นใจแฝงได้ด้วยคำเสียดสี บิดาของจั๋วชูเพิกเฉย เขาชักสีหน้าก่อนพูดว่า
“ช่วยคนอื่นอะไรกัน เขาเป็นลูกชายของข้า เขาเป็นเด็กกตัญญู เจอพี่สาวแล้วอย่างไร ข้าเป็นบิดาของเขา อีกอย่างพี่สาวของเขาก็บอกว่าข้าคือครอบครัวของนาง นางจะซ่อมแซมบ้านหลังนี้ให้ข้าด้วยซ้ำ!”
“ซ่อมบ้านหรือ? นางเกลี้ยกล่อมเจ้าเพื่อให้จั๋วชูไปอยู่กับนางนะสิ มีหรือว่านางจะกลับมาดูแลเจ้า”
เพื่อนบ้านหัวเราะเยาะ
“เหตุใดเจ้าไม่คิดบ้างว่าคนอื่นจะทำดีกับเจ้า? พี่สาวของจั่วชูจะต้องรักษาคำพูดของนางแน่นอน รอดูเถอะ!” บิดาของจั๋วชูตอกกลับ
“เจ้ามันก็ดีแค่สอดรู้เรื่องราวของชาวบ้าน แต่ลูกตัวเองกลับมือเท้าสกปรก ระวังเถอะจะถูกหักขาเข้าสักวัน!”
เมื่อสะกิดโดนจุดตาย เพื่อนบ้านของเขาก็รีบปิดประดูหนีไปอย่างอับอาย หลังจากบิดาของจั่วชูพูดจบ เขาหันหลังกลับเข้าบ้าน วาจาที่เอ่ยออกไปนั้นก็เพื่อรักษาใบหน้าของตนเองไว้เท่านั้น เรื่องเท็จจริงเป็นอย่างไรเขาย่อมรู้อยู่แก่ใจดี
ตอนที่เขาได้ยินคำพูดของพี่สาวจั๋วชู เขาเองแทบไม่เชื่อหูตนเองด้วยซ้ำ เป็นครอบครัวเดียวกันหรือ? แม้ชูเอ๋อร์จะจดจำพ่อแก่ ๆ คนนี้ของเขาได้ แต่ไม่ใช่กับพี่สาวเขาอย่างแน่นอน สุดท้ายแล้วชูเอ๋อร์และนางก็มีสายเลือดเดียวกัน ไม่นานจั๋วชูก็จะไปใกล้ชิดสนิทสนมกับนางมากขึ้น
ภายในห้องมีเสียงร้องโวยวายขึ้น ภรรยาของเขากำลังคลั่งอีกแล้ว บิดาของจั๋วชูอดไม่ได้ที่จะเอามือปิดใบหน้าของตัวเองด้วยความเศร้าและสิ้นหวัง