เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 29 ทำความสะอาดบ้าน
บทที่ 29 ทำความสะอาดบ้าน
เว่ยฉิงจับมือถังหลี่เดินกลับบ้านด้วยกัน หญิงสาวนำโฉนดที่ดินไปเก็บซ่อนไว้ และนั่งลงข้างเว่ยฉิง ก่อนที่จะขยับเอนตัวไปจุมพิตเบา ๆ ที่มุมปากของชายหนุ่ม
ตอนนี้เรื่องทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี สามีของนางเก่งกาจมาก!
เว่ยฉิงจับสังเกตถึงปัญหาของบ้านหลังนี้ได้ตอนที่เขาเห็นผู้ใหญ่บ้านแสดงท่าทีลังเลใจ ชายหนุ่มจึงรู้ว่ามันเริ่มผิดปกติ และเมื่อสอบถามเว่ยฉิงจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านหลังนี้
ถังหลี่เหลือบมองตัวบ้านเล็กน้อยและพบต้นตอของปัญหา
เดิมทีบ้านหลังนี้มีฮวงจุ้ยที่ดีมาก การวางผังบ้านก็ดี แต่ตรงกลางบ้านมีเศษกระจกเล็ก ๆ ถูกฝังไว้อยู่ เห็นได้ชัดว่าตู้เสี่ยวเหอและหลี่เที่ยมู่ทำให้เจ้าของบ้านคนก่อนขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก เขาเลยแค้นคนทั้งคู่
ไม่มีใครกล้าซื้อบ้านหลังนี้ยกเว้นถังหลี่เท่านั้น ตู้เสี่ยวเหอจงใจจะโก่งราคาบ้านแต่ไม่มีทางหรอกที่จะเอาเปรียบถังหลี่ได้ หญิงสาวเข้าใจถึงศาสตร์ฮวงจุ้ย นางจะแก้ไขฮวงจุ้ยของบ้านใหม่ และทำความสะอาดซ่อมแซม ทำให้มันดีเหมือนใหม่ เป็นเรื่องดีอย่างยิ่งที่ถังหลี่ซื้อบ้านดี ๆ แบบนี้ได้ในราคาแค่ยี่สิบตำลึง
ถังหลี่ออกไปทำงาน ในขณะที่เว่ยฉิงยังอยู่ในห้องนอน
ภรรยาจูบเขา!
ริมฝีปากของนางช่างอ่อนนุ่มเหลือเกิน!
โชคดีที่เขาอยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนเห็นบุรุษที่ดุร้ายเหมือนสัตว์ป่าคลี่ยิ้มเหมือนคนโง่เง่า
…….
ถังหลี่เดินไปบ้านที่เพิ่งได้มาเป็นเจ้าของ
“แม่นาง เจ้าซื้อบ้านหลังนี้จริง ๆ หรือ?” มีครอบครัวหนึ่งอยู่ห่างจากบ้านหลังนั้นราวสองลี้[1] เป็นคู่สามีภรรยาสูงอายุ คือ ป้าเกาและลุงหลี่ หญิงชราเล่าถึงบ้านหลังนี้และแนะนำพวกนางว่าอย่าซื้อบ้านหลังนี้
“ข้าซื้อแล้วล่ะ” ถังหลี่พยักหน้า หญิงชราตบหน้าขาตัวเอง
“โอ้ ทำไมเจ้าถึงซื้อมัน ตู้เสี่ยวเหอเป็นพวกโง่เง่าหรืออย่างไรนะ? เจ้ารีบย้ายไปเถิด! ต่อให้ซื้อแล้วก็อยู่ก็ไม่ได้ ขายก็ไม่ได้ มันจะมีประโยชน์อะไร… แม่นาง มันเป็นเงินจำนวนมาก ถ้าเจ้าไม่กล้าทวงล่ะก็ข้าจะช่วยทวงเงินคืนให้เอง ตู้เสี่ยวเหอจะต้องคืนเงินให้ทุกอีแปะ!”
ถังหลี่รู้แก่ใจว่าท่านป้าผู้นี้หวังดี นางจึงยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านป้า ข้าพอรู้เรื่องการวางฮวงจุ้ยอยู่บ้าง บ้านหลังนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่เป็นเพราะตู้เสี่ยวเหอและสามีเป็นคนไม่ดี วิญญานของบ้านเลยลงโทษพวกเขา!”
ถังหลี่กล่าวขึ้นอย่างตั้งใจ บ้านหลังนี้เป็นของนางแล้ว และนางไม่คิดที่จะแบกรับชื่อเสียงของบ้านผีสิงอับโชคหรอก ถังหลี่ต้องแก้ข่าวให้ได้ หมู่บ้านลี่เจียเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก การกระจายข่าวลือควรพึ่งคำพูดของท่านป้าเกา ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ถังหลี่พูดล้วนเป็นเรื่องจริง แต่เดิมตู้เสี่ยวเหอและหลี่เที่ยมู่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องสมควรแล้วที่จะโดนฟ้าดินลงโทษ
“แม่นางพูดถูก ไม่ได้เกี่ยวกับตัวบ้านเลย ลูกชายของบ้านหลังนั้นเป็นถึงบัณฑิต แต่ตู้เสี่ยวเหอและครอบครัวก็มีปัญหาในบ้านหลังนั้นเป็นเพราะความอยากได้บ้าน เขาจึงเอาทั้งมูลและปัสสาวะมาก่อกวน คงทำให้บ้านหลังนั้นขุ่นเคืองเป็นแน่!” ป้าเกาคิด ก่อนจะมองออกไปที่สนามหน้าบ้านและพูดว่า
“โอ้ หญ้าพวกนี้ขึ้นสูงมาก เว่ยฉิงเองก็บาดเจ็บที่ขาคงไม่สะดวก ส่วนเจ้าก็เป็นผู้หญิง หรือจะให้ข้าบอกสามีช่วยตัดหญ้าให้ เอาไหม?”
“เอาสิท่านป้าเกา ข้าจะคิดค่าตอบแทนให้ลุงหลี่ทีหลังนะ” ถังหลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางจำเป็นต้องมีผู้ช่วยในเรื่องนี้
“อยากให้เท่าไหร่ก็เอาเถิด ฤดูหนาวนี้สามีข้าอยู่แต่กับบ้านไม่มีอะไรทำหรอก” ป้าเกาพูดขึ้น ไม่นานนักสามีร่างเล็กก็ออกมาจากบ้านพร้อมขวาน
ถึงลุงหลี่จะรูปร่างเตี้ยแต่เขาทำงานเก่งมาก ภายในเวลาแค่สองก้านธูป เขาก็ตัดหญ้าออกจนหมด เมื่อหญ้ารก ๆ ในสนามหายไปก็ทำให้บรรกายาศดูปลอดโปร่ง และลานบ้านก็ดูใหญ่ขึ้น เมื่อทั้งคู่เสร็จงานแล้ว พวกเขาปฏิเสธที่จะรับเงินจากถังหลี่
“แม่หนู เก็บไว้ใช้เถิด” ลุงหลี่ปฎิเสธ
“ใช่ ๆ พวกเจ้ามีลูกถึงสามคน ไหนจะเพิ่งเสียเงินซื้อบ้านอีก ต่อไปพวกเราก็จะเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว อะไรช่วยได้ก็ควรช่วย! แม่นางหากเจ้ายืนยันจะให้อะไรตอบแทนเราล่ะก็ ก็ขอเป็นมัดหญ้าพวกนี้แล้วกัน” ป้าเกากล่าว ลุงหลี่มัดหญ้าเป็นมัด ๆ และกลับบ้านไปกับภรรยา
ถังหลี่มองตามหลังของคนทั้งคู่ไปและยิ้ม ลุงหลี่และป้าเกาคือครอบครัวที่มีไมตรีอีกครอบครัวหนึ่งที่ถังหลี่พบในหมู่บ้าน อันที่จริงแล้ว หมู่บ้านนี้มีคนดี ๆ อยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
ถังหลี่มองดูบ้านและคิดว่าน่าจะต้องหาคนมาช่วยซ่อมแซมในช่วงที่อากาศยังดีอยู่ เปลี่ยนกลอนประตู ปูพื้นใหม่ และฉาบกำแพงดินที่ร้าว…
ถังหลี่จินตนาการถึงบ้านที่ได้ปรับการปรับปรุงใหม่ หญิงสาวมีความสุขมาก นี่คือบ้านของนางและเป็นบ้านหลังแรกที่นางซื้อมา!
ถังหลี่กลับบ้านไปและนางกล่าวเรื่องนี้กับเว่ยฉิง
“ภรรยา ข้าทำเองได้เจ้าพักผ่อนเถิด”
“งั้นระวังขาของเจ้าด้วยนะ”
“อย่ากังวลเลย ขาของข้าจะหายในไม่ช้านี้ เพื่อที่จะทำงานหาทุนมาให้เจ้า” รอยยิ้มร้าย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหยาบกร้านของเว่ยฉิง โดยไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายที่ชายหนุ่มพูด
“เดี๋ยวก่อน เจ้าเอาเงินไปด้วย เจ้าต้องใช้มัน”
เว่ยฉิงรับเงินและเดินออกไป
ข่าวที่ว่าเว่ยฉิงได้ซื้อบ้านหลังใหม่แพร่กระจ่ายไปในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ว่ากันว่าเว่ยฉิงเป็นง่อยทำให้คนในหมู่บ้านรู้สึกเวทนาเขา ดังนั้นการซื้อบ้านครั้งนี้อาจจะง่ายหากมีคนยื่นมือมาช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้าน
เมื่อถังหลี่อยู่บ้านเฉย ๆ นางจึงลุกขึ้นมาทำอาหารให้เด็ก ๆกิน หญิงสาวหยิบแป้งออกมาจากถังข้าวสารและเริ่มลงมือทันที
ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยอยู่ในลานหน้าบ้านพร้อมกับอ่านหนังสือด้วยกัน ต้าเป่าไม่รู้หนังสือแต่สวี่เจวี๋ยเคยได้ไปโรงเรียน ตอนนี้สวี่เจวี๋ยจึงเป็นคนสอนต้าเป่า
สวี่เจวี๋ยดีใจที่เขาสามารถช่วยสอนหนังสือต้าเป่าได้ แต่ต้าเป่าเป็นเด็กที่ฉลาดเกินมนุษย์ หลังจากสอนไปไม่ถึง 2ครั้ง ต้าเป่าก็อ่านออก ความภาคภูมิใจในการเป็นครูของสวี่เจวี๋ยจึงเกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
แม้ว่าจะได้สอนต้าเป่าถึงสองครั้งในตอนแรกก็ตามที…
ในยามที่เขาได้ศึกษาในสำนักศึกษา สวี่เจวี๋ยเหมือนอัจฉริยะน้อย ได้รับการยกย่องจากอาจารย์ว่าไม่มีใครฉลาดมากไปกว่าเด็กน้อยอีกแล้ว แต่หลังจากที่ได้พบต้าเป่า สวี่เจวี๋ยก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะเลยสักนิด
เอ้อร์เป่าและซานเป่าวิ่งเข้าไปในครัว…ท่านแม่จะทำของอร่อย!
เด็กน้อยรู้ว่าทุกครั้งที่มารดาลงมือเข้าครัวเอง พวกเขาจะมีอาหารอร่อย ๆ กินจนแน่นท้อง เจ้าก้อนแป้งน้อยยืนเรียงกัน มือทั้งสองข้างเกาะขอบปูนที่วางเตา ยื่นหัวเล็กของพวกเขาเข้าไปดูใกล้ ๆ ดวงตากลมโตส่องประกายวิบวับเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ท่านแม่ ทำอะไรหรือ?”
“ซาลาเปานึ่งกับญ็อกกี้[2]”
“ญ็อกกี้คืออะไร?” ซานเป่าอยากรู้อยากเย็น ดวงตาที่กลมราวกับองุ่นดำทำตาสื่อความหมายให้มารดา
“พอเสร็จแล้วพวกเจ้าก็จะรู้เอง”
“ท่านแม่ ข้าขอชามใหญ่ ๆ” เอ้อร์เป่ากล่าว
“ข้าด้วย ๆ ท่านแม่ ข้าขอชามใหญ่ด้วย!” ซานเป่าพูดขึ้นบ้าง
ถังหลี่ง่วนอยู่กับการตอบคำถามกับเด็กน้อยทั้งสอง นางวางซาลาเปาลงซึ้งเพื่อจะนึ่งก่อน ส่วนญ็อกกี้นั้นมีความซับซ้อนกว่าเล็กน้อย หญิงสาวเตรียมอาหารหลายอย่าง มีทั้ง ผักใบเขียว หัวไชเท้า และเห็ดโคนแช่น้ำ รวมถึงปลาที่ถูกขอดเกล็ดและแร่เป็นชิ้นบาง ๆ
ถังหลี่หยิบหม้อที่เคลือบสีแดงออกมา ใส่น้ำมันและเครื่องเคียงเหล่านี้ลงไปผัด จากนั้นเติมน้ำ นวดเส้นญ็อกกี้ให้เป็นก้อนเล็ก ๆ ใส่ลงไปในหม้อ ก่อนจะปรุงรส
หลังจากจัดการกับญ็อกกี้เสร็จแล้ว เว่ยชิงก็กลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มได้กลิ่นอาหารจึงเดินเข้าไปที่เตา วันนี้ครอบครัวกินญ็อกกี้และอาหารที่เตรียมไว้ทั้งหมด รสชาติของญ็อกกี้นี้ดีมาก ตัวเส้นเคี้ยวหนึบสู้ฟัน เครื่องเคียงต่าง ๆ ก็อร่อย น้ำซุปรสชาติดี หลังจากที่เว่ยฉิงกินจนหมดหม้อ ชายหนุ่มยังไม่รู้สึกเต็มอิ่มเลย เขาไม่คิดเลยว่าแป้งมันฝรั่งจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้!
——————–
[1] ป็นหน่วยวัดของจีนมีความยาวเท่ากับ 500 เมตร
[2] ญ็อกกี้(Gnocchi) คืออาหารอิตาลี เป็นเส้นพาสต้าชนิดที่ต้องทำกันสด ๆ ไม่มีการอาศัยเครื่องมือใด ๆ ต้องนวดด้วยแรงจากสองมือ ถ้าจะให้นิยามพาสต้าตัวนี้ให้ตรงตัวที่สุด ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ลูกชิ้นมันฝรั่ง” หลัก ๆ จะเป็นการผสานมันฝรั่งบดกับแป้งพาสต้าแล้วนวดให้เนียนเข้ากัน จากนั้นต้มจนสุกแล้วจึงนำไปประกอบอาหารต่อไป