เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 300 ใครกล้าให้ร้ายถังหลี่
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 300 ใครกล้าให้ร้ายถังหลี่
บทที่ 300 ใครกล้าให้ร้ายถังหลี่
ถังหลี่เชิญสามีภรรยาทั้งคู่ให้เข้าไปนั่งในห้องส่วนตัว
ฮูหยินอู่อดถามไม่ได้ว่า
“เสี่ยวถัง วันนี้ห้องส่วนตัวยังไม่เต็มหรอกหรือ ข้าได้ยินมาว่าต้องจองล่วงหน้าถึงครึ่งเดือนเลยทีเดียว”
“ห้องนี้จะว่างสำหรับแขกพิเศษของข้าเจ้าค่ะ”
นั่นหมายความว่านางและสามีเป็นแขกพิเศษของถังหลี่สินะ ฮูหยินอู่ถึงกับยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำพูดของนาง
ท่านอู่โหวเย่ หยิบรายการอาหารขึ้นมาดู เพ่งสายตามองอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงสั่งอาหารห้าจานด้วยกัน ถังหลี่นำรายการอาหารไปให้ยังห้องครัวด้านหลังด้วยตัวเอง
เมื่อประตูปิดลงท่านโหวยืดคอชะเง้อมองก่อนจะหันมากระซิบกับภรรยาว่า
“ฮูหยิน อาหารของตระกูลติงจะอร่อยสมกับที่ท่านเกลี้ยกล่อมให้ข้ามากินไหม?”
ฮูหยินอู่คุ้นชินกับสามีดี นางพูดว่า
“ข้าไปเกลี้ยกล่อมท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ท่านอู่โหวเย่รออย่างใจจดจ่อ แค่ดูรายการอาหารเขาก็น้ำลายสอแล้ว เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาจัดแจงลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที
ถังหลี่เดินถือจานเปลขนาดใหญ่เข้ามาพร้อมกับข้าวขาวสองที่ ถังหลี่วางอาหารไว้บนโต๊ะ ท่านอู่โหวเย่นั่งตัวตรง สูดดมกลิ่นอาหาร ตาเหลือบไปมองจานข้าว ข้าวขาวร้านนี้มีงาดำคั่วจนหอมโรยไว้ที่หน้าด้วย เขาแอบกลืนน้ำลายอย่างเงียบ ๆ พยายามรักษาภาพพจน์อย่างเต็มที่ เมื่อถังหลี่เดินออกจากห้องไปแล้ว ท่านอู่โหวเย่หยิบตะเกียบขึ้นเริ่มกินทันที เมื่อถังหลี่ยกอาหารจานที่สองเข้ามา นางจึงพบว่าอาหารจานแรกหมดเกลี้ยง ถังหลี่ถึงกลับแอบลอบมองหน้าท่านอู่โหวเย่อย่างช่วยไม่ได้
ท่านอู่โหวเย่ตัวแข็งทื่อ เขารู้สึกอึดอัด จนต้องหันไปดุภรรยาแก้เขินว่า
“ฮูหยินท่านกินให้ช้า ๆ หน่อยเถิด ไม่เช่นนั้นจะสำลักได้”
ฮูหยินอู่ที่เพิ่งกินนไปได้แค่สองคำถึงกับอึ้งพูดไม่ออกกับวาจาของสามี พอถังหลี่ออกไปจากห้อง ท่านอู่โหวเย่ก็คว้าตะเกียบขึ้นมากินต่อทันที
“แทบจะรักษาหน้าไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว” ฮูหยินอู่บ่นพึมพำ
“ฮูหยิน ท่านต้องรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าว่าที่สะใภ้ด้วยนะ” ท่านอู่โหวเย่เตือนภรรยาก่อนจะคีบอาหารกินอย่างเพลิดเพลิน หลังจากลำเลียงอาหารมาจนครบห้าจานแล้ว ท่านอู่โหวก็รู้สึกเพลิดเพลินเป็นอันมาก อร่อย! เป็นอาหารที่ช่วยเยียวยาต่อมรับรสของเขาได้เป็นอย่างดี นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ชิมรสชาติอาหารที่อร่อยเช่นนี้ สิบกว่าปีก่อนนั้น เขาเคยกินอาหารของนายท่านตระกูลติงรู้สึกว่าอร่อยมากจนลืมไม่ได้มาจนทุกวันนี้ หลังจากที่นายท่านตระกูลติงได้เสียชีวิตไปก็ไม่เคยได้กินอีกเลย เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสได้กินเป็นครั้งที่สองภายในชีวิตนี้ ท่านอู่โหวเย่มองถังหลี่อย่างกระตือรือร้น แล้วพูดว่า
“เสี่ยวถัง ช่วยแนะนำพ่อครัวให้ข้ารู้จักหน่อยจะได้หรือไม่?”
ฮูหยินอู่แอบนึกนินทาสามีอยู่ในใจว่า เขาไม่ต้องการรักษาภาพลักษณ์ของว่าที่พ่อสามีที่ดีแล้วหรือ?
ถังหลี่มองท่านอู่โหวเย่ นางเข้าใจเขาผิดไปมาก ตอนแรกคิดว่าเขาเป็นคนดีและเคร่งขรึม แต่ตอนนี้นางพบว่าเขาเป็นแค่นักชิมธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้นเอง เป็นท่านผู้เฒ่าที่น่าสนใจมากจริง ๆ
“ท่านรอสักครู่ข้าจะไปเรียกเขามาให้” นางหันหลังกลับเดินจากไป
ฮูหยินอู่หันไปจ้องสามี
“ท่านไม่ได้เป็นคนบอกข้าหรอกหรือว่าให้ใส่ใจภาพลักษณ์ของตนเองด้วย”
ท่านอู่โหวเย่กลับตอบภรรยาอย่างเฉยเมยว่า “พวกเรากำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องใส่ใจภาพลักษณ์มากนักหรอก”
ภรรยาเขาแทบจะหลุดหัวเราะออกมา นางตีแขนเขาเบา ๆ
หลังจากนั้นไม่นานนัก ถังหลี่เดินกลับมาพร้อมกับหม่าเฉิง ระหว่างที่เดินมานางได้บอกหม่าเฉิงเอาไว้บ้างแล้วถึงสถานะของแขกผู้มีเกียรติท่านนี้
หม่าเฉิงไม่เคยได้พบปะลูกค้าที่มีสถานะสูงเช่นนี้มาก่อน เขาวิตกกังวลมาก เมื่อมาถึงเขาก้มลงคำนับคนทั้งคู่ อย่างนอบน้อม
“คารวะท่านอู่โหวเย่ และฮูหยินอู่ขอรับ” ท่านอู่โหวเย่รีบดึงหม่าเฉิงให้นั่งลงข้างกายก่อนจะถามคำถามเขาด้วยดวงตาที่สดใสเป็นประกาย ตอนแรกหม่าเฉิงอึดอัดทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อได้คุยกันถึงเรื่องทักษะการทำอาหารแล้ว หม่าเฉิงมีความมั่นใจในฝีมือของตนเอง เขาพูดได้อย่างคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น พวกเขาคุยกันเรื่องอาหารจานพิเศษ
“ถ้าท่าน อู่โหวเย่ชอบ ข้าจะทำให้ท่านได้ลองชิม”
“ข้าขอตามไปดูด้วย” ทั้งคู่รีบพากันเดินลิ่วไปที่ห้องครัวในทันที
ฮูหยินอู่มองสามีก่อนที่จะส่ายศีรษะ
“เสี่ยวถัง ร้านยุ่งมากจะทำให้เจ้าเดือดร้อนหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ห้องครัวที่ด้านหลังมีที่ว่างอยู่”
ฮูหยินอู่เกรงว่าท่านผู้เฒ่าโหวผู้เป็นสามีจะสร้างความลำบากใจให้กับถังหลี่ นางจึงขอให้ถังหลี่พานางไปในครัว ถ้าหากเกะกะการทำงานจะได้พาท่านอู่โหวเย่กลับจวนเสีย
แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปในครัว จึงได้เห็นท่านอู่โหวเย่ผู้แต่งกายหรูหรากำลังขะมักเขม้นช่วยหม่าเฉิงอย่างตั้งอกตั้งใจ พวกเขาทั้งสองต่างพากันร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ถังหลี่ “………”
ฮูหยินอู่ “………”
เวลาผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยามแล้ว ท่านอู่โหวเย่ยังสนุกอยู่ แต่ฮูหยินอู่กลับทนรอไม่ไหวอีกต่อไป
“ฮูหยิน ข้ายังสนุกกับการทำอาหารอยู่เลย” ท่านผู้เฒ่าบ่นพึมพำ แต่ฮูหยินอู่ไม่ให้เขาต่อรอง นางลากเขากลับจวนไปทันที
วันนี้ตอนขากลับ ท่านอู่โหวเย่เอ่ยปากชมเชยถังหลี่อย่างมากมายไม่รู้จบ ส่วนตัวฮูหยินอู่มีความชื่นชอบในตัวถังหลี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางจึงมีความสุขที่ได้ยินคำชมว่าที่สะใภ้จากสามี
“ท่านพอใจนางมากหรือไม่?”
“ข้าพอใจนางมาก” ท่านผู้เฒ่าโหวพูดตอบภรรยาอย่างอารมณ์ดี
ในค่ำคืนนั้น ฮูหยินอู่หยิบป้ายวิญญาณที่ไม่มีแม้แต่คำจารึกใด ๆ ออกมาจากหีบ นางวางป้ายวิญญาณไว้บนนั้น ฮูหยินอู่โค้งคำนับป้ายก่อนจะเผาเครื่องหอมแล้วนั่งลงบนเบาะ เมื่อมองไปที่ป้ายวิญญาณที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ก็ราวกับได้เห็นหญิงสาวในชุดสีแดงที่งามสง่านั่งอยู่ตรงนั้น
“คุณหนู ชิงเฉิงไม่ได้พบคุณหนูนานมากแล้ว เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนคุณหนู แต่ช่วงนี้มีเรื่องดีเป็นมงคลที่บ่าวอยากจะบอกกล่าวกับคุณหนูเจ้าค่ะ นายน้อย…ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่และตกหลุมรักกับหญิงสาวที่ฉลาดเฉลียว งดงาม นางเหมาะสมกับนายน้อยมาก คุณหนู ท่านไม่ต้องห่วงนายน้อยแล้วนะเจ้าคะ”
ฮูหยินอู่คุยกับคุณหนูของนางอยู่นาน นางไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายก็คือตอนที่นางรู้ว่านายน้อยยังมีชีวิตอยู่
…………………
ในเวลาต่อมา ท่านอู่โหวเย่ ไปที่ร้านอาหารหนิงเฟิงอีกแทบทุกวันเพื่อไปเรียนทำอาหารกับหม่าเฉิง ทั้งสองได้คบหากันเป็นเพื่อนในการฝึกทำอาหาร บางครั้งฮูหยินอู่ก็ไปนั่งรอในร้านอาหารด้วย เช่นกัน
วันนี้มีหญิงสาวกลุ่มหนึ่งประมาณห้าคนมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าร้าน อาจจะด้วยเพราะความริษยาทำให้พวกนางพูดจาให้ร้ายถังหลี่
“นางเป็นแม่ม่ายลูกสี่ แต่กลับมาล่อลวงท่านรองเจ้าคณะที่อายุยังน้อยอยู่ได้อย่างไรกัน นางช่างไม่คู่ควรกับเขาจริง ๆ”
“หรือว่าท่านรองเจ้าคณะจะตาบอดหรือเปล่านะถึงได้ไปชอบหญิงสาวแบบนี้ได้”
“นางคงเป็นนางจิ้งจอกแปลงกายมานะสิ ถึงได้ล่อลวงผู้คนเก่งมากนัก”
ฮูหยินอู่บังเอิญเดินผ่านมาพอดี ใบหน้าของนางแข็งทื่อ นางอดโต้กลับไปไม่ได้ว่า
“ไม่คู่ควรหรือ? เสี่ยวถังออกจะเป็นคนฉลาดและใจดีถึงขนาดนั้น เหตุใดนางจะไม่คู่ควร หากนางไม่คู่ควรแล้วสตรีขี้ริ้วอย่างเจ้าคู่ควรหรือ?” ฮูหยินอู่พูดด้วยท่าทางอ่อนโยนหากเต็มไปด้วยความดูหมิ่น
“เจ้า…เจ้า…”หญิงสาวเหล่านั้นหน้าแดงด้วยความโกรธนางจ้องฮูหยินอู่อย่างมีโทสะ
“เหตุใดถึงได้พูดติดอ่างแล้วเล่า ยังมีหน้าจะมานินทาเสี่ยวถังอีก”
ฮูหยินอู่หัวเราะเบา ๆ ด้วยท่าทางสุภาพ
“เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดถึงได้มาว่าพวกข้าเช่นนี้”
“นางเป็นมารดาของข้ายังไงเล่า”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เหล่าสตรีที่พูดจานินทาต่างหันไปเห็นชายร่างสูงยืนอยู่ด้านหลังพวกเขานั่น…ไม่ใช่รองท่านเจ้าคนะมณฑลหรอกหรือ?
พวกนางพากันตกตะลึง
สตรีสูงอายุผู้นี้เป็นมารดาของท่านรองเจ้าคณะมณฑลจริง ๆ หรือ? มารดาเขาออกหน้าแทนหญิงสาวผู้นั้นหรือ?เมื่อเว่ยฉิงมองฮูหยินอู่ เขามีทีท่าอ่อนโยน
“ท่านแม่”
ฮูหยินอู่ยิ้มอย่างนุ่มนวล มองไปที่ผู้หญิงเหล่านั้น สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที นางออกปากเตือนว่า
“ถังหลี่เป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของตระกูลอู่ พวกเราตระกูลอู่ไม่อนุญาตให้คนอื่นมาพูดจาใส่ร้ายดูถูกตระกูลเราเช่นนี้ ถ้าหากพวกเจ้ายังพูดจาไม่ดีใส่ร้ายผู้อื่นเช่นนี้ ครั้งหน้าจะให้เจ้าหน้าที่มาจับตัวไป”
“มารดาข้าพูดถูกต้องแล้ว หากพวกเจ้ากล้านินทานางอีก ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีปากเอาไว้พูดอีกเลย” เว่ยฉิงพูดจาโหดร้าย ท่าทางน่ากลัว จนทำให้ สตรีเหล่านั้นพากันตกใจรีบวิ่งหนีไปทันที
ฮูหยินอู่เดินเข้าประตูร้านอาหารไปพร้อมกับลูกชาย เมื่อเขาเห็นถังหลี่ เขารีบตรงดิ่งไปหานางทันที