เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 305 ถังหลี่กังวลถึงเว่ยฉิง
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 305 ถังหลี่กังวลถึงเว่ยฉิง
ในฝันร้ายนั้น ถังหลี่ยืนอยู่หน้าจวนเห็นคนจำนวนมากถูกหามเข้าไปด้านใน สายตาของนางจับจ้องไปที่คนผู้หนึ่ง ทันใดนั้นถังหลี่รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในหัวใจ ใบหน้าและร่างกายของเว่ยฉิงเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ มีแผลที่เนื้อเปิดเหวอะหวะน่ากลัวมากราวกับถูกสัตว์ร้ายกัด เว่ยฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงตาปิดสนิท เขากำลังจะตาย…
ถังหลี่มองไปรอบๆ ไม่ใช่แค่เว่ยฉิงเท่านั้น แม้แต่หานอี้ และเจ้าหน้าที่หลายคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
“สามี สามี!” นางร้องไห้โผเข้ากอดเว่ยฉิง แต่ไม่ว่าถังหลี่จะเรียกเสียงดังเพียงใด สามีของนางก็ไม่ลืมตาขึ้นมาเลย
หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัว
ถังหลี่ตื่นจากฝันร้าย หัวใจเต้นแรง ใจสั่นอยู่นาน
ถังหลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเป็นประกายแน่วแน่ นางจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์เช่นในฝันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
….
ณ ศาลาว่าการ
เมื่อแสงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า เว่ยฉิงเดินออกมาจากห้องขัง เขาสวมชุดสีดำ คาดเอวด้วยเข็มขัดสีดำ รูปร่างสง่าผ่าเผย ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น แสงแดดในยามเช้าส่องมากระทบให้เห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเขา
เว่ยฉิงไม่ได้นอนเลย เขาซักถามชายผู้รอดชีวิตทั้งคืน จนในที่สุดชายผู้นั้นจึงยอมปริปาก ว่าเขาเป็นนักฆ่าในสำนักนักฆ่าแห่งหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนชนชั้นต่ำ พวกเขาทำทุกอย่างตั้งแต่ เผา ฆ่า จี้ปล้น สำนักนักฆ่าของพวกเขาได้รับภารกิจลักพาตัวเด็กอายุระหว่างห้าถึงสิบปีส่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
พวกเขาไม่รู้ว่านายจ้างผู้ลึกลับคนนั้นพาเด็กไปทำอะไร
รู้เพียงว่าเด็กน้อยเหล่านั้นเป็นของมีค่ามากสำหรับพวกเขา!
เว่ยฉิงเค้นเอาที่อยู่ของนายจ้างคนนั้นมาได้ ด้วยเบาะแสนี้เขาสามารถสาวไปถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นเพื่อจะช่วยเด็กๆ ที่น่าสงสารเหล่านั้นได้ เว่ยฉิงจึงให้ไปรวบรวมกองกำลังเพื่อออกเดินทางทันที
ไม่นานนักหานอี้ก็เข้ามารายงาน
“นายท่านขอรับ องครักษ์เงาสิบห้านายและเจ้าหน้าที่อีกสามร้อยนายเตรียมพร้อมแล้วขอรับ ทุกคนกำลังรออยู่ที่ประตูศาลาว่าการ” หานอี้กล่าว
องครักษ์เงามีหน้าที่ที่สำคัญคือปกป้องเจ้านาย เว่ยฉิงพยักหน้ารับ
“ไปเอาตัวนักโทษมา”
“ขอรับ”
เมื่อเว่ยฉิงก้าวพ้นประตู องครักษ์ของเขาก็ยื่นสายบังเหียนให้ ชายหนุ่มขึ้นหลังม้า รวมถึงคนอื่นด้วยเช่นกัน พวกเขาตั้งขบวนออกเดินทางกันอย่างฮึกเหิมและทรงพลัง
ตลาดในตอนเช้ายังมีคนไม่มากนัก ท่ามกลางคนเหล่านั้นมีกองกำลังหนึ่งกองควบม้าผ่านไป ทันใดนั้นเองเว่ยฉิงก็เห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้าเขา ชายหนุ่มกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดทันที คนด้านหลังก็หยุดด้วยเช่นกัน
เป็นถังหลี่นั่นเองที่ยืนอยู่
หลังจากถังหลี่ตื่นจากฝันร้าย ก็ไม่อาจข่มตานอนหลับต่อไปได้อีก
ถังหลี่ไม่ต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นในฝันเป็นจริง ถังหลี่คาดเดาได้ว่าสามีของนางน่าจะได้เบาะแสจากผู้ที่รอดชีวิตเมื่อคืน นางจึงได้มาดักรอเขาที่หน้าประตูเมือง หญิงสาวตัดสินใจอย่างรวดเร็ว นางฝากลูกๆ ไว้กับตู้ชิงหยู ขอให้ช่วยดูแลเด็กๆ ให้ ก่อนจะมาหาสามีและออกเดินทางไปพร้อมกับเขา
วันนี้ถังหลี่ไม่ได้ใส่กระโปรงเหมือนเช่นปกติ แต่อยู่ในชุดขี่ม้าสีดำ นางรวบผมเอาไว้เผยให้เห็นหน้าผากเนียน ดูกล้าหาญมาก
ชายหนุ่มมองภรรยาด้วยความประหลาดใจ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีคนอยู่มากมายเขาคงได้ลงจากม้าไปไปกอดนางไว้ในอ้อมแขนเป็นแน่
“แม่นางถังมีอะไรหรือ?” เว่ยฉิงถาม
“ข้าจะไปกับท่านด้วย” ถังหลี่พูดตรงไม่อ้อมค้อม เงยหน้ามองด้วยแววตาแน่วแน่ ทั้งคู่ไม่พูดอะไรแต่พวกเขาเข้าใจความหมายที่สื่อออกมาทางสายตาของกันและกันเป็นอย่างดี
เว่ยฉิงกังวลเรื่องความปลอดภัยของนาง เขาไม่อยากให้ภรรยาไปเสี่ยงด้วย แต่ถังหลี่ไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย นางสามารถเอาชนะองครักษ์เงาของเขาได้ถึงสามคนรวด!
เมื่อเห็นแววตาที่ดื้อรั้นของถังหลี่ ในที่สุดเว่ยฉิงก็ยอมแพ้
“ตกลง”
เมื่อเว่ยฉิงตอบ บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างประหลาดใจมาก เขาคิดจะพาสตรีไปจัดการคดีนี้ด้วยหรือ? จะไม่เป็นภาระหรืออย่างไร
ท่าทางของเจ้าหน้าที่ล้วนดูไม่ยินดี เนื่องจากมีข่าวลือว่าใต้เท้าผู้นี้หลงใหลหญิงงามนางนี้ พวกเขาจึงได้แต่หวังว่านางคงจะไม่สร้างปัญหาให้
แต่บรรดาองครักษ์เงาล้วนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะฉือลิ่วหนึ่งในองครักษ์ที่ถังหลี่ช่วยเอาไว้เมื่อคืนในตอนที่ต่อสู้กับผู้บุกรุกจวนเว่ยนั้นพูดเรื่องถังหลี่กับบรรดาองครักษ์คนอื่นไม่หยุด ว่านางคนเดียวสามารถต่อสู้กับนักฆ่าถึงสี่คน นางมีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งมาก
ในหมู่องครักษ์เงาล้วนไม่มีความลับต่อกัน พวกเขาจึงได้รู้กันหมดว่าถังหลี่เป็นหญิงสาวที่เก่งกล้ามากเพียงใด นางเก่งไม่แพ้บุรุษเลย พวกเขาล้วนชื่นชมและเคารพถังหลี่มาก
“แม่นางถังจะขี่ม้าของข้าไหม?” หานอี้พูด
“ไม่เป็นไร ข้าจะขี่ม้าไปกับใต้เท้าเอง” ถังหลี่ส่ายหัว
ขี่ม้าด้วยกัน?
ฮูหยินของเขากล้าถึงเพียงนี้เลยหรือ?
ดวงตาของเว่ยฉิงเป็นประกาย มุมปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มก่อนจะรีบหุบยิ้ม ชายหนุ่มยื่นมือให้หญิงสาวก่อนจะใช้แรงที่มีฉุดนางขึ้นมาบนหลังม้า ถังหลี่ที่ตัวเล็กจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของสามี ชายหนุ่มสะบัดบังเหียนก่อนจะควบม้าออกไป
ในที่สุดคนทั้งกลุ่มก็ออกจากเมือง หานอี้ให้นักโทษที่พามาด้วยเป็นคนชี้ทางพาพวกเขาไปถึงชานเมือง
“สามี เจ้าคิดว่าพวกเขาลักพาตัวเด็กเหล่านี้ไปทำอะไรหรือ?”ถังหลี่ถาม เด็กๆ เหล่านั้นไม่รู้ว่าจะเหลือรอดชีวิตอยู่สักกี่คน
“ข้าสอบสวนเขาแล้วแต่เขาไม่รู้ คนที่อยู่เบื้องหลังลึกลับมาก” เว่ยฉิงส่ายศีรษะ
เมื่อทุกคนมาถึงตีนเขา เว่ยฉิงส่งสัญญาณให้พวกเขาลงจากหลังม้าเพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น คนทั้งหมดผูกม้าไว้แล้วเดินเท้าขึ้นไปยังภูเขาแทน
หลังจากเดินไปได้ครึ่งชั่วยามนักโทษพูดขึ้นว่า
“พวกเรามาถึงแล้ว”
ถังหลี่มองเห็นหน้าผาที่ทอดยาวไปไกล ตรงกลางหน้าผาแม่น้ำเล็กๆ แบ่งเป็นสองฝั่ง
“ที่นี่หรือ? คนผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน? ใครจะเดินทะลุผ่านเขาไปได้?” หานอี้ตบหน้าชายผู้นั้นอย่างแรง
“ข้าไม่รู้ พวกเราแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” เขาชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่
“พวกเราจะพาเด็กๆ ไปไว้ที่ต้นไม้ จากนั้นพวกเขาจะหายไป”
เว่ยฉิงให้หานอี้เอาหมอนห่อด้วยเสื้อผ้าทำทีว่าเป็นเด็กวางไว้ที่ใต้ต้นไม้นั่น
“ซ่อนตัว” เว่ยฉิงสั่ง ทุกคนรีบหาที่ซ่อนตัวทันที เว่ยฉิงและถังหลี่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าเขาเอามือโอบไหล่ของถังหลี่ไว้แน่น
เว่ยฉิงได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มข้น จึงเป็นการยากที่จะมีผู้คนสังเกตเห็นเขาได้
ความอดทนของถังหลี่ทำให้เว่ยฉิงแปลกใจ หลายชั่วยามผ่านไปถังหลี่ยังคงอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ด้านหน้า ทันใดนั้นนางก็กระพริบตา
มาแล้ว….