เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 318 อาหยูเป็นบุตรชายอู่โหว
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 318 อาหยูเป็นบุตรชายอู่โหว
บทที่ 318 อาหยูเป็นบุตรชายอู่โหว
ถังหลี่มองเข้าไปที่ดวงตาของชายหนุ่ม…เป็นไปได้ไหมว่า….
อาหยูต้องการลุกออกจากเตียงแต่ร่างกายของเขานั้นยังอ่อนแอเกินไป จึงทำได้แค่นั่งลงและโค้งคำนับคนทั้งคู่ในท่านั้น
“แม่นางทั้งสอง…ที่นี่คือที่ไหนหรือ? เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่”
ความทรงจำของอาหยูยุ่งเหยิงไปหมด ตอนนี้เขาปวดหัวเป็นอย่างมากและไม่สามารถแยกแยะอะไรได้
“อาหยูไม่เป็นอะไรแล้วหรือ?!” หลิวหลานประหลาดใจ “ข้าหลิวหลาน เจ้าจำข้าได้หรือไม่?”
อาหยูมองไปที่หลิวหลานสักพักความทรงจำต่าง ๆ ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัว ตัวเขาถูกคนร้ายลักพาตัว หลังจากพยายามหลบหนีมาหลายครั้งเขาจึงถูกพาไปขังไว้ที่หมู่บ้านแห่งนั้น และโดนบังคับให้เป็นผู้ทดสอบยา ตัวเขาไม่เคยยอมแพ้ เพื่อน ๆ ของเขาทุกคนต้องการจะหนีออกจากกรงขังนี้ แม้จะถูกทุบตีอย่างไรก็ไม่เคยท้อ มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาหลบหนีออกไปได้ ก็ได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่งที่มีใบหน้าค่อย ๆ ซ้อนทับกับคนตรงหน้าเขาในยามนี้
“หลิวหลาน…ข้าจำได้แล้ว” อาหยูพูดก่อนจะมองไปรอบ ๆ ที่นี่ไม่ใช่ห้องใต้ดินที่เย็นชื้นอีกต่อไป และไม่ใช่กรงขังที่เย็นเยียบ
นี่มัน…
“ใช่แล้ว เราหนีได้แล้วนะ เรารอดแล้วอาหยู!” หลิวหลานพูด
จริงหรือ?
ในที่สุดพวกเขาก็รอดพ้นมาจากนรกขุมนั้น! ความปีติยินดีมากมายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอาหยู
“แล้วคนอื่นเล่า?” ชายหนุ่มถาม
“มีกลับบ้านไปแล้วบางคน…แต่บางส่วน…” หลิวหลานไม่สามารถพูดต่อได้ บางชีวิตก็ต้องจมอยู่ในหมู่บ้านนรกแห่งนั้นตลอดไป อย่างไรก็ตามตอนนี้หมู่บ้านแห่งนั้นถูกเผาจนไม่เหลือซากแล้ว หวังว่าดวงวิญญาณทุกดวงของพวกเขาจะเป็นอิสระ
“ข้าอยากไปดูพวกเขา”
อาหยูลุกจากเตียงโดยมีหลิวหลานเป็นคนช่วยประคอง พวกนางพาเขาออกไปดูทีละห้อง หลายคนยังคงนอนหลับแต่ก็มีบางคนที่ตื่นแล้ว แต่ทว่าสติของพวกเขานั้นยังเหมือนเด็กที่ยังไม่ฟื้นดี เมื่อเขากวาดมองไปรอบ ๆ ดวงตาของอาหยูก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาทั้งมีความสุขแต่ก็ไม่สบายใจนัก
ที่น่าดีใจคือมีหลายคนรอดมาได้ แต่ที่น่าเศร้าคือคนที่เคยร่วมแรงร่วมใจหนีกับเขาในตอนนั้นไม่อยู่เสียแล้ว
“อาหยูอย่ารู้สึกไม่ดีเลย” หลิวหลานพูดเบา ๆ หลังจากที่อาหยูได้รับการรักษา นางเป็นคนที่อยู่เคียงข้างชายหนุ่มมาตลอดยามนี้ไม่รู้จะปลอบเขาอย่างไรดี
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“อาหยู เจ้ายังอ่อนแออยู่นั่งพักก่อนเถอะ” หลิวหลานกล่าว ชายหนุ่มจึงทิ้งตัวนั่งลงบนตั่งไม้ขนาดใหญ่
“มานั่งด้วยกันนะ” อาหยูกล่าว
“ได้สิ” หลิวหลานนั่งลงข้างเขา ตอนนี้นางรู้สึกวูบโหวงเล็กน้อย
“หลิวหลาน เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าหมดสติไป พวกเรารอดออกมาได้อย่างไร?” อาหยูถาม เด็กสาวจึงเริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ อย่างละเอียดให้อีกฝ่ายฟัง
“แม่นางถังและรองเจ้าคณะมณฑลเป็นคนช่วยชีวิตพวกเราไว้ พร้อมกับได้ทำลายหมู่บ้านแห่งนั้น ตอนนี้หมอฟางเสียชีวิตแล้ว เขาถูกตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิตด้วยโทษทัณฑ์เลาะกระดูก” หลิวหลานกล่าว
การประหารชีวิตด้วยโทษทัณฑ์เลาะกระดูกหรือ? นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียจริง ๆ!
อาหยูโค้งคำนับไปทางถังหลี่ด้วยความขอบคุณ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า
“ขอบพระคุณแม่นางมากขอรับ” ถังหลี่ยิ้มแล้วมองไปยังอาหยู ก็รู้สึกว่าคุ้นเคยกับอีกฝ่ายอยู่บ้างเล็กน้อย
“แล้วแผนการต่อไปของอาหยูคืออะไรหรือ?” ถังหลี่ถาม
“ข้าอยากตามหาบิดามารดา ข้าหายตัวมาหลายปีแล้วพวกท่านคง…”
“อาหยูเจ้ามาจากที่ไหนหรือ?”
“จิงเฉิงขอรับ ข้าแซ่อู่” อาหยูพูด…
แซ่อู่?
ทันใดนั้นเองถังหลี่ก็รู้ทันทีว่าเหตุใดนางจึงคุ้นเคยกับเขา เพราะดวงตาคู่นั้นของอาหยูเหมือนกับนายท่านอู่! ถังหลี่จำได้ สามีของนางเคยบอกว่าบุตรชายตระกุลอู่หายตัวไปเมื่ออายุประมาณสิบขวบ อู่หยู…อู่หยู… หรือว่า..
“เจ้ากับอู่โหวเยว่และฮูหยินอู่มีความสัมพันธ์อะไรกัน?” ถังหลี่ถามต่อ
อู่โหวเยว่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในเมืองหลวง
“อู่โหวเยว่คือบิดาของข้า” อาหยูกล่าว ถังหลี่แทบจะกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ
ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้!
อาหยูมองไปที่ถังหลี่ “ท่านรู้จักท่านบิดาของข้าหรือไม่ขอรับ”
ถังหลี่แทบระงับความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ นางมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวังก่อนจะมองไปที่อีกฝ่าย
“เรื่องนี้ต้องพูดในห้อง” อาหยูพยักหน้า
ทั้งสองเข้าไปในห้อง หลิวหลานนั้นรู้ว่าพวกเขามีเรื่องต้องพูดคุยกันนางจึงไม่ได้ตามพวกเขาเข้าไป เด็กสาวยืนอยู่ด้านนอกประตูคอยระวังไม่ให้คนอื่นเดินเข้ามาใกล้
“อู่โหวเยว่และฮูหยินอู่เวลานี้อยู่ในเมืองชิงเหอ” ถังหลี่กล่าว
อาหยูทั้งประหลาดใจและดีใจ
“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่…” ถังหลี่เล่าเรื่องของคนทั้งคู่และตัวตนของเว่ยฉิงให้อีกฝ่ายฟัง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นหากความลับนี้ถูกเปิดเผย
ชายหนุ่มพยักหน้าหลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดจบลง เขารู้ทันทีว่าเรื่องนี้เป็นอันตรายและร้ายแรง
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ข้าสาบานว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ…แม่นางถัง ท่านพ่อท่านแม่ของข้าสบายดีหรือไม่? ข้าอยากพบพวกเขาเหลือเกิน” อาหยูรู้สึกกังวลเป็นห่วงบิดามารดา
“เจ้ายังอ่อนแออยู่ พักผ่อนกินอาหารให้ร่างกายมีแรงก่อน ข้าจะเตรียมรถม้ามารับเจ้าไปที่จวนเอง” ถังหลี่กล่าว
“ตกลงขอรับ!” อาหยูถึงกับระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่
ถังหลี่ออกไปเตรียมรถม้า ส่วนอาหยูเมื่อได้กินอะไรบ้างแล้วก็รู้สึกดีขึ้น พอใกล้เวลานัดหมายหลิวหลานจึงพาชายหนุ่มไปส่งที่รถม้า ยามนี้นางรู้สึกมีความสุขไปกับอาหยูแต่ก็รู้สึกเศร้า นางกับเขาจะมีโอกาสได้พบกันอีกหรือไม่?
“เจ้ารอข้ากลับมานะ” อาหยูมองหน้าหลิวหลานก่อนจะพูดขึ้น หลิวหลานยิ้มพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
ถังหลี่พาอาหยูนั่งรถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนของรองเจ้าคณะมณฑลทันที ระหว่างทางอาหยูทั้งประหม่าทั้งตื่นเต้น ตัวของเขาถูกพรากจากอกบิดามารดาตั้งแต่อายุได้สิบขวบ ตอนนี้ผ่านไปเกือบสิบสามปีแล้ว ช่วงแรก ๆ ตัวเขานั้นคิดถึงบิดามารดามาก ต่อมาความหวังที่จะได้กลับบ้านก็เริ่มเลือนลางมากขึ้น เขารู้ตัวเองว่าไม่มีโอกาสที่จะหนีไปพบพวกท่านได้อีกตลอดชีวิตนี้
แต่ไม่คาดคิดว่าโอกาสเช่นนี้จะมาเยือนเขาอีกครั้ง อาหยูไม่คาดหวังว่าได้เจอพวกท่านอีกครั้ง นี่นับว่าเป็นโชคจริง ๆ
รถม้าวิ่งมาหยุดที่หน้าจวนรองเจ้าคณะมณฑล
บ่าวรับใช้ในจวนทุกคนต่างรู้จักถังหลี่ ทั้งนายท่านอู่โหวเยว่ และฮูหยินเองก็ชอบสตรีผู้นี้มาก นางจึงเปรียบเสมือนเจ้านายคนหนึ่งในจวน เมื่อทุกคนเห็นรถม้าของถังหลี่ หนึ่งในนั้นจึงรีบวิ่งไปรายงานทันที
“ถังหลี่มาหรือ?” ฮูหยินอู่มีความสุขเมื่อได้ยินประโยครายงานของบ่าวรับใช้ นางเดินออกไปด้านนอกด้วยความดีใจ จนเกือบจะชนเข้ากับสามีที่ยืนถือกรงนกอยู่ที่ลานบ้าน อู่โหวเยว่มองไปที่ภรรยาพลางกล่าวตำหนิ
“ฮูหยิน เหตุใดจึงซุ่มซ่ามนักเล่า? เจ้าเป็นถึงฮูหยินอู่ต้องรู้จักวางตัวให้สง่างามหน่อย” เมื่อเห็นท่าทางของฮูหยินเขารู้สึกสงสัยเล็กน้อยก่อนจะถามออกมา
“ฮูหยิน เจ้าดูรีบร้อนมากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นนั้นหรือ?”
“เสี่ยวถังมาที่นี่ ข้าจะออกไปต้อนรับนาง” ฮูหยินอู่กล่าว
เมื่อได้ยินว่าถังหลี่มาอู่โหวเยว่เองก็มีหน้าตาท่าทางสดใสขึ้น เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้กินขนมพิเศษที่ไม่มีในชิงเหอ เป็นขนมที่สหายเก่าแก่นำมาฝาก เขารู้สึกอยากทานขนมที่ว่านี้อีกครั้งจึงอยากขอร้องให้ถังหลี่ลองทำดู แต่เมื่อเขาไปหานางที่ร้านอาหารไม่ว่าจะกี่ครั้ง ก็ไม่เคยได้พบนางเลย ตอนนี้นางมาถึงจวนจึงทำให้อู่โหวเยว่นึกดีใจ
“ลูกสะใภ้มาหรือ? ข้าจะรีบไปพบนาง” อู่โหวเยว่วางกรงนกรีบวิ่งไปทันทีอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าฮูหยินของเขาเสียอีก
ฮูหยินอู่ถึงกับยืนนิ่งอึ้ง
ความสุขุมของนายท่านตระกูลอู่หายไปไหน?
ฮูหยินอู่เกือบจะเค้นหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ แต่ก็ต้องรีบตามไปเพื่อพบกับถังหลี่และอาหยู
ครั้นมาถึง สายตาของนางจับจ้องไปที่ชายหนุ่มข้างกายถังหลี่ ทันใดนั้นเองตัวของนางก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที