เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 346 ค้นหาเงื่อนงำ
บทที่ 346 ค้นหาเงื่อนงำ
“อาจเป็นเรื่องบังเอิญก็เป็นได้” กู้อิ๋นยังใจเย็น นางหันไปสั่งจู๋เยว่ว่า
“ไปตรวจดูสิว่าถังหลี่ตายหรือยัง?”
“เจ้าค่ะ”
สำหรับคนที่กระวนกระวายใจรอคอยฟังข่าวเช่นกู้อิ๋นเวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า นางเดินไปรอบๆ ห้อง นเหล่านั้นเป็นนักฆ่ามืออาชีพ ไม่มีทางที่ถังหลี่จะหนีหลุดรอดไปได้ นางต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน การที่เจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่มาตรวจค้นอาจจะเป็นเหตุบังเอิญ กู้อิ๋นปลอบใจตนเอง กว่าที่จู๋เยว่จะกลับมาถึงก็ล่วงเลยมาจนค่ำแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณหนู ถังหลี่ยังไม่ตายเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกนักฆ่าเหล่านั้นโดนเจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่จับตัว พวกเขายังไม่ตาย”
กู้อิ๋นเหมือนโดนสายฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ นางคิดไว้แค่สองอย่างเท่านั้น คือหนึ่งถังหลี่ตายไปแล้ว หรือไม่นักฆ่าก็ถูกจับตัวไป แต่นี่กลับกลายเป็นว่าถังหลี่ยังไม่ตาย อีกทั้งนักฆ่ายังโดนจับได้อีก นางไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าผลลัพธ์จะออกมาเลวร้ายเช่นนี้
กู้อิ๋นลนลาน พี่ชายของนางเป็นขุนนางของศาลต้าหลี่ เขาเก่งในเรื่องสืบสวนคดี นางต้องไปเลียบเคียงถามเขา
เท้าไวเท่าความคิด กู้อิ๋นเดินออกจากห้อง แต่แล้วต้องชักเท้ากลับ ไม่ ! นางจะใจร้อนไม่ได้ หากนางรีบไปไต่ถาม ด้วยนิสัยระแวดระวังของพี่ชายย่อมทำให้เขาผิดสังเกต ใจเย็นๆ อย่าได้วู่วาม ต้องค่อยๆ คิดหาทางออก
“จู๋เยว่ พวกนักฆ่าเห็นใบหน้าของเจ้าหรือไม่?”
“บ่าวสวมเสื้อคลุม มีหมวกปกปิดเอาไว้เจ้าค่ะ” กู้อิ๋นถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ไม่ทันไรนางก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีก
……………..
ในขณะที่กู้อิ๋นกินไม่ได้นอนไม่หลับทั้งคืน ถังหลี่กลับกินอิ่นนอนหลับได้อย่างสบายใจ วันรุ่งขึ้นนางจึงไปจวนสกุลกู้อีกครั้ง เมื่อไปถึงจึงได้พบว่ากู้อิ๋นกำลังอยู่กับฮูหยินกู้ ใบหน้าของกู้อิ๋นดูทรุดโทรมเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ยามที่สบตากันกู้อิ๋นก็เลี่ยงไป ถังหลี่ยิ้มเยาะในใจเมื่อคิดว่ากู้อิ๋นก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้เหมือนกัน
ฮูหยินกู้อดมองถังหลี่ไม่ได้ นางได้ข่าวว่ามีนักฆ่าตามทำร้ายถังหลี่ ตอนแรกนางถึงกับจะออกจากจวนไปหาถังหลี่เลยทีเดียว แต่กลับพบว่าถังหลี่มาหาถึงหน้าประตูแล้ว นางจึงได้แต่รออยู่ในเรือนจนกระทั่งเห็นกับตาตนเองว่าถังหลี่ปลอดภัย ฮูหยินกู้จึงได้โล่อก นางกวักมือเรียกถังหลี่เข้ามาใกล้
“ถังหลี่ เข้ามาหาข้าเถิด” ถังหลี่เดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย ฮูหยินกู้ลูบไล้เนื้อตัวนางไปมา เพื่อตรวจสอบดูว่านางได้รับบาดเจ็บที่ไหนหรือไม่? เมื่อนางเอามือออกจึงเห็นว่าสาวน้อยตาแดงก่ำ
“เด็กน้อย เจ้าร้องไห้ทำไม?” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย ถังหลี่ส่ายหน้า
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่คิดว่าท่านเหมือนมารดาของข้า”
ยามที่ถังหลี่เอ่ยประโยคนี้ออกมาสีหน้าของกู้อิ๋นเปลี่ยนไปทันที
ทำไมถังหลี่ไม่ตายไปเสีย ?
ร่างกายของนางตึงเครียดเต็มไปด้วยกังวล ราวกับรู้ว่าตนเองกำลังเผชิญกับศัตรูที่มีความน่ากลัว
บางครั้งความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ถังหลี่รับรู้ได้ถึงความสงสารและห่วงใยจากฮูหยินกู้อย่างเต็มเปี่ยม นางลูบหัวของถังหลี่เบาๆ
“เด็กน้อย มารดาของเจ้าอยู่ไหนหรือ?”
“ข้าถูกเลี้ยงดูมาโดยบิดามารดาบุญธรรม ข้าไม่รู้ว่าบิดามารดาที่แท้จริงของข้าเป็นใครเจ้าค่ะ”
ชีวิตของเด็กสาวผู้นี้ช่างหมือนกับกู้อิ๋นลูกสาวของนางเหลือเกิน
“บิดามารดาของเจ้าดีกับเจ้าหรือไม่?” ฮูหยินกู้จับมือนางเอาไว้ในขณะที่เอ่ยถาม
“ค่อนข้างดีเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้าไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของพวกเขา” ถังหลี่กล่าวตามตรง บิดามารดาบุญธรรมของร่างเดิมใจดีกับนางมาก ครอบครัวที่รับเลี้ยงนางเอาไว้ถือได้ว่าเป็นครอบครัวมีอันจะกินในหมู่บ้าน สามีภรรยาแต่งงานมาหลายปีและรับเลี้ยงร่างเดิมเอาไว้ หลังจากรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมได้ไม่นานต่อมาจึงได้ให้กำเนิดบุตรชาย ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังดีกับนางถือว่านางเป็นเสมือนดาวนำโชคของพวกเขาด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นครอบครัวนี้ได้ให้กำเนิดบุตรออกมาถึงสี่คน พวกเขาจึงไม่ค่อยมีเวลาให้ร่างเดิมเหมือนเดิม นางจึงถูกละเลยเป็นธรรมดา แต่อาหารการกินหรือแม้แต่เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มก็ไม่ได้ลดน้อยลง นั่นจึงเป็นเหตุที่ว่าตอนที่ถังหลี่ได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ ร่างกายของนางจึงได้บอบบาง อ่อนนุ่มเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยให้นางต้องทำงานบ้านเลย
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ใช่บิดามารดาที่แท้จริง หากบุตรในสายเลือดของพวกเขามีความคิดเห็นแตกต่างออกไปย่อมทำให้เกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้ เมื่อถังหลี่เข้ามาอาศัยร่างนี้ นางจึงไม่เคยคิดที่จะกลับไปหาพวกเขาเลย หากกลับไปก็รังแต่จะเป็นภาระสร้างปัญหาให้พวกเขาเสียเปล่าๆ
“เจ้าพอจะมีเบาะแสของบิดามารดาที่แท้จริงของเจ้าหรือไม่?”
ถังหลี่มองฮูหยินกู้ “อีกไม่ช้าข้าจะหาพวกเขาเจอเจ้าค่ะ” ฮูหยินกู้รู้สึกดีใจไปกับถังหลี่ด้วย
“ดีเหลือเกิน”
กู้อิ๋นที่รออยู่อย่างกระวนกระวายใจเป็นเวลานาน ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าการสนทนาจบลงแล้ว
…….
ศาลต้าหลี่
กู้หวนเนี่ยน นั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนยืนรายงานอยู่เบื้องหน้า
“ใต้เท้า พวกเราไปค้นหาบุคลต้องสงสัยตามรูปภาพนั้น พบว่า…” เจ้าหน้าที่ผู้นั้นหยุดชั่วคราวก่อนจะมองไปยังกู้หวนเนี่ยน “นางเข้าไปยังจวนสกุลกู้ขอรับ” สีหน้าของกู้หวนเนี่ยนเปลี่ยนไปเมื่อได้ยิน
“จวนสกุลกู้หรือ?”
เขาหยิบรูปภาพขึ้นมาดูอีกครั้ง เท่าที่เห็นคือรูปภาพของหญิงสาวอายุราวๆ สิบห้าถึงสามสิบปีเนื่องจากนางใส่เสื้อคลุมที่มีหมวกปิดบังใบหน้าเอาไว้ จึงทำให้เห็นแค่เพียงรูปร่างเท่านั้น อย่างไรก็ตามการจดจำลักษณะของบุคลนั้นไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะเป็นแค่ใบหน้า เพียงแต่ใบหน้านั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด นอกเหนือจากใบหน้าแล้วยังมีลักษณะอื่นๆ ให้จดจำอีกมากมาย
กู้หวนเนี่ยนมองที่มือและเสื้อผ้าของนาง เขาเป็นคนที่มีความจำดีมาก หากได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวก็จะจำได้ไม่ลืม ตราบใดที่เขาเคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน เขาย่อมจำได้ ทว่าน่าเสียดายที่ภาพนี้วาดขึ้นจากความทรงจำของนักฆ่า เขาจึงไม่อาจเก็บรายละเอียดได้มากนัก
กู้หวนเนี่ยนหลับตาคิดถึงบ่าวและคนรับใช้ในจวนสกุลกู้ ทั้งหมดมีคนอยู่หนึ่งร้อยสามสิบห้าคน เป็นผู้หญิงเสียหกสิบสามคน เขาจำคนเหล่านั้นได้ หลังจากตัดออกจึงเหลือแค่เพียงห้าคนเท่านั้น
“ตามข้าไปจวนสกุลกู้”
“ขอรับ” กู้หวนเนี่ยนไปถึงจวนสกุลกู้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกห้าคน
พ่อบ้านรีบออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นเป็นกู้หวนเนี่ยนและผู้ใต้บังคับบัญชาเขาจึงรู้ว่านายท่านมาด้วยเรื่องกิจธุระจึงได้พูดอย่างเคารพว่า
“ใต้เท้ากู้”
กู้หวนเนี่ยนพูดถึงบุคลต้องสงสัยทั้งห้า เขาจำชื่อไม่ได้ หากแต่จำลักษณะของคนเหล่านั้นได้ เมื่อเขาพูด พ่อบ้านจึงรู้ว่าเป็นใคร
“พาพวกเขามาพบข้า”
“ขอรับใต้เท้า”
พ่อบ้านไปเรียกคนทั้งห้ามา ไม่นานก็มีสองคนเดินเข้ามา ดวงตาของกู้หวนเนี่ยนกวาดดู ไม่ใช่ คนที่สามเดินเข้ามา ตามด้วยคนที่สี่ก็ยังไม่ใช่อีก เหลือเพียงคนสุดท้าย
พ่อบ้านปาดเหงื่อที่หน้าผาก
“ใต้เท้า คนสุดท้ายเป็นสาวใช้ชื่อจู๋เยว่ นางเป็นสาวใช้ข้างกายคุณหนู หากยามนี้ยังหานางไม่เจอ ไม่ทราบว่านางไปไหนขอรับ”
…………………………….
Comments for chapter "บทที่ 346 ค้นหาเงื่อนงำ"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Nan004923
อ่านมาถึงตอนนี้จึงรู้ว่านางเอกของเรื่องคือคนเนรคุณค่อพ่อแม่บุญธรรมของตัวเอง รู้สึกว่านักเขียนจะงงกับเนื้อเรื่องที่จะเขียนซะเอง พอแค่นี้ล่ะ ไม่ไปต่อดีกว่า