เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 368 ชีวิตของจู๋เยว่
บทที่ 368 ชีวิตของจู๋เยว่
หวังเซี่ยนอยู่ติดกับมณฑงชิงเหอ หากต้องการไปเมืองหลวงจากชิงเหอ จะต้องผ่านหวั่งเซียน
“เจ้ามาจากเมืองหวังเซี่ยน บิดาของเจ้าหลงใหลการสรรหายาอายุวัฒนะ ส่วนมารดาชอบศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าจะมีงานอดิเรกแตกต่างกันไปแต่ก็รักใคร่กันเป็นอย่างดี ทั้งบิดามารดาถือว่าเจ้าเป็นแก้วตาดวงใจของเขา แต่ก่อนเจ้าจึงเป็นครอบครัวที่มีความสุข” ถังหลี่พูดเรื่อยๆ
ในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ร้านอาหารหนิงเฟิงของถังหลี่ได้เปิดให้บริการในอำเภอหวังเซี่ยน เครือข่ายข่าวกรองของนางในเมืองชิงเหอและหวังเซี่ยนก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น เหตุผลที่ถังหลี่รู้เรื่องชีวิตของจู๋เยว่เป็นเพราะนางใช้ข้อมูลในนวนิยายและเครือข่ายข่าวกรองของนางออกตามหา
เมื่อถังหลี่พูดแบบนั้น จู๋เยว่มีท่าทีตอบสนองขึ้นมา
“ในตอนที่บิดาของเจ้ากำลังหลงใหลคิดค้นหาตำรับยาอายุวัฒนะ มารดาของเจ้าก็คอยหาชาและสุราให้แก่เขา หากนางฝึกศิลปะการต่อสู้เมื่อใด บิดาของเจ้าก็จะเฝ้ามองไม่ห่าง เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้ภรรยา เมื่อเจ้าเติบโตขึ้นจึงฝึกวิทยายุทธ์เหมือนกับมารดาของเจ้า ทักษะของเจ้าไม่ธรรดา บ่อยครั้งพลั้งเผลอทำตนเองบาดเจ็บ บิดาของเจ้าได้แต่ลอบถอนหายใจ”
ถังหลี่กล่าว จู๋เยว่เหมือนจะจดจำเรื่องในอดีตได้เป็นอย่างดี ดวงตาของนางสว่างวาบขึ้น
“ครอบครัวของเจ้าอาศัยอยู่บริเวณเชิงเขาที่ห่างไกล แต่ก็มีความสุขและความอบอุ่นดี แต่อย่างไรก็ตามเจ้ารู้ถึงความลับที่ครอบครัวซ่อนไว้ ความลับนั้นทำให้บิดามารดาเจ้าต้องกลุ้มใจ และทำให้เจ้าไม่สบายใจไปด้วย”
“แต่ถึงไม่สบายใจอย่างไร พวกเจ้าก็ใช้ชีวิตอย่างสงบไปวันๆ จนกระทั่งหกปีก่อน เจ้าและมารดาได้ช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้จากการถูกโจรปล้น พวกเจ้าช่วยเหลือพานางกลับมาบ้าน เด็กสาวคนนั้นได้รับบาดเจ็บ ด้วยการดูแลของเจ้าไม่นานนักนางก็หายดี”
ผู้หญิงคนนั้นคือกู้อิ๋นหรือจูชุนเจียวนั่นเอง
“นางบอกพวกเจ้าว่านางกำลังจะไปตามหาญาติที่เมืองหลวง นางจากไปหลังจากที่อยู่บ้านของเจ้าได้สักระยะหนึ่ง”
“หลังเหตุการณ์นี้ไม่นานสิ่งที่บิดามารดาของเจ้ากลัวที่สุดก็มาถึง พวกเขามีศัตรูที่กำลังไล่ตามหาอยู่ ความจริงแล้วบิดาและมารดาของเจ้ากำลังหลบซ่อนและอาศัยอยู่อย่างสันโดษ เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย พวกเขาเสียชีวิตในเหตุการณ์สู้รบครั้งนี้ ครอบครัวที่อบอุ่นมีความสุขจึงหายไป”
น้ำตาของจู๋เยว่ไหลลงมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ดวงตาของนางแฝงไปด้วยความเจ็บปวด
“ครอบครัวของเจ้าพังทลาย ส่วนตัวเจ้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าได้รับการช่วยเหลือจากเด็กสาวที่เคยช่วยชีวิตไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่นางชักจูงเจ้า เจ้าจึงตกลงเป็นข้ารับใช้ของนาง ยอมเป็นคมดาบที่ฟาดฟันขวากหนามเพื่อให้นางบรรลุสู่จุดมุ่งหมาย”
เมื่อพูดถึงความภักดีที่จูชุนเจียวได้รับจากจู๋เยว่ก็เป็นเพราะรัศมีนางเอกของนาง ในนวนิยายนั้นกู้อิ๋นได้เป็นฮองเฮา นางก็เหยียบเลือดเนื้อซากศพผู้คนขึ้นไปเช่นนั้น
จู๋เยว่กำหมัดแน่น สิ่งที่ถังหลี่พูดนั้นกระทบจิตใจของนางมาก
“แต่จู๋เยว่ เจ้าเคยคิดไหมว่าบิดามารดาของเจ้าปกปิดหลบซ่อนตัวไว้อย่างดี ใครเป็นคนเปิดเผยที่อยู่ของพวกเขา?” ถังหลี่ถามทันที
จู๋เยว่มองถังหลี่ นางไม่พูดอะไร
จู๋เยว่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ศัตรูตามรังควานพวกนางมาตลอด เมื่อถูกค้นพบเข้าจึงเกิดโศกนาฏกรรมตามมา นางจึงไม่ได้คิดถึงสาเหตุอื่นอีกเลย
“จูชุนเจียวรู้ตัวตนของบิดามารดาของเจ้านานแล้ว นางอยากได้ตำรับยาอายุวัฒนะจากบิดาของเจ้า ตอนที่นางอยู่หวังเซี่ยน นางพบกับศัตรูของพวกเจ้า นางบอกที่หลบซ่อนให้พวกเขารู้ นางใช้ประโยชน์จากคนเหล่านั้น เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น นางจึงขโมยตำรับยาไป”
มันคือชาวนาและงูเห่า
จูชุนเจียวนังงูพิษ!
จูชุนเจียวได้รับความช่วยเหลือเพราะความใจดี แต่เป็นเพราะความทะเยอทะยานของนาง ชาวนาจึงถูกงูเห่าแว้งกัด! ครอบครัวของนางต้องจบชีวิตลง จู๋เยว่ไม่อยากเชื่อ นางส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้! คุณหนูไม่มีทางทำเช่นนั้น”
“เจ้าอยู่เคียงข้างกู้อิ๋นมาหลายปี ย่อมรู้ว่านางเลวทรามเพียงใด” ถังหลี่กล่าว
หลังจากที่จู่เยว่ติดตามกู้อิ๋นมาหกปี แน่นอนว่านางรู้ดีว่าคุณหนูของนางเป็นคนเช่นไร แต่จู๋เยว่นั้นไม่มีห่วงอีกแล้ว เมื่อบิดามารดาจากไปนางก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล คุณหนูช่วยเหลือมอบชีวิตให้กับนาง ไม่ว่าคุณหนูของนางอยากได้อะไร นางจะทำทุกอย่าง
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมามือของนางเปื้อนเลือด แต่ทว่านางไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่สังหารบิดามารดาของนางคือ…
“เจ้าพูดจาไร้สาระ” จู๋เยว่มองถังหลี่ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อปีที่แล้วจูชุนเจียวได้เจอกับหมอเทวดาที่ช่วยเหลือฮ่องเต้ได้” ถังหลี่พูดขึ้น
“หมอคนนั้นมีตำรับยาอายุวัฒนะ ยาของเขาทำให้ผู้คนดูอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยกำลังวังชามากขึ้น”
หมอคนนั้นก็ได้รับตำแหน่งหมอเทวดาทำให้มีชื่อเสียงรู้จักกันไปทั่ว ถังหลี่รู้ว่ายาอายุวัฒนะเป็นยาที่ออกฤทธิ์ทางประสาทชนิดหนึ่ง ทำให้คนตื่นตัว กระฉับกระเฉง นี่ไม่ใช่ของดีแต่อย่างใด เพียงเพราะคนในยุคนี้ยังไม่รู้จักมัน จึงถือว่าเป็นของมีค่าหาได้ยาก ข้อดีของยาชนิดนี้ก็คือ มันสามารถช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้ ถังหลี่มองไปที่จู๋เยว่
“เจ้าไม่รู้สึกคุ้นเคยกับผลของยาอายุวัฒนะตัวนี้หรือ?” ดวงตาของจู๋เยว่เบิกกว้างขึ้นมากระทันหัน
นั่น…ทำให้นางนึกถึงยาอายุวัฒนะที่บิดาเป็นคนปรุงขึ้นมา มารดาของนางไม่ยอมแตะต้องมัน นางเคยเห็นบิดาใช้ยาตัวนี้ไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้นกับชายชราที่มีอาการป่วยหนัก ร่างกายทรุดโทรมและเจ็บปวดมากจนร้องไห้ทุกวัน บิดาของเขามอบยาให้แก่ชายชราผู้นั้น หลังจากนั้นเขาจึงหายเป็นปกติ หน้าตาสดชื่นผ่องใสไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก นางเองยังคิดว่ายาตัวนี้นั้นดีมาก แต่มารดาของนางกล่าวว่ายานั้นช่วยให้มีความสุขได้ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แท้จริงแล้วมันแฝงไว้ด้วยอันตราย ชายชราผู้นั้นจากไปหลังจานั้นไม่นาน
“ยา…”จู๋เยว่พูดอย่างสั่นเทา
“เจ้าคิดถึงยาที่อยู่ในมือของจูชุนเจียวให้ดีๆ” ถังหลี่กล่าว
จูชุนเจียวมีรัศมีของความเป็นนางเอก นางหลอกลวงจู๋เยว่ หลังจากที่ถูกเปิดโปงแล้ว คนที่สนิทชิดเชื้อกับนางที่สุดอย่างจู๋เยว่จะเปิดเผยความลับที่นางรู้ทันที หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะสืบคดี
เมื่อเด็กสาวคนนั้นได้รับการช่วยเหลือจนกลับไปหาญาติได้ นางดูสนใจยามาก…แต่แล้วก็มีศัตรูบุกเข้ามา หลังจากที่นางจากไปได้ไม่นานบิดามารดาของนางตายพร้อมกัน
ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ คุณหนูก็มาช่วยนางในตอนนั้นเช่นกัน ทุกอย่างดูเป็นเรื่องบังเอิญจนเกินไป
นางร้ายกาจมาก ดูเหมือนว่านี่คือฝีมือของนางจริงๆ แน่นอนว่าหลักฐานชิ้นที่สำคัญที่สุดคือตำรับยาตัวนั้น สิ่งที่ทำลายครอบครัวของนาง ทุกครั้งที่จู๋เยว่หลับตาลงภาพของบิดาที่ล้มลงท่ามกลางกองเลือด มารดาที่สู้จนลมหายใจสุดท้ายจนตายไปพร้อมกับศัตรูก็ผุดขึ้นมา
เลือดที่อุ่นร้อนของบิดามารดาของนางสาดกระเซ็นไปทั่ว… จู่ๆ จู๋เยว่ก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางแดงก่ำเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ทำไม ทำไมต้องทำเช่นนี้กับข้า!”
“ท่านพ่อท่านแม่ ข้าขอโทษ!”
“เยว่เอ๋อร์โง่มาก ฮือออ”
จู๋เยว่ร้องไห้ ถังหลี่มองไปที่นางและถอนหายใจ นางเป็นคนน่าสงสาร แต่ถึงแม้ว่าจะน่าสงสารเพียงใดเมื่อทำผิดก็สมควรถูกลงโทษ
หลังจากนั้นไม่นานถังหลี่ก็เดินออกไปจากห้องขัง นางเห็นกู้หวนเนี่ยนยืนรออยู่ด้านนอก เขามองไปที่ถังหลี่อย่างกังวลใจ รู้สึกโล่งอกที่นางไม่เป็นอะไร
“พี่ใหญ่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” ถังหลี่พูดอย่างมั่นใจ