เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 392 นางติงปฏิเสธ
บทที่ 392 นางติงปฏิเสธ
ห้องขังของกรมอาญา
คนร้ายที่ถูกส่งไปฆ่าปิดปากผู้เฒ่าอู๋ รับสารภาพว่านางติงส่งพวกเขาไปฆ่า ส่วนสาวใช้ทั้งสองเมื่อรู้ว่านางติงพยายามที่จะฆ่าพวกนางเพื่อปิดปาก ทั้งสองจึงตกลงเป็นพยานปากเอกให้การว่าแท้จริงแล้วนางติงคือฆาตกร ตอนนี้ก็จึงเหลือแค่การพิจารณาคดีในศาลเท่านั้น
“อู่ชื่อหลาง” เจิ้งจู่เหวินเดินเข้ามา มองไปยังคนที่คุกเข่าต่อหน้าเว่ยฉิง
“นี่เป็นคดีที่นางกัวถูกผลักตกบ่อน้ำใช่ไหม? พวกเขาเป็นพยานหรือ?” เว่ยฉิงพยักหน้า
“ขอรับ ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
“ในฐานะเจ้ากรมอาญา ข้ารู้สึกเสียใจมากที่เห็นคดีเมื่อสิบสองปีที่แล้วถูกตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม ข้าอ่านรายงานทั้งคืนจึงเห็นว่าเป็นคดีที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ข้าจะทำคดีด้วยตัวเอง อู่ชื่อหลางส่งคดีนี้มาให้ข้าเถอะ”
เจิ้งจู่เหวินพูดโดยไม่ละอายแก่ใจ
เว่ยฉิงเย้ยหยันอยู่ในใจ หากเขาส่งมอบคดีนี้ให้ไปจะไม่เป็นเหมือนสิบสองปีที่ผ่านมาหรือ? หลักฐานทุกอย่างถูกทำลาย คดีถูกปิดอย่างเร่งรีบ สุดท้ายผู้ตายไม่ได้รับความเป็นธรรม ฆาตกรกลับลอยนวล
“ใต้เท้า การสืบสวนในครั้งนี้ใกล้เสร็จสิ้นแล้วเหลือเพียงแค่การพิจารณาคดีเท่านั้น ใต้เท้าเองก็มีภารกิจมาก ท่านปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดการเถิด” เว่ยฉิงกล่าว
คำพูดของเว่ยฉิงนั้นเต็มไปด้วยความเคารพ อ่อนน้อม แต่มีความหมายที่แฝงอยู่อย่างเปิดเผยว่า ไม่มีทางมอบให้!
เจิ้งจู่เหวินหรี่ตาลง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคิดแค้นเว่ยฉิงอยู่เงียบๆ
“ใต้เท้า การพิจารณาคดีจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า หากท่านมีเวลาก็สามารถมาดูได้” เว่ยฉิงเอ่ยชวน
เจิ้งจู่เหวินเค้นหัวเราะ
“การพิจารณาคดีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วหรือ? อู่ชื่อหลางเจ้าใจร้อนจริงๆ”
“ตื่นจากความฝันในค่ำคืนที่ยาวนาน” เว่ยฉิงพูดอย่างมีนัย
“คุณชายอู่ ในฐานะที่ข้าเคยมีประสบการณ์มาแล้ว ข้าขอเตือนท่านว่าอย่าใจร้อนเกินไป มิฉะนั้นอาจจะทำให้ผิดพลาดได้”
“ข้าจะจดจำคำสอนของท่านใต้เท้าเอาไว้ให้ดี” เว่ยฉิงกล่าว
เจิ้งจู่เหวินใช้สายตาจ้องเขม็งไปที่เว่ยฉิงอย่างดุร้าย แต่สีหน้าของเว่ยฉิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกถึงความตึงเครียดจากคนทั้งสอง เขาได้แต่ถอนหายใจว่ารองเจ้ากรมอาญาช่างมีความกล้าที่จะพุ่งเข้าชนคนผู้นี้
อย่างไรก็ตามหากเทียบกับศาลต้าหลี่และกรมตรวจตราแล้ว บทลงโทษของกรมอาญามักเป็นสถานเบา ใต้เท้าเจิ้งมักจะอ่อนข้อให้และหันกลับมาดุด่าผู้ใต้บังคับบัญชาแทน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กรมอาญาจึงได้มีสถานะต่ำลงเรื่อยๆ ไม่นานนักจึงกลายเป็นถูกทอดทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง
เจ้าหน้าที่ของกรมอาญาทุกคนล้วนเสียใจที่ต้องก้มหัวอ่อนน้อมต่อหน้าศาลต้าหลี่และกรมตรวจตรา หากใต้เท้าเจิ้งเป็นเหมือนรองเจ้ากรมอาญาแล้ว ศักดิ์ศรีของพวกเขาคงจะไม่ต่ำต้อยเช่นทุกวันนี้
เจิ้งจู่เหวินถลกแขนเสื้อก่อนจะรีบเดินออกจากห้อง ตามด้วยเว่ยฉิง
ที่ศาล
เว่ยฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้พิพากษา มีเจิ้งจู่เหวินนั่งอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง
ไม่นานนัก นางติงที่มีสีหน้าหวาดกลัวจึงได้ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวมา เมื่อเห็นเจิ้งจู่เหวินดวงตาของนางมีความหวังขึ้นมาทันที เมื่อนางคิดจะเอ่ยปาก แต่เขากลับสบตาแล้วส่ายหน้า นางติงเข้าใจจึงได้ปิดปากเงียบลง ตอนนี้มีเจิ้งจู่เหวินแล้วนางจะปลอดภัย!
“อู่ชื่อหลาง เจ้าต้องเข้มงวดในการตัดสินคดี ถึงจะมีพยานและหลักฐานครบถ้วน แต่ผู้ต้องหาต้องให้การรับสารภาพเท่านั้น เจ้าจึงจะตัดสินลงโทษได้ เจ้าไม่สามารถชักจูงให้สารภาพโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมได้” เจิ้งจู่เหวินพูดขึ้นกับเว่ยฉิง
คำพูดของเขาฟังเผินๆ เหมือนกล่าวกับเว่ยฉิง แต่แท้จริงแล้วคือเขากำลังเตือนนางติงไม่ให้นางสารภาพผิด ตราบใดที่นางยังไม่สารภาพเขาจะยังช่วยเหลือนางได้ นางติงได้ยินและเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี
ที่ด้านนอกมีผู้คนจำนวนมากพากันมาดูการตัดสินคดีในครั้งนี้ ท่ามกลางคนเหล่านั้น มีบุรุษและสตรียืนเคียงข้างกัน คือถังหลี่และไป๋มู่หยางนั่นเอง
ดวงตาของไป๋มู่หยางล้ำลึกและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ความแค้นและความอาฆาตในหัวอกของเขาเพิ่มมากขึ้น นางติง…เจิ้งจู่เหวิน…
สองคนนี้ใช้มือปิดท้องฟ้าฆ่ามารดาของเขา!
“พี่ใหญ่” ถังหลี่คว้าแขนของไป๋มู่หยางและมองชายหนุ่มอย่างเป็นห่วง
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่กังวลเขาก็มองไปที่ใบหน้าของน้องสาว ไป๋มู่หยางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ความเกลียดชังที่สุมแน่นค่อยๆ จางหาย ไป๋มู่หยางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“พี่ไม่เป็นไร”
“เอาล่ะความจริงจะถูกเปิดเผยในไม่ช้านี้แล้ว คนที่ทำผิดจะได้รับโทษในที่สุด” ถังหลี่พูดขึ้น
การพิจารณาคดีเริ่มต้นขึ้น มีการเบิกตัวพยานหลายคนขึ้นมา
“นางว่าจ้างเราให้ไปฆ่าปิดปาก” คนร้ายเหล่านั้นรับสารภาพอย่างปราศจากความลังเล เมื่อนางติงได้ยินใบหน้าของนางบิดเบี้ยวทันที คนเหล่านี้บุตรชายของนางเป็นผู้จ้างวานทั้งสิ้น ไม่เพียงแค่ทำงานไม่สำเร็จแต่ยังสารภาพปรักปรำนางอย่างง่ายดาย
นางคิดว่าไป๋ซวี่หยางไว้ใจได้ แต่เมื่อคิดย้อนดูแล้ว นางคงตั้งความหวังกับบุตรชายไว้สูงจนเกินไป หากรู้เช่นนี้นางคงเลือกที่จะส่งจดหมายมาให้ใต้เท้าเจิ้งเสียจะดีกว่า อย่างน้อยนางจะไม่ถูกจับได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ติงเสี่ยวเหลียนรู้สึกเสียใจขึ้นมา
ต่อมาคือสาวรับใช้ทั้งสอง
สาวใช้สองคนนี้อยู่กับนางติงมานานกว่าสิบปี นางติงนั้นโหดเหี้ยม ทำให้สาวใช้ทั้งสองไม่มีความผูกพันกันฉันนายบ่าวมากนัก พวกเขาแสร้งทำดีต่อหน้านางติงเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น เมื่อรู้ว่านางติงต้องการที่จะฆ่าปิดปาก พวกนางจึงไม่ลังเลที่จะแฉนางติงจนหมดเปลือก
ไม่สารภาพก็ตาย หากสารภาพอาจจะยังมีทางรอด
“ตอนนั้นข้าเห็นกับตาตัวเองว่าสาวใช้ของนางติงเป็นคนผลักนางกัวลงไป สาวใช้คนนั้นมีพละกำลังมาก”
“ข้าได้ยินกับหูว่านางเป็นคนสั่งให้สาวใช้ผลักนางกัวให้ตกบ่อน้ำ”
“หลังจากเกิดเหตุวันนั้น ข้าก็ไม่เคยเห็นสาวใช้คนนั้นอีกเลย”
ทั้งสองอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างระมัดระวัง
“เจ้าพูดไร้สาระ! ข้าไม่ได้สั่ง พวกนางใส่ร้ายข้า!” นางติงโต้ตอบอย่างรวดเร็ว นางจำคำพูดของเจิ้งจู่เหวินได้ หากนางไม่ยอมรับผิดและไม่สารภาพผิด ก็จะไม่มีกฎหมายใดลงโทษนางได้!
จากนั้นผู้เฒ่าและนางอู๋ก็มาที่ศาล
ผู้เฒ่าอู๋เป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด เขาสามารถพูดได้อย่างชัดเจน แต่น่าเสียดายที่หลักฐานของเขาในตอนนั้นถูกทำลายไปจนหมดแล้ว
พวกเขามาที่ศาล อดีตใต้เท้าอู๋เป็นคนซักถามหลายครั้งแต่นางกลับปฏิเสธท่าเดียว
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่ได้ทำเหมือนที่เจ้าพูด อย่ามาใส่ร้ายข้า!”
“ใต้เท้า พวกเขาใส่ร้ายข้า ขอความเป็นธรรมให้ข้าด้วย” เว่ยฉิงขมวดคิ้ว เขาจะไม่รู้จุดประสงค์ของนางติงได้อย่างไร นางเป็นคนสั่งการ ให้ฆ่าคน
นางตั้งใจจะปฏิเสธ!
การตัดสินโทษของสาวใช้ทั้งสองและคนร้ายนั้นง่ายต่อการตัดสิน แต่คดีของนางกัวเกิดขึ้นนานเกินไป ทั้งยังขาดหลักฐานที่จับต้องได้ ตราบใดที่นางติงไม่ยอมรับสารภาพก็จะไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิด
นางเล่นตุกติกในชั้นศาล!
“หลักฐานสำหรับคดีของนางกัวที่ถูกผลักตกบ่อไม่เพียงพอ ตามที่เจ้าหน้าที่ผู้นี้ได้กล่าว เราจะต้องสอบสวนอีกครั้งแล้วตัดสินโทษจากหลักฐานที่มีเพื่อความน่าเชื่อถือ ในเมื่อหลักฐานไม่เพียงพอจึงถือได้ว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่”
เจิ้งจู่เหวินกล่าวขึ้นได้อย่างเหมาะเจาะ
นางติงมีความสุขทันที
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว ขอบคุณใต้เท้าสำหรับคำแนะนำเจ้าค่ะ!”
เว่ยฉิงไม่พูดอะไร
ในขณะที่นางติงกำลังคิดถ่วงเวลา เจิ้งจู่เหวินพยายามหาทางแก้ตัวให้แก่นางอย่างแน่นอน
ในช่วงที่กำลังจนมุมอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ใต้เท้า ข้ามีเรื่องจะกล่าว”
เขาเห็นหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางใส่ชุดสีชมพูเดินผ่านฝูงชนไปที่ศาล หญิงสาวคนนั้นคือถังหลี่!