เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 393 นางติงสารภาพ
บทที่ 393 นางติงสารภาพ
เจ้าหน้าที่สองคนขวางถังหลี่ไว้
“ให้นางเข้ามา” เว่ยฉิงกล่าว
เว่ยฉิงออกคำสั่งและเจ้าหน้าที่สองคนจึงได้เปิดทางให้นาง ถังหลี่เดินไปมองหน้าของนางติง นางติงขมวดคิ้วมองถังหลี่ นางจำได้ว่าคนผู้นี้เป็นภรรยาของอู่ชื่อหลาง นางสนิทกับไป๋มู่หยาง
เหตุใดนางจึงมาที่นี่ แน่นอนว่านางไม่มีหลักฐานอะไรพิสูจน์ได้
“นางติงสิบสองปีก่อนเจ้าฆ่านางกัว เจ้าไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเจ้าบ้างเลยหรือ? เจ้าไม่กังวลหรือ?” ถังหลี่เดินเข้าหานางติงถามอย่างเย็นชา
กังวลอะไร?
นางกัวตายไปแล้ว นางจะกลับมาแก้แค้นข้าได้หรือ?
“ข้าไม่ได้ทำร้ายนางกัว นางใส่ร้ายข้า! อย่าปล่อยให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องผู้นี้มาใส่ร้ายข้าและรบกวนศาล..”
จู่ๆ เสียงของนางติงก็หยุดลงเมื่อนางมองไปในดวงตาของถังหลี่ จู่ๆ นางก็รู้สึกวิงเวียนราวกับตกอยู่ในกระแสน้ำวน
หลังจากที่ตื่นขึ้นก็มีบางอย่างผิดปกติ ทุกอย่างมืดลงและบรรยากาศรอบตัวนางติงก็เปลี่ยนไป นางมองไปรอบๆตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในลานพิจารณาคดีแต่เป็นลานบ้าน ลานบ้านที่นางคุ้นเคย เมื่อกวาดตาดูรอบๆ สักพักจึงได้รู้ว่าที่นี่คือเรือนของนางกัว
เรือนนางกัวใหญ่โตกว้างขวางมาก นางติงต้องการครอบครองลานนี้มาตลอดตั้งแต่นางเข้ามาในจวนสกุลไป๋
อย่างไรก็ตามลานนี้เป็นของนางกัว หลังจากที่นางกัวตายยังจะมีไป๋มู่หยางอีก…
ทันใดนั้นสายตาของนางก็เหลือบไปเห็นบ่อน้ำที่ทำให้นางกัวเสียชีวิต!
นางติงจ้องมองบ่อน้ำแล้วรู้สึกขนลุกวาบขึ้นมา บรรยากาศในลานมืดมนอย่างบอกไม่ถูก ทันใดนั้นเองก็มีมือสีซีดไร้เลือดผุดขึ้นมาจากบ่อ นางติงตกใจจนถอยหลังไปสองก้าว
“ใครแกล้งเป็นผีมาหลอกข้า! สารภาพมานะ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอกออกไป!”
นางติงตะโกนเสียงดัง ในชั่วพริบตาต่อมา ร่างนั้นก็คืบคลานออกมาจากบ่อน้ำ เมื่อเห็นใบหน้านั้น นางติงหวาดกลัวจนเกือบเสียสติ
นางเห็นคิ้วเรียวยาวดวงตารูปเมล็ดซิ่งดูสง่างาม นั่นคือนางกัว! นางกัวมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!
นางกัวยังไม่ตายหรือ หรือเป็น…ผี!! นางกัวเดินเข้ามาหานางติงช้าๆ
“ไปให้พ้นอย่าเข้ามาใกล้ข้า!” นางติงตะโกนเสียงดัง แต่กลับไม่ทำให้ฝีเท้าของนางกัวหยุดชะงักลง นางยังคงเดินเข้ามาใกล้ ในที่สุดก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของนางติง
“ทำไมเจ้าต้องฆ่าข้า?” น้ำเสียงของนางกัวเศร้าหมอง คำถามของนางกัวทำให้นางติงตกใจหันหลังวิ่งหนีทันที นางวิ่งไปหยุดที่มุมหนึ่งเพราะไม่มีทางให้หนีแล้ว
นางติงหดตัวร่างกายสั่นเทา
“อย่าเข้ามา! นางกัวอย่าเข้ามานะ!” นางติงตะโกนเสียงดัง
“ทำไม? ทำไมล่ะ?” นางกัวพูดประโยคนั้นซ้ำๆ มันวนอยู่ในหัวของนางติงราวกับคำสาปแช่ง
“ทำไมหรือ? เพราะเจ้าขวางทางข้านะสิ หากข้าไม่ฆ่าเจ้า เจ้าก็จะเป็นฮูหยินไป๋ส่วนข้าก็เป็นเพียงอนุฯ ไปตลอดชีวิต!”
“แค่ฆ่าเจ้าเท่านั้น ข้าก็จะได้เป็นฮูหยินไป๋!”
“กัวปิงเยี่ยน! เจ้าโทษข้าไม่ได้ เจ้ามันโง่ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ทั้งวัน”
“ข้าให้สาวใช้ผลักเจ้าตกน้ำแต่คนคิดว่าเจ้าฆ่าตัวตาย สิบสองปี! สิบสองปีที่ไม่มีใครรู้ความจริง! กัวปิงเยี่ยนเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ อย่าได้พยายามเลย เจ้าตายไปแล้ว!”
“อย่ามาที่นี่อีก ข้าฆ่าเจ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าเป็นครั้งที่สองหรือ?”
นางติงกลัวสุดขีดแต่ก็ต้องการต่อสู้กับอีกฝ่ายเพื่อหนี ทันใดนั้นเองนางกัวมีสีหน้าดุร้ายและรีบปรี่เข้าไปหานางติงทันที
นางติงล้มลงกับพื้น นางมึนศีรษะไปชั่วครู่ บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อนางกวาดสายตามองไปทั่วๆ จึงพบว่าตัวเองอยู่ในลานพิจารณาคดี
นางติงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อครู่คือภาพหลอนหรือ?
นางยังคงนอนอยู่กับพื้นร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
นางเพิ่งรู้ว่าความจริงวิญญาณวิญญาณของนางกัวตามตนมานานแล้ว แต่ปรากฏตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตามนางติงมีความสุขอยู่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น ไม่นานนัก นางรู้สึกว่าสายตาที่ทุกคนมองนางเปลี่ยนไป
“นางเป็นคนฆ่านางกัวสินะ อนุฯ ที่ฆ่าภรรยาเอก ได้นี่ ช่างโหดร้ายอำมหิตยิ่งนัก!”
“นางกัวผู้น่าสงสารต้องจบชีวิตเช่นนั้น แถมยังถูกเข้าใจผิดว่าฆ่าตัวตายเสียอีก อย่าปล่อยให้ฆาตกรลอยนวล!”
“นายท่านไป๋ยกย่องอนุฯ ทำร้ายภรรยาเอก!”
“ใช่แล้ว เขาสมควรถูกลงโทษ!”
ผู้คนที่ชมดูอยู่ในลานพิจารณาคดีเริ่มพูดซุบซิบกันขึ้นมา
นี่ข้าสารภาพความจริงไปหรือ?
ร่างกายของนางติงหนาวเยือก เหมือนเลือดจะไม่ขึ้นไปเลี้ยงสมอง จิตใจของนางยุ่งเหยิง จบกัน! จบแล้ว!
นางติงหันไปมองไปถังหลี่ เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของถังหลี่พร้อมกับความเย็นชาบนใบหน้า เป็นเพราะนาง!
ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว! เพราะจ้องตานางจึงทำให้นางเห็นภาพหลอน!
“นางใส่ร้ายข้า!” นางติงคำรามชี้มือไปที่ถังหลี่
“ทุกคนได้ยินที่เจ้าพูดแล้ว เจ้าจะยังแก้ตัวอีกหรือ!”
เว่ยฉิงตวาดด้วยความโกรธ! เขามองเจิ้งจู่เหวินอีกครั้ง
“ใต้เท้าเจิ้งนักโทษได้สารภาพความผิดของนางแล้ว ตอนนี้สามารถถูกลงโทษได้หรือไม่?” ใบหน้าของเจิ้งจู่เหวินแทบจะดูไม่ได้
งี่เง่าสิ้นดี!
นางติงขอร้องเจิ้งจู่เหวิน แต่เขาหลบสายตานาง
“อู่ชื่อหลาง ลงโทษตามกฎหมาย”
เว่ยฉิงพูดประโยคตามที่กฎหมายของต้าโจว ได้จารึกไว้ “นางติงผู้บงการและฆ่านางกัวโดยเจตนา ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตโดยการตัดศีรษะ.
หลังจากที่เว่ยฉิงพูดจบ นางติงทรุดลงกับพื้นทันที ใบหน้าของนางซีดไร้สีเลือด
ผู้เฒ่าอู๋ตื่นเต้นมาก ดวงตาของเขาเป็นสีแดง ในที่สุดวันนี้ที่เขารอคอยก็มาถึง ความจริงของคดีนี้ปรากฏแล้ว
“ไม่อยากจะเชื่อ..” นางอู๋มองสามีแล้วบีบมือเขาแน่น
“อย่ากังวล มันไม่ใช่ความฝัน”
“แม่เฒ่าทำไมเจ้าแข็งแรงนักละ” ผู้เฒ่าอู๋พึมพำ
“เอาล่ะๆ ขอข้าสูดหายใจหน่อย” นางอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม เขาจับมือภรรยาและถอนหายใจ พวกเขาอยู่เคียงข้างกันมานาน เป็นความสัมพันธ์ที่น่าอิจฉา
ก่อนที่นางติงจะถูกพาตัวไป นางหันมองไปเจิ้งจู่เหวิน เขามองนางอย่างปลอบโยน ในไม่ช้าก็เดินจากไป
ผู้เฒ่าอู๋ยังไม่ได้ไปไหน เขามองเว่ยฉิงอย่างลังเล
“ผู้อาวุโสอู๋มากับข้าเถอะ” เว่ยฉิงพูด
เว่ยฉิงพาอีกฝ่ายไปยังสถานที่เงียบสงบ
“ผู้เฒ่าอู๋ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงได้” เว่ยฉิงกล่าว
“ท่านรู้ว่าข้าจะพูดอะไรหรือ?” เขารู้สึกประหลาดใจ
“คดีนี้ยังปิดไม่สนิท คนที่เป็นพยานถูกฆ่าตายและฆาตกรยังไม่ถูกนำตัวเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม” เว่ยฉิงกล่าว
ผู้เฒ่าอู๋พยักหน้า เขารู้เรื่องนี้ดี คดีเมื่อสิบสองปีก่อนถูกปิดอย่างเร่งรีบต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ในกรมอาญาแน่นอน ทั้งสองคนต่างรู้ว่าใครคือผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ตอนนี้คนผู้นั้นมีอำนาจอยู่ในมือและได้รับการหนุนหลัง ดังนั้นเขาจึงรับมือได้ยากกว่านางติง
ใต้เท้าอู๋ไม่อยากปล่อยคนผู้นั้นไป เขาปกป้องพยานไว้ไม่ได้ ไม่สามารถหาความยุติธรรมให้กับนางได้ ทำให้เขารู้สึกละอายใจ
“ไม่ว่าจะเป็นใครมีสถานะใหญ่เพียงใด ข้าจะค้นหาความจริงเพื่อคืนความเป็นธรรมให้คนที่ตายไปแล้วแน่นอน” เว่ยฉิงกล่าวด้วยสีหน้าหนักแน่น
ผู้เฒ่าอู๋มองเว่ยฉิงดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจของเขาเต้นแรง
ดีมาก ! คงจะดีมากกว่านี้ หากต้าโจวมีขุนนางดีๆเช่นนี้มากขึ้นอีกสักหน่อย