เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 407 ถังหลี่รู้จักเขา
บทที่ 407 ถังหลี่รู้จักเขา
ซานเป่าจ้องมองชายตรงหน้าอย่างตกตะลึง เขาหน้าตาดีมาก แวบแรกที่นางเห็นเขาก็ให้รู้สึกคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย เหมือนเคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน…
ถังหลี่ตกตะลึง
ตอนนั้นซานเป่าอายุเพียงสองสามขวบเท่านั้น นางยังเด็กและไม่น่าจะจำตู้เย่ได้ แต่ไม่ใช่ถังหลี่ นางจำเขาได้อย่างชัดเจน เขาคือตู้เย่
ตู้เย่อยู่ตรงหน้าจริงๆ
นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตอะไรกันแน่!
ตู้เย่เห็นถังหลี่เช่นกัน เขาจำนางได้ทันที หญิงสาวคนนั้น! นางควรจะอยู่ที่ชิงเหอไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่? ตู้เย่มองถังหลี่แล้วหันไปดูซานเป่าอีกครั้ง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุประมาณแปดขวบ เมื่อหกปีที่แล้วนางอายุสองขวบ…เป็นไปได้หรือไม่ว่า…
ภาพของเจ้าเกี๊ยวตัวน้อยปรากฎขึ้นในใจของเขา เด็กน้อยตัวเล็กๆ น่ารัก แก้มป่องเวลาโกรธน้ำตาคลอเบ้า
“ตู้เย่…พบกันอีกแล้ว” ถังหลี่ยิ้มเอ่ยทักทายเขา
“ใช่ พบกันอีกแล้ว” เขากระตุกยิ้มมุมปากด้วยท่าทางที่อ่อนโยน ซานเป่าจำเสียงของเขาได้ทันที ดวงตาที่กลมโตของนางเบิกกว้าง
“ท่านลุงขอทาน!”
เสียงของซานเป่าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในที่สุดนางก็ได้เจอกับลุงขอทานอีกครั้ง เขากลับมาหลังจากที่จากไปโดยไม่ร่ำลา เด็กหญิงเงยหน้ามองเขา คิดไม่ถึงเลยว่าท่านลุงขอทานจะหน้าตาดีเช่นนี้ หล่อกว่าท่านลุงไป๋เสียอีก!
ไป๋มู่หยางที่กำลังทำงานอยู่ในตอนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะจามออกมา…
ลุงขอทาน?
แท้จริงแล้วลุงขอทานคือตู้เย่หรือ? ถังหลี่คร่ำครวญถึงชะตากรรมประหลาดนี้อีกครั้ง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโชคชะตาของซานเป่าและตู้เย่ หกปีก่อนพวกเขาพบกันแค่เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะจากกันไป หกปีต่อมากลับได้พบกันอีกครั้ง…
“เขาคือท่านลุงตู้เย่…” ถังหลี่ย้ำบุตรสาว
ตู้เย่? ลุง?
และแล้วความทรงจำที่คลุมเครือของซานเป่าก็สว่างชัดเจนขึ้น ลุงขอทานคือลุงใจร้ายที่ชอบกลั่นแกล้งนาง!
ลุงใจร้ายที่จากไปโดยไม่บอกลาสักคำ จนกระทั่งเป็นลุงขอทานเขาก็ยังทำแบบเดิม…ซานเป่ารู้สึกโกรธ แก้มของนางเริ่มพองขึ้น
“ข้าขอโทษยัยหนู…ที่ข้าจากไปโดยไม่ได้บอกลาเจ้า”
ตู้เย่กล่าวก่อนจะลูบหัวของซานเป่า แก้มที่พองขึ้นของซานเป่าค่อยๆ เล็กลง นางก็ยังคงไม่สนใจเขา
“อย่าโกรธกันเลย…” เสียงของตู้เย่อ่อนโยนมาก
“อืม…”
ถังหลี่มองไปยังลูกสาวของนาง เหตุใดจึงได้เกลี้ยกล่อมง่ายเช่นนี้…
“ไปหาที่คุยกันก่อนเถอะ?” ถังหลี่ชวน ชายหนุ่มพยักหน้ารับทันที
นางมองไปยังถนนที่มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่าน นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับการพูดคุย
“ตามข้ามา”
ทั้งสามเดินมาถึงโรงน้ำชา โรงน้ำชาแห่งนี้เป็นของถังหลี่ เปิดในที่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านไปมามากนักอีกทั้งยังเปิดได้ไม่นาน ทำให้ตอนนี้ไม่ค่อยมีลูกค้า จึงเหมาะที่จะเป็นที่พุดคุย
ถังหลี่ให้เสี่ยวเอ้อร์ยกน้ำชามาหนึ่งกา จากนั้นจึงปิดประตูห้อง นางมองไปที่ข้อมือของตู้เย่
“มือของท่านเป็นอะไรหรือ?”
นางเห็นมาสักพักหนึ่งแล้วแต่ยังไม่อยากถามเขา
“มันหัก”
“หาหมอหรือยัง?”
“ถ้ามันหักก็ปล่อยให้หักไปเถอะ จะต้องหาหมออีกหรือ?” ตู้เย่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ตู้เย่!”ถังหลี่ตวาดเสียงดัง
ถังหลี่ใบหน้าบึ้งตึง ตู้เย่รู้ว่านางกังวลเรื่องของเขา นางเป็นคนมีน้ำใจ เอาใจใส่ เด็กหญิงตัวน้อยก็เช่นกัน สองแม่ลูกคู่นี้น่าสนใจ…
ในสำนักวรยุทธ์แห่งนั้น ผู้คนล้วนหัวเราะเยาะเขา องค์ชายสามที่ดูเหมือนจะเป็นคนเข้าถึงง่าย ไม่ถือตัว แต่เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตู้เย่เอาเสียเลย ชีวิตของเขาก็เป็นเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว แต่ในวันที่เขาเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทราย แม้มีใครให้น้ำเขาเพียงแค่หยดเดียวก็ทำให้เขาจดจำไปอีกนาน
“ข้าจะไปหาหมอ” เขาพูดขึ้นมา ใบหน้าของหญิงสาวจึงได้ดีขึ้น
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้มาเป็นขอทานอยู่ที่เมืองหลวงเช่นนี้เล่า?”
ตู้เย่มองแม่ลูกทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงได้ตัดสินใจพูดความจริงไปอย่างไม่ลังเล
“เจ้ารู้จักซวนอิ่งหรือไม่?” ตู้เย่ถาม
“ข้าพอรู้ว่าซวนอิ่งคือสำนักสังหาร” นางรู้ด้วยว่าเสวี่ยนเซิงตู้เย่คือนักฆ่าอันดับหนึ่งของซวนอิ่ง
“ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ซวนอิ่งแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อฟังผู้นำ อีกฝ่ายหนึ่งต้องการจะแยกตัวออกจากซวนอิ่ง จากนั้นจึงได้เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างผู้คนทั้งสองฝ่าย สุดท้ายแล้วต่างสูญเสียไม่มีใครรู้แพ้รู้ชนะ ซวนอิ่งจึงได้ล่มสลายลง”
“ข้าดีใจที่เจ้าไม่เป็นอะไร”
ถังหลี่ไม่ใช่แม่พระ นางไม่ได้มีความรู้สึกสงสารต่อคนแปลกหน้า ใครจะเป็นหรือตายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนาง
เพียงแต่ถังหลี่รู้จักตู้เย่…
ในนวนิยาย ตู้เย่เป็นตัวละครที่หล่อเหลาและแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีชีวิตที่น่าเศร้าสลด ทำให้เกิดผลกระทบต่อคนอ่านเช่นนางไปด้วย ถังหลี่จึงอยากเห็นเขาสบายดี
“มีชายคนหนึ่งในซวนอิ่งลำดับฝีมือของเขาอยู่ต้นๆ ทุกครั้งที่เขาทำงาน ต้องมีคนคอยดูแลปัดกวาดให้เสมอ” ตู้เย่พูดขึ้นมาทื่อๆ
“หากมีคนเต็มใจทำให้เขาเช่นนั้น นั่นหมายถึงเขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนไม่น้อย” ถังหลี่พูด ตู้เย่ยิ้มรับ
“ใช่ ทุกคนล้วนชมชอบเขา สภาพแวดล้อมที่ชวนให้หดหู่มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาอยากเห็นความเจริญของเมืองหลวง อยากเข้าร่วมกับกองทัพ อยากมีสาวงามในอ้อมกอด เขามีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น แต่เพราะเขาช่วยข้า…”
“ช่างเป็นคนโง่เขลา” ตู้เย่หัวเราะแต่ไม่มีรอยยิ้ม
ถังหลี่ลอบถอนหายใจ ชายคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตู้เย่คนนั้นคงสละชีวิตเพื่อเขา ไม่น่าแปลกที่ตู้เย่จะเศร้าเช่นนี้
“แต่เจ้าก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง”
ตู้เย่มาเมืองหลวงแทนชายผู้นั้นเพื่อให้เขารู้ว่าเมืองหลวงที่วาดฝันนั้นเจริญรุ่งเรืองปานใด
“ใช่” เขาพยักหน้า
“เจ้าวางแผนจะทำอะไรต่อไปหรือ?” ถังหลี่ถาม
ก่อนหน้านี้ตู้เย่หายไป และตอนนี้เขาแต่งตัวสะอาดเรียบร้อย แน่นอนว่าคงมีเรื่องที่วางแผนเอาไว้
“ข้าตั้งใจจะเข้าสำนักอู๋ฉีกว่าน ข้าก็ลงสมัครไปแล้ว”
เมื่อได้ยินสถานที่ที่เขาพูด ถังหลี่ขมวดคิ้วทันที…สำนักอู๋ฉีกว่านอยู่ในความดูแลของจ้าวชู หากตู้เย่เข้าไปได้ เขาจะกลายเป็นคนของจ้าวชูทันที เรื่องจะดำเนินไปเหมือนในนิยายไม่ผิดไปจากเดิม ตู้เย่จะกลายเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีขององค์ชายสามกลายเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามเป็นหอกเป็นดาบที่แหลมคมของจ้าวชู
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาต่อสู้จนเสียเลือดและมีบาดแผลมากมาย ชื่อเสียงของเขาจารึกในประวัติศาสตร์ แต่เมื่อใดที่จ้าวชูได้ขึ้นครองราชย์ วิหคสิ้น เกาฑัณฑ์ซ่อน[1] ตู้เย่โดนตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ สุดท้ายเขาก็ตายอย่างโดดเดี่ยว
ถังหลี่มองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่เบื้องหน้าพลางขมวดคิ้วแน่น
ไม่…ต้องไม่ปล่อยให้ตู้เย่มีชะตากรรมเหมือนในนิยาย!
“เป็นเพราะสหายผู้นั้นหรือ ท่านจึงตั้งใจเข้าสำนักอู๋ฉีกว่าน เพื่อเติมเต็มความฝันของเขาหรือ?” เมื่อถังหลี่พูดจบตู้เย่พยักหน้าทันที
“ข้าไม่รู้ว่าข้าต้องการอะไรในชีวิต เขาตายเพื่อข้า ข้าจึงตั้งใจจะอยู่ต่อไปเพื่อเขา”
“ตู้เย่ การที่เขาสละชีวิตเพื่อท่าน นั่นหมายถึงเขาอยากให้ท่านมีชีวิตอยู่สานฝันให้เขาหรือ?”
“เขาหวังให้ข้ามีชีวิตที่ดี”
[1] ‘วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน กระต่ายม้วยย่างสุนัข’ หมายถึงเมื่อหมดประโยชน์แล้วก็กำจัดทิ้ง เหมือนเมื่อใดที่ยิงนกแล้วก็เก็บธนูไว้ไม่ใช้อีก เมื่อได้กระต่ายแล้วก็เอาสุนัขล่าเนื้อมาฆ่ากิน