เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 413 เซี่ยฟางเฟยถูกตบหน้า
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 413 เซี่ยฟางเฟยถูกตบหน้า
บทที่ 413 เซี่ยฟางเฟยถูกตบหน้า
เซี่ยฟางเฟยเหมือนโดนตบหน้าถูกทำให้อับอายต่อบรรดาหญิงสาวที่กำลังรุมล้อมประจบสอพลอนาง
“นี่เจ้า! ไม่ได้เข้าใจผิดอะไรใช่หรือไม่? แม่นางตันเหนียงจะอยากพบนางได้อย่างไร ในเมื่อนางเป็นเพียงหญิงบ้านนอก…”
“คุณหนูเซี่ยได้โปรดระวังคำพูดด้วย คุณหนูท่านนี้เป็นน้องสาวของนายท่านไป๋ แม่นางตันเหนียงย่อมอยากพบนางเป็นธรรมดา ท่านสงสัยอะไรหรือ?” เสียงคนผู้หนึ่งพูดขัดจังหวะฟางเฟยขึ้นมา เขาคือเถ้าแก่กัวที่กำลังเดินออกมาจากห้องข้างใน
เถ้าแก่กัวอายุยังไม่มากนัก ไม่ถึงสามสิบปีเสียด้วยซ้ำ เขาเป็นลูกหลานของสกุลกัว หลังจากสกุลกัวล่มสลายลง เขาก็เปิดร้านเล็กๆ เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวรวมถึงคนอ่อนแอและผู้สูงอายุในตระกูล เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบและมีความสามารถมาก
หลังจากไป๋มู่หยางเข้ามาควบคุมกิจการทั้งหมดของสกุลไป๋แล้ว เขาต้องการจะฟื้นฟูสกุลกัวจึงได้เลือกเฟ้นหาจากทายาทรุ่นใหม่ ในบรรดาผู้คนเหล่านั้น เถ้าแก่กัวมีความโดดเด่น เขาจึงได้รับเลือกให้มาดูแลกิจการของจื้ออวิ๋นโหล่ว
ถังหลี่เคยมาที่นี่หลายครั้ง เถ้าแก่กัวจึงได้รู้จักนางเป็นอย่างดี เขารู้ว่าสถานะของถังหลี่ในใจของไป๋มู่หยางมีน้ำหนักมากเพียงใด เขาจึงเคารพนางมาก
“คุณหนู” เถ้าแก่กัวคำนับถังหลี่
“เถ้าแก่กัว” หญิงสาวยิ้มทักทาย
“แม่นางตันเหนียงอยากพบท่านมาก ขอเชิญท่านขอรับ” เถ้าแก่ถัวกล่าว
“คงไม่รบกวนนางใช่หรือไม่…ข้าจะรีบไป” ถังหลี่หันหลังกลับเดินขึ้นไปชั้นบน เซี่ยฟางเฟยตกใจมาก ถังหลี่เป็นน้องสาวของนายท่านไป๋ ที่เป็นเจ้าของร้านจื้ออวิ้นโหล่วหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?
นางเคยพบถังหลี่มาก่อน เห็นกันอยู่ว่านางเป็นแค่หญิงบ้านนอกผู้หนึ่งเท่านั้น!
ก่อนหน้าที่นางได้ทอดสะพานให้เว่ยฉิง ชายตัวเหม็นผู้นั้นไม่มีท่าทีจะสนใจนางเลย ทำให้กระตุ้นความอยากเอาชนะของเซี่ยฟางเฟย นางจึงทำทุกวิถีทางเพื่อจะแย่งชิงเขามาให้ได้ แต่เว่ยฉิงไม่ได้สนใจนางเแม้แต่น้อย ในสายตาของเขามีเพียงถังหลี่สาวบ้านนอกเท่านั้น ใครจะคิดว่าถังหลี่จะมีตัวตนที่แท้จริงแบบนี้กัน?
เซี่ยฟางเฟยตกตะลึงอย่างมาก
“แม่นางเซี่ย ข้าเห็นว่าท่านอยู่ในร้านนานมากแล้วแต่ดูเหมือนสินค้าของทางร้านจะไม่ถูกใจท่าน ท่านจะอยากไปดูที่ร้านอื่นก่อนหรือไม่?”
เถ้าแก่กัวพูดอย่างสุภาพ ถึงแม้น้ำเสียงและคำพูดของเขาจะอ่อนน้อมเพียงใด แต่ก็สื่อความหมายชัดเจนว่าเขากำลังไล่นาง
คุณหนูถังหลี่เป็นน้องสาว เปรียบเสมือนดั่งไข่มุกบนมือของนายท่านไป๋ เมื่อเห็นวาจาท่าทีของแม่นางเซี่ยที่มีต่อคุณหนูถังหลี่แล้วเห็นทีจื้ออวิ๋นโหล่วจะไม่อยากขายอะไรให้แก่นางอีก
ดูเผินๆ เหมือนเถ้าแก่กัวจะเป็นคนอ่อนโยนสุภาพ แต่แท้จริงแล้ว เขาเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน ทำให้ไป๋มู่หยางพึงพอใจในตัวเขาและไว้ใจให้ดูแลจื้ออวิ๋นโหล่ว
หลังจากที่เซี่ยฟางเฟยได้สติ นางจ้องเถ้าแก่กัวอย่างขุ่นเคือง สุนัขรับใช้สกุลไป๋ผู้นี้กำลังไล่นางหรือ!
“ได้โปรด” เถ้าแก่กัวผายมือออกทำท่าทาง “เชิญ” ไปทางประตู
เซี่ยฟางเฟยสบถออกมาอย่างหงุดหงิด พร้อมกับสะบัดหน้าเดินจากไป
จื้ออวิ๋นโหล่วไม่ให้เกียรตินางเลย บรรดาสตรีที่ประจบสอพลอเห็นดังนั้น ก็รีบวิ่งตามไปเป็นพรวนทันที
“นางไม่ใช่สาวบ้านนอกหรือ? เหตุใดจึงเป็นน้องสาวของเจ้าของกิจการไปได้เล่า”
หญิงสาวผู้หนึ่งถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ทำให้คนที่อยู่ข้างๆ รีบสะกิดทันที นางหุบปากลงอย่างฉับไว
“ฟางเฟย หากนางเป็นน้องสาวเจ้าของร้านล่ะก็ นางก็เป็นตระกูลพ่อค้า เทียบกับเจ้าไม่ได้สักนิด บิดาของเจ้าเป็นถึงขุนนางที่ควบคุมการขนส่งเกลือ ใช่ว่าคิดจะประจบตีสนิทกับเจ้าได้ง่ายๆ หรือ”
“ใช่แล้ว อีกอย่างเสื้อผ้าของจื้ออวิ๋นโหล่วก็ฉูดฉาดเกินไป ต่อไปข้าไม่คิดจะซื้ออีกแล้ว”
“พวกเขาไม่รู้จักดูแลลูกค้าชั้นดี ในไม่ช้าต้องเจ๊งแน่”
พวกนางต่างพูดปลอบโยนกันไปมา ทำให้สีหน้าของเซี่ยฟางเฟยดีขี้น ….
ถังหลี่ขึ้นไปบนชั้นสองแล้วเคาะประตูห้อง
“เข้ามาสิ” เสียงแผ่วเบาดังออกมาจากด้านใน หญิงสาวผลักประตู เห็นเงาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้น กำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่กับการวัดผ้า เงารางเลือนเมื่อมองจากเบื้องหลังดูสง่างาม ตราบจนกระทั่งนางหันหน้ามาจึงเห็นชัดว่าใบหน้าของตันเหนียงมีปานสีแดงลามจากหน้าผากไปยังใบหน้าซีกขวาของนางทั้งแถบ ทำให้ดูมีตำหนิไปไม่น้อย คนส่วนใหญ่จึงมองข้ามความสง่างามของนางไปและพากันตกใจเมื่อแรกเห็น แต่ไม่ใช่ถังหลี่ นางวางท่านิ่งสงบราวกับเป็นเรื่องปกติ หญิงสาวยิ้มให้ตันเหนียง
“พี่ตันเหนียง”
“เหตุใดเจ้ามาแล้วไม่ขึ้นมาพบข้าเล่า?” ตันเหนียงต่อว่า ทำให้ถังหลี่รู้สึกละอายใจ
“ข้าคิดว่าพี่ตันเหนียงไม่อยากพบข้า”
อารมณ์ของตันเหนียงเอาแน่นอนไม่ใคร่ได้ ครั้งล่าสุดที่นางได้เจอถังหลี่ ตันเหนียงไม่สนใจนางมากนัก หญิงสาวจึงคิดว่านางไม่สะดวดเจอผู้คน ครั้งนี้นางมารับเสื้อผ้าจึงได้แต่รออยู่ที่ชั้นล่างเท่านั้น
“อืม จริงของเจ้า”
“…” พี่สาวคนนี้ช่างตรงไปตรงมาเสียจริง แต่ถังหลี่ก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับนิสัยเช่นนี้ของนาง
ตันเหนียงหยิบเสื้อผ้าออกมาทีละชิ้น ถังหลี่รีบเข้าไปช่วย หญิงสาวตัดเสื้อผ้าทั้งหมดยี่สิบชุดสำหรับจวนอู่โหวและจวนสกุลกู้ แน่นอนว่าไม่ใช่ฝีมือของนางทั้งหมด แต่นางเป็นคนคอยดูแลควบคุมช่างปักผ้าด้วยตัวเอง งานทั้งหมดที่นางทำนี้แม้มีเงินก็ไม่อาจจะหาซื้อได้
“ขอบคุณเจ้าค่ะ พี่ตันเหนียง” ตันเหนียงชำเลืองมองถังหลี่อย่างลังเล
“พี่ตันเหนียงอยากพูดอะไรกับข้าหรือ? พูดมาได้เลย” ถังหลี่กล่าว
“พี่ชายของเจ้า…” ตันเหนียงหยุดชะงัก ใบหูของนางแดงระเรื่อ ท่าทางเขินอาย
“ช่วงนี้เขาทำอะไรอยู่หรือ?” กลายเป็นว่านางถามถึงไป๋มู่หยาง
“ท่านพี่ไปที่เมืองฉินโจวเจ้าค่ะ”
ถังหลี่พินิจดูตันเหนียงอดสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของนางไม่ได้ ท่าทางของนางสง่างาม น่าเกรงขาม ย่อมมีสถานะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าพี่ชายของนางไปพบตันเหนียงได้อย่างไร?
ตัวตนของนางเป็นความลับ ในเมื่อไป๋มู่หยางไม่คิดที่จะบอก ถังหลี่จึงไม่ได้ถาม
ตันเหนียงเงียบขรึมลงไม่ได้ซักถามอะไรต่อ ทั้งสองคนช่วยกันจัดเสื้อผ้าเงียบๆ
“ขอบคุณพี่ตันเหนียงมากเจ้าค่ะ ข้าคงต้องขอตัวก่อน” ถังหลี่กล่าวก่อนจะขยิบตาให้นาง ตันเหนียงเปิดประตูให้
“พี่ชายของข้าจะกลับมาภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้ล่ะ ” ถังหลี่บอกอีกครั้ง ตันเหนียงรับคำในลำคอ
เมื่อประตูปิดลง ถังหลี่จึงคิดได้ว่าตันเหนียงขอให้นางขึ้นมาหาเพียงเพื่อจะถามไถ่ถึงไป๋มู่หยางหรือ?
มีบางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับสองคนนี้แน่นอน ไม่รู้ว่าตันเหนียงจะชอบพี่ชายของนางมากเพียงใด แล้วเขามีใจให้กับนางหรือเปล่า?
ถังหลี่ลงไปด้านล่างพร้อมกับเสื้อผ้า โดยมีพนักงานและเถ้าแก่กัวมาช่วยนางขนของไปใส่ในรถม้า ก่อนที่หญิงสาวจะมุ่งหน้ากลับไปยังจวนอู่โหว
…..
จวนอู่โหว
ถังหลี่นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้กับท่านผู้เฒ่าอู่และฮูหยิน แล้วจึงส่งอีกชุดหนึ่งไปให้หลิวหลาน เดิมที่จวนอู่โหวอยากรับหลิวหลานเป็นบุตรสาวบุญธรรม แต่นางปฏิเสธ ตอนนี้หญิงสาวจึงอยู่ที่จวนอู่โหวในฐานะลูกพี่ลูกน้อง นางเป็นคนขยันและตั้งใจเรียนรู้กฎระเบียบจากแม่นมในจวนสกุลโหว หลิวหลานจึงมีภาพลักษณ์ดั่งคุณหนูสกุลใหญ่ทั่วไป เมื่อเห็นเสื้อชุดใหม่ หลิวหลานดวงตาเป็นประกาย
“พี่สาว”
ถังหลี่เป็นคนที่ช่วยชีวิตนางไว้ และยังให้นางได้มาอยู่ที่จวนหลังนี้อีก นางสนิทและชอบพอกับถังหลี่มากที่สุด
“นี่เป็นเสื้อผ้าจากจื้ออวิ๋นโหล่ว”
“ขอบคุณพี่สาว” หลิวหลานรับมาอย่างมีความสุข
หลังจากที่ถังหลี่จากไป หลิวหลานกอดชุดที่ได้มาอย่างแนบแน่น ที่จริงนางไม่ได้ชอบเสื้อผ้า แต่เป็นหัวใจของถังหลี่ต่างหาก นางรู้สถานะตัวเองดีว่าเป็นเช่นไร แต่ถังหลี่ไม่เคยดูถูกนางเลย ทั้งที่ชาติกำเนิดของนางต่ำต้อย หญิงสาวดีกับนางประหนึ่งว่านางเป็นคนในครอบครัวของตน
อาหยูและถังหลี่คือบุคคลที่สำคัญที่สุดของหลิวหลาน นางยินดีแม้แต่ชีวิตก็สละให้คนทั้งสองได้