เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 434 ท่านทำให้นางขุ่นเคือง
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 434 ท่านทำให้นางขุ่นเคือง
บทที่ 434 ท่านทำให้นางขุ่นเคือง
ถังหลี่กลับไปที่จวนสกุลกู้ นางเดินหาพี่ชายไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน
“คุณหนู!” ถังหลี่หันมาตามเสียงเรียก นางเห็นจ้าวมามา กำลังวิ่งมาหานางอย่างกระหืดกระหอบ ถังหลี่พยุงตัวนางเอาไว้
“มามา อย่ารีบร้อน” จ้าวมามาหยุดวิ่ง นางพูดขึ้นว่า
“คุณหนู ฮูหยินถามหาเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นว่าคงหาพี่ชายไม่เจอแล้ว ถังหลี่จึงตอบว่า
“ข้าจะไปหาท่านแม่เดี๋ยวนี้” ถังหลี่เดินไปยังเรือนของนางกู้ เมื่อเห็นบุตรสาวเดินเข้า ฮูหยินกู้รีบถามไถ่อย่างร้อนใจ
“เป็นอย่างไรบ้าง?” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ฮูหยินกู้รู้ว่าบุตรสาวนัดผู้หญิงให้กู้หวนเนี่ยน นางจึงได้อยากรู้ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร บุตรชายของนางมีใจชอบหญิงสาวผู้นั้นหรือไม่? นางต้องการให้เขาแต่งงานโดยเร็วและมีหลานชายตัวอ้วนขาวให้นางอุ้มเล่น
“ดูเหมือนพี่ชายไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นเจ้าค่ะ”
ถังหลี่เล่าให้มารดาฟัง ฮูหยินกู้รู้สึกผิดหวัง มีเห็นบุตรสาวสีหน้าไม่ค่อยดี นางจึงรับถามอีกครั้ง
“ทำไมเจ้าถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ เด็กน้อย?” ถังหลี่มีบางอย่างอยู่ในใจ เดิมทีนางต้องการจับคู่พี่ชายของนางกับฝางเหมี่ยวแต่ดูนางจะทำผิดพลาดไปเสียได้ นางได้ทำร้ายจิตใจของฝางเหมี่ยวไปเสียแล้ว
ฮูหยินกู้เป็นกังวลต่อบุตรสาว นางเอื้อมไปจับมือของถังหลี่เอาไว้
“เจ้าเป็นอะไรหรือ? บอกแม่มาเถอะ”
ถังหลี่เงยหน้าขึ้น เห็นสายตาเป็นกังวลของมารดา
“ท่านแม่ เด็กสาวที่ข้าแนะนำให้พี่ชาย นางทำงานในศาลต้าหลี่ ชื่อฝางเหมี่ยว นางเป็นผู้หญิงที่จิตใจดี ฝางเหมี่ยวชอบพี่ชาย ข้าคิดว่าพี่ชายน่าจะมีความประทับใจในตัวนางอยู่บ้าง แต่ด้วยบุคลิกของเขาเป็นคนเก็บตัว ข้าจึงต้องการช่วยผลักดันเขา แต่พอวันนี้ข้านัดนางให้เขา พี่ชายกลับหนีไปไม่พูดไม่จาใดๆ หญิงสาวคนนั้นเสียใจมากข้าไม่รู้ว่าข้าทำผิดที่ตรงไหน?”
“เด็กน้อย เจ้าพูดถูกแล้ว เป็นเพราะกู้หวนเนี่ยน…แม่ไม่รู้จะพูดอย่างไร?” ฮูหยินกู้ถอนหานใจ
“ไม่ต้องไปสนใจเขา ปล่อยให้เขาตายอย่างโดดเดี่ยวนั่นแหละ!”
“ท่านแม่…ท่านอย่าพูดเช่นนั้นกับพี่ใหญ่…”
“ทำไมแม่จะดุด่าเขาไม่ได้ เขาทำให้เจ้าเสียใจ!”
“ท่านแม่…” ถังหลี่ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
มารดารักนางมากอย่างไม่มีเงื่อนไข
“เจ้าตั้งใจดี ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ตำหนิเจ้าหรอก”
“นางไม่ได้ตำหนิข้าแม้แต่คำเดียว ซ้ำยังบอกว่าข้าได้ให้โอกาสนางด้วยซ้ำ” ถังหลี่ถอนหายใจ
ฝางเหมี่ยวดีมากจนนางรู้สึกละอายใจ
“หญิงสาวตระกูลฝางมีจิตใจดี เป็นพี่ชายของเจ้านั่นแหละไร้วาสนา! น่าเสียดาย เอาไว้เจ้าพาแม่ไปเยี่ยมนางหน่อยเถอะ แม่อยากขอโทษนางจริงๆ”
ถังหลี่พยักหน้า “เจ้าค่ะ”
หลังจากได้มารดาปลอบโยนอยู่พักใหญ่ถังหลี่จึงได้อารมณ์ดีขึ้น
………
วันถัดมา ที่ตระกูลฝาง
รุ่งเช้ามีเสียงคนมาเคาะประตู เป็นเจ้าหน้าที่มาจากศาลต้าหลี่
“อู่จั้วฝางมีคดีให้เจ้าทำ มากับข้าเถอะ” ฝางเหมี่ยวรีบเข้าไปหยิบหีบที่ใส่ข้าวของในการชันสูตรศพของนาง
นางเดินไปกับเจ้าหน้าที่ผู้นั้น ผ่านตรอกซอกซอยและถนนใหญ่ จนมาถึงที่บ้านหลังหนึ่งที่นั่นมีคนจากศาลต้าหลี่อยู่บ้างแล้วกู้หวนเนี่ยนกำลังซักถามผู้คนอยู่ เมื่อเขาเห็นฝางเหมี่ยวเดินเข้ามา นางกลับก้มหน้าลงเดินเลี่ยงเขาเข้าไปข้างในห้อง
นี่เป็นตระกูลคหบดีผู้หนึ่ง มีนายหญิงของครอบครัวเป็นผู้เสียชีวิต นางถูกพบว่าแขวนคอตนเองอยู่ในห้อง สามีของนางไม่เชื่อว่านางจะแขวนคอตนเองตาย เขาคิดว่านางถูกฆ่าตายจึงได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ฝางเหมี่ยวเข้ามาในห้อง เห็นศพของหญิงสาวนอนหลับตาราวกับว่ากำลังหลับใหลอยู่ มีชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่ขอบเตียงเอาแต่ร่ำไห้ไม่พูดไม่จา
“ผู้ตายเป็นภรรยาของเขา” กู้หวนเนี่ยนเดินเข้ามาพูดกับนาง
“พบศพตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?” ฝางเหมี่ยวถาม นางไม่ได้หันมาดูเขา
“ประมาณยามเหม่า[1]” กู้หวนเนี่ยนตอบ
“ท่านเป็นคนปลดนางลงมาหรือ?” ฝางเหมี่ยวยังคงถามต่อ
“ใช่” กู้หวนเนี่ยนตอบ ฝางเหมี่ยวหันไปพูดกับสามีของผู้ตายว่า
“ท่านได้โปรดขยับออกไปสักครู่เถอะ” ชายคนนั้นร้องไห้จนแทบหายใจไม่ออก เขาไม่ยอมขยับตัวเลย
เมื่อเห็นกู้หวนเนี่ยนมอง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปช่วยกันผลักชายคนนั้นออกไป
“ไม่! ไม่! พวกเจ้าห้ามแตะต้องภรรยาของข้า!” ชายคนนั้นร้องไห้สะอื้น
“ข้าแค่ขอดูนางเท่านั้น ไม่ได้เคลื่อนย้ายนางไปที่ไหน” ฝางเหมี่ยวพูดกับสามีของผู้หญิงคนนั้น นางดูที่รอยรัดที่คอก่อนจะพูดขึ้นว่า
“มีรอยฟกช้ำเป็นสีม่วงแผ่ขึ้นจากลำคอไปที่ด้านหลังท้ายทอย” เจ้าหน้าที่ยืนอยู่ข้างกู้หวนเยี่ยนรีบเขียนบันทึก ฝางเหมี่ยวมองสำรวจใบหน้าของผู้ตายแล้วเอ่ยว่า
“ผิวเป็นสีม่วงคล้ำ ริมฝีปากเป็นสีดำ”
นางเหลือบมองที่ริมฝีปาก
“ริมฝีปากเผยอออก ฟันมีเลือดไหลซึมออกมา มีน้ำลายไหลลงมาที่หน้าอกของนาง” หลังจากสำรวจที่ใบหน้าแล้วฝางเหมี่ยวจึงได้เลยไปสำรวจที่หน้าขาของนาง
“มีรอยจ้ำเลือดที่ขา” ฝางเหมี่ยวสำรวจดูออย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะพูดสรุปว่า
“นางเสียชีวิตจากการแขวนคอ”
“ไม่! เป็นไปไม่ได้! ภรรยาของข้าไม่ฆ่าตัวตาย!” ชายคนนั้นตะโกนออกมาดังลั่น ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“ต้องมีคนฆ่าภรรยาข้า แล้วทำเป็นว่านางแขวนคอตายเอง!”
“หากมีการฆ่าก่อนหน้า แล้วทำทีเป็นผู้ตายแขวนคอตายเอง เลือดของผู้ตายจะหยุดไหล จะไม่มีรอยรัดที่รอบคออย่างเห็นได้ชัดเจน จะไม่เลือดไหลออกตามฟัน และจะไม่มีรอยฟกช้ำมีหน้าของผู้ตาย” ฝางเหมี่ยวพูดอธิบายให้สามีผู้ตายฟัง
“เป็นไปไม่ได้ ! ภรรยาของข้าจะฆ่าตัวตายได้อย่างไร นางเพิ่งคลอดลูก เป็นไปไม่ได้!” เขาร้องโหยหวนคุกเข้าลงที่หน้ากู้หวนเนี่ยยน
“ใต้เท้า ได้โปรดช่วยวินิจฉัยด้วยเถิด”
“ลูกของเจ้าเกิดเมื่อห้าเดือนที่แล้ว ในช่วงหลายเดือนที่ผ่ามานี้ ภรรยาของเจ้ามีอาการซึมเศร้า วิตกกังวลอารมณ์แปรปรวน ร้องไห้โดยไร้เหตุผลบ้างหรือไม่?” กู้หวนเนี่ยนถามเขา ชายคนนั้นตกตะลึงไปชั่วครู่ ดูเหมือนว่านางจะไร้เหตุผลอยู่บ้าง ทว่าเขามีธุรกิจที่วุ่นวาย เขาจึงไม่ได้สนใจนางมากนัก
“หลังคลอดผู้หญิงบางคนอาจจะมีอาการซึมเศร้า เบื่อหน่ายชีวิต หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันการณ์ พวกนางอาจจะทนไม่ได้” ฝางเหมี่ยวพูดเสริม กู้หวนเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองหันไปมองหญิงสาว นางรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?
หากแต่ฝางเหมี่ยวไม่ได้มองเขา
“นี่คือคำให้การของคนรับใช้ และนี่…” กู้หวนเนี่ยนยื่นกระดาษอีกแผ่นให้เขา ชายคนนั้นหยิบกระดาษขึ้นมาดู
“นี่เป็นลายมือของภรรยาข้า…”
“เจ้าหน้าที่เจอจดหมายฉบับนี้ในห้องนอน เป็นจดหมายลาตายของภรรยาเจ้าที่ทิ้งเอาไว้ให้” ชายคนนั้นอ่านจดหมาย ใบหน้าเขาซีดลง จริงอย่างที่ใต้เท้าพูดเอาไว้
ภรรยาเขามีอาการเบื่อหน่ายชีวิต เดิมทีนางอยากพาลูกไปตายด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ขอร้องให้เขาดูแลลูกของนางให้ดี
“นี่เป็นความผิดของข้าเอง…หากข้าไม่เอาแต่ทำงาน ใส่ใจภรรยาให้มากกว่านี้ เรื่องเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น…” ผู้ชายคนนั้นร้องไห้ออกมาพร้อมกับหลั่งน้ำตา
ในที่สุดความจริงก็ปรากฎออกมา
ฝางเหมี่ยวถอนหายใจเบาๆ พวกเขาล้วนน่าเวทนา กว่าจะคิดได้ก็สายเกินไปเสียแล้ว คนตายไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้
ฝางเหมี่ยวเก็บข้าวของลงใส่หีบเครื่องมือของนางแล้วเดินก้มหัวเลี่ยงใต้เท้ากู้ออกไปข้างนอกห้อง
กู้หวนเนี่ยนมองตามแผ่นหลังของฝางเหมี่ยวไป เขาขมวดคิ้ว
“ใต้เท้ากู้ ท่านทำให้เสี่ยวอู่จั้วผู้นั้นขุ่นเคืองหรือไม่ ทำไมนางเมินท่านเช่นนี้?” คนที่เอ่ยปากเป็นบ่าวรับใช้ของเขามานานถึงสิบปีแล้ว เป็นคนตรงไปตรงมา เขาถึงกลับพูดออกมาอย่างแปลกใจ
…………………..
[1] ยามเหม่า คือ 05.00 – 06.59 น.