เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 453 ทูตจากราชสำนัก
บทที่ 453 ทูตจากราชสำนัก
กลุ่มของเว่ยฉิงและถังหลี่ถูกขวางไว้ที่ด้านนอกของศาลาว่าการ ทำให้เว่ยฉิงอารมณ์เสีย เต็มไปด้วยความโกรธต่อเจ้าเมืองเหอกู่
เขามองสวี่เสี้ยนเฉินที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น ใบหน้าของชายผู้นี้เต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากศีรษะ เว่ยฉิงเพิ่งได้ยินว่าเขาตะโกนขอให้ท่านเจ้าเมืองไปช่วยเรื่องภัยพิบัติ เขาไม่ได้เมินเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน นับว่าเป็นขุนนางที่ดี เว่ยฉิงจะให้โอกาสนี้เพื่อผลักดันเขา
“ท่านเจ้าเมืองอยู่ที่ไหน?” ชายหนุ่มถามบ่าวรับใช้ที่คุกเข่าอยู่กับพื้น
“นายท่าน…คือนายท่าน…” บ่าวรับใช้ยกมือที่สั่นเทาของตัวเองชี้ไปด้านใน
เว่ยฉิงรีบเดินเข้าไปทันที เขาเตะประตูพังโครม โดยมีถังหลี่ตามเข้ามาติดๆ
เมื่อเห็นอย่างนั้น นายอำเภอสวี่รีบกุมแผลที่ศีรษะของตัวเองเดินตามเว่ยฉิงไปทันที
เมื่อเว่ยฉิงเข้าไปที่เรือนด้านใน เสียงที่ไม่น่าฟังก็เล็ดลอดออกมา เขาเดินไปที่ประตูห้องนอนใช้เท้าถีบให้เปิดออก ร่างสูงใหญ่สีหน้าที่เย็นชาของเขาทำให้คนในห้องตกใจอย่างเห็นได้ชัด
ท่านเจ้าเมืองเหอกู่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขามองไปผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าประตู โทสะปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เมามายของเขา
“เจ้ากล้าบุกเข้ามา อยากตายหรืออย่างไร!” เขาตะคอกเสียงดัง เว่ยฉิงมองร่างท้วมของเขาด้วยความโกรธ
ชาวบ้านกำลังเดือดร้อน แต่คนที่มีหน้าที่ดูแลกลับกำลังเสวยสุขไม่สนใจความเดือดร้อนของพวกเขาเลย! เว่ยฉิงปรี่เข้าไปเตะเจ้าเมืองเหอกู่จนล้มลง
หญิงสาวที่ปรนนิบัติเขาทั้งสองคนคุกเข่าที่มุมห้องด้วยความตกใจ พวกนางมองเว่ยฉิงอย่างหวาดกลัว
“มัวทำอะไรอยู่ จัดการมันสิ!” เจ้าเมืองเหอกู่ตะโกนเสียงดัง แต่ทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่และบ่าวรับใช้กลับนิ่งเฉยไม่มีใครกล้าเข้าไปจับกุมเว่ยฉิง
“นายท่าน…เขาเป็นทูตจากราชสำนักขอรับ” มีคนกระซิบบอกเสียงเบา
ทูตจากราชสำนัก?
ใต้เท้าฉู่มองเว่ยฉิง รู้สึกสร่างเมาขึ้นมาในทันใด
“ท่านเป็นทูตจากราชสำนักหรือ?…อ๋อ มาสิมาร่วมดื่มกับข้า”
เจ้าเมืองเหอกู่พูดอย่างสนุกปาก เว่ยฉิงชักดาบพาดไปที่คอของเจ้าเมือง เว่ยฉิงกดคมดาบแนบลงไปทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา
“ใต้เท้า…เหตุใดท่านถึงได้ชักดาบออกมา”
“นี่คือดาบอาญาสิทธิ์ช่างฟ่างที่พระราชทานโดยองค์ฮ่องเต้ ข้ามีสิทธิ์ที่จะบั่นคอเจ้าทันทีในฐานะที่เจ้าเป็นขุนนางแต่ละเลยหน้าที่ ไม่ให้ความช่วยเหลือราษฎรคิดแต่จะเสวยสุข ความผิดครั้งนี้ของเจ้าสมควรได้รับการลงโทษ!”
เว่ยฉิงพูดด้วยความเคร่งขรึม
ใต้เท้าฉู่หวาดกลัวมากเขาทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น
“นายท่าน ข้าผิดไปแล้วขอรับ ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย” ใต้เท้าฉู่ขอร้อง
“นายท่าน ข้าจะทำหน้าที่ให้สำเร็จ ได้โปรดให้โอกาสอีกครั้งด้วยเถิด”
“นายท่านได้โปรด!”
เมื่อเห็นว่าคำวิงวอนของเขาไม่ได้ผลเขาจึงตะโกนขึ้นมาเสียงดังอีกครั้ง
“ท่านลุงของข้าเป็นเจ้าคณะมณฑลอี้โจว! หากเจ้ากล้าแตะต้องข้า ท่านลุง…ท่านลุงจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่นอน!”
ไม่ว่าจะเป็นคำขอร้องหรือข่มขู่ การแสดงออกของเว่ยฉิงก็ไม่มีการผ่อนปรนเลย เขาออกแรงกดคมดาบเข้าที่คออย่างหนักหน่วง ใต้เท้าฉู่เบิกตากว้างล้มลงไปกองที่พื้น
คนที่เหลือต่างพากันตกตะลึงพรึงเพริด พวกเขาทั้งหวาดกลัวและยำเกรงทูตจากราชสำนักผู้นี้
นายอำเภอสวี่ยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาอัศจรรย์ใจกับการกระทำที่เฉียบขาดของคนผู้นี้เป็นอย่างมาก
ดวงตาของเขาเป็นประกาย
ทูตจากราชสำนักช่างกล้าหาญยิ่งนัก การกระทำของเขาเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีและมีเกียรติ ทำให้เห็นความหวัง ว่าราษฎรของเมืองเหอกู่จะรอดพ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้
“เจ้าชื่ออะไร?” เว่ยฉิงมองไปที่นายอำเภอสวี่
“เรียนใต้เท้า ข้ามีนามว่าสวี่จื่อเหวินขอรับ เป็นนายอำเภอของเมืองเหอกู่” สวี่จื่อเหวินกล่าวอย่างเคารพ
“สวี่จื่อเหวินเจ้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองของเหอกู่ชั่วคราว” เว่ยฉิงพูด
“ขอรับนายท่าน” เขารีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
เว่ยฉิงมองบาดแผลของเขาแล้วพูดว่า
“ไปรักษาแผลก่อนเถอะ”
“ขอรับ” สวี่จื่อเหวินก้าวถอยหลังออกไป
เว่ยฉิงและถังหลี่ออกมานั่งที่ลานด้านหน้า บ่าวรับใช้และเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการเมื่อรู้จักตัวตนของพวกเขา และเห็นวิธีที่เว่ยฉิงกระทำลงไป จึงไม่มีใครกล้าขัดขืน พวกเขาให้ความเคารพนบนอบเว่ยฉิงทันที
เว่ยฉิงและถังหลี่เข้าไปในเรือนรับรอง เขาล้างมือ ถังหลี่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เขามองภรรยาในขณะที่รับผ้ามาเช็ดมือให้สะอาด
“ฮูหยิน เมื่อครู่ข้าทำเจ้าตกใจหรือไม่?”
ถังหลี่ส่ายหน้า ใต้เท้าฉู่ผู้นั้นสมควรตายแล้ว การกระทำของสามีของนาง สร้างความยำเกรงให้แก่ผู้คน ยิ่งไปกว่านั้นถังหลี่ไม่ใช่ดอกไม้ขาวดอกน้อยที่ปลูกไว้ในเรือนกระจก นางจะมาตกใจกับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
ในไม่ช้าบ่าวก็ยกอาหารเข้ามา ทั้งสองมองไปที่อาหารหรูหราตรงหน้าและนึกถึงคนที่หิวโหย อาหารในศาลาว่าการนั้นเต็มไปด้วยปลาและเนื้อ…
“ต่อไปเอาแค่อาหารธรรมดาทั่วไปก็พอ อย่าได้ฟุ่มเฟือยเช่นนี้อีก” เว่ยฉิงกล่าว
“ขอรับ” เขารีบรับคำทันที
เว่ยฉิงเรียกเจ้าหน้าที่ดูแลน้ำและช่างฝีมือเข้ามา ก่อนจะร่วมรับประทานด้วยกัน
…..
ตกกลางดึก
สวี่จื่อเหวินมาเคาะประตูห้องของเว่ยฉิง ศีรษะของเขาพันผ้าพันแผลเอาไว้ ใบหน้าแลดูซีดเซียว
“ใต้เท้าขอรับ ข้ามีเรื่องมารายงานให้ท่านทราบ” สวี่จื่อเหวินกล่าว เรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องเร่งด่วน เขาคิดว่าควรจะรายงานเรื่องนี้ให้เว่ยฉิงฟัง เพื่อที่จะได้วางแผนในการรับมือกับมันโดยเร็ว
“ตามข้ามา”
เว่ยฉิงออกมาจากห้อง เดินไปที่ห้องถัดไปที่ถูกจัดไว้เป็นห้องทำงานชั่วคราว สวี่จื่อเหวินกลัวคนผู้นี้อยู่บ้าง ตอนนี้จึงได้ลังเลยืนอยู่ที่หน้าประตู นี่ดึกมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนหรือไม่? ภรรยาของเขาติว่าตัวเขาใจร้อนเกินไป แต่เขาไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร?
เว่ยฉิงนั่งลงมองสวี่จื่อเหริน
“นั่งสิ”
เมื่อเว่ยฉิงพูดแบบนั้นสวี่จื่อเหวินจึงได้ทรุดตัวนั่งตรงข้ามกับเว่ยฉิง เขาหยิบแผนที่ขึ้นมาส่งให้เว่ยฉิง
“ใต้เท้าดูตรงนี้ สถานการณ์ตอนนี้คือหมู่บ้านเหอกู่และหมู่บ้านที่ใกล้เคียงอีกสามแห่งที่โดนน้ำท่วม ตอนนี้มีผู้ประสบภัยกว่าสามพันคนที่ไร้ที่อยู่อาศัย”
พวกเขาพูดคุยกันเป็นเวลาหลายชั่วยาม ดูแล้วไม่มีทีท่าว่าจะจบลงเลย
“ใต้เท้าสวี่เข้าสอบหน้าพระที่นั่งเมื่อไหร่หรือ?” เว่ยฉิงถาม
เมื่อเว่ยฉิงถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขา แสดงว่าอีกฝ่ายนั้นมีความสนใจในตัวเขา
“ข้าสอบได้จิ้นซื่อ[1]เมื่อสามปีก่อนขอรับ” สวี่จื่อเหวินพูดอย่างรวดเร็ว
เขาสอบได้ชั้นจิ้นซื่อและได้เป็นนายอำเภอในระดับมณฑลเท่านั้นไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตอะไร
“ดึกมากแล้ว ใต้เท้าสวี่กลับไปพักผ่อนเถิด” เว่ยฉิงพูด
“ขอรับ ข้าขอตัวก่อน”
สวี่จื่อเหวินกลับไป ภายในใจของเขารู้สึกมีความสุขมาก ท่านทูตผู้นี้เป็นชายหนุ่มที่มีความอดทน จริงจังและรอบคอบ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทต้องการแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมอย่างเร่งด่วนจริงๆ ผู้คนในเหอกู่อาจจะมีทางรอดอย่างจริงจังในครั้งนี้
เว่ยฉิงเป่าเทียนให้ดับก่อนกลับห้องไป ในห้องนอนถังหลี่ยังคงอ่านหนังสืออยู่ภายใต้แสงตะเกียงสลัว เขาเดินไปหยิบหนังสือออกมาจากมือภรรยาจับมือนางไว้
“ฮูหยินเข้านอนกันเถอะ”
จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นเตียงด้วยกัน
[1] จิ้นซื่อ คือผู้ที่สอบผ่านการสอบระดับราชสำนัก หรือระดับราชวัง ที่จัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี หากบัณฑิตคนใดสอบได้เป็นจิ้นซื่อ ก็เท่ากับมีโอกาสได้เป็นขุนนางในราชสำนักค่อนข้างแน่นอนแล้ว