เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 470 จุดจบของจางตงพ่าน
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 470 จุดจบของจางตงพ่าน
บทที่ 470 จุดจบของจางตงพ่าน
“ใต้เท้า…เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ? เหตุท่านให้คนพาข้ามาที่นี่กลางดึก!” จางตงพ่านพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“เกิดอะไรขึ้นหรือ? เหล่าจาง…เจ้าไม่รู้หรือ? ไม่รู้จักคนพวกนี้หรือ?”
เว่ยฉิงชี้ไปที่ผู้คุกเข่าอยู่ก่อน จางตงพ่านชำเลืองมองแล้วรีบเบนสายตาไปที่อื่น
“ไม่!…ข้าไม่รู้จักพวกเขา”
“เจ้าไม่รู้จักพวกเขา แต่พวกเขารู้จักเจ้า” เว่ยฉิงเย้ยหยัน
“เจ้าบอกให้พวกเขาพังเขื่อน พวกเขาถูกเจ้าสั่งมา!” เว่ยฉิงตบโต๊ะอย่างรุนแรง
“จางตงพ่าน! เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ! คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าทำอะไรลงไป? ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องอุทกภัยเจ้าไม่เห็นหัวชาวบ้าน แล้วยังทำแบบนี้อีก ข้าไม่อยากไว้หน้าเจ้าแล้ว! คนอย่างเจ้าไม่สมควรจะเรียกว่าเป็นคน!”
เว่ยฉิงตำหนิอย่างรุนแรง บรรยากาศเต็มไปด้วยกดดัน จิตสังหารไหลทะลักออกมาจากตัวของเว่ยฉิง จางตงพ่านตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อ เห็นดาบในมือของเว่ยฉิง ใบหน้าของเขาก็ถอดสีทันที
ดาบเล่มนี้เคยลับคมมาด้วยศีรษะของเจ้าเมืองเหอกู่มาแล้ว!
เขายังไม่อยากตาย!
จางตงพ่านเสียใจมาก
เขาไม่กล้า ไม่กล้าแล้ว!
“นายท่าน! ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยขอรับ ข้าพลาดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ข้าสักครั้งด้วยขอรับ”
จางตงพ่านก้มลงโขกศีรษะอ้อนวอนเว่ยฉิง เขาชักดาบออกมาแสงเย็นวาบ เส้นผมสองสามเส้นร่วงลงไปที่พื้น
“น้ำท่วมในอี้โจวส่งผลกระทบต่อผู้คนนับไม่ถ้วน การควบคุมน้ำในครั้งนี้ช่วยชีวิตชาวบ้านหลายพันครัวเรือน แต่เจ้ากลับคิดบ่อนทำลายการป้องกันนี้! ข้าจะถอดเจ้าออกจากตำแหน่ง ส่งกลับไปเมืองหลวงเพื่อรอลงอาญา!”
จางตงพ่านกลัวมากจนวิญญาณวิญญาณแทบออกจากร่าง เขาปัสสาวะราดลงพื้นก่อนจะโดนลากออกไป
วันถัดมา
จางตงพ่านถูกเจ้าหน้าที่หลายคนพาไปคุมขัง ! เมื่อผู้คนรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป พวกเขาจึงพากันถ่มน้ำลายใส่ บ้างก็เตะ บ้างก็ต่อยจางตงพ่าน
เว่ยฉิงยืนมองโดยไม่เข้าไปห้ามปราม
นี่เป็นชะตากรรมของตนที่คิดร้ายขัดขวางแผนการควบคุมน้ำ
เขาจะทำให้คนที่กำลังจ้องคิดเล่นงานดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากพวกเขาทำเช่นนี้อีก!
หลังจากนั้นจางตงพ่านที่ถูกทุบตีอาการสาหัสปางตายจึงได้ถูกส่งตัวกลับเมืองหลวง
เว่ยฉิงกลับที่พักเพื่อจัดการเรื่องราวต่างๆ ให้จบสิ้นลง เขาจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายในวันนี้ เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้กลับไปหาภรรยาที่เมืองเหอกู่
ในตอนที่กำลังตั้งอกตั้งใจเขียนจดหมายอยู่นั้น
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คนผู้นั้นจงใจเขย่งเท้าทำให้เสียงแผ่วเบา
เว่ยฉิงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขายังคงเขียนจดหมายต่อไป ผู้มาเยือนย่องไปที่ด้านหลังของเว่ยฉิงอย่างเงียบๆ สายลมอ่อนๆ ที่พัดมาทำให้เขาได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย
มุมปากของเว่ยฉิงยกโค้งขึ้นเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น
ชั่วอึดใจต่อมาดวงตาของเขาก็ถูกปิดลง
ฝ่ามือใหญ่ของเว่ยฉิงเอื้อมจับไปที่มือเล็กนุ่มที่ปิดตาของเขาไว้
“ใครเอ่ย?”
เว่ยฉิงแสร้งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าคิดไม่ออกเลยว่าเป็นใคร”
“แต่ถ้าเจ้าจูบข้าล่ะก็ ข้าอาจจะจำได้”
ถังหลี่จึงเอนตัวไปจูบที่ปลายคางของเว่ยฉิง เขาวางมือที่เอวของนาง กอดนางไว้แล้วรั้งตัวถังหลี่ขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง
ขนาดตัวที่แตกต่างทำให้ถังหลี่จมลงอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ทั้งสองสบตากันอย่างโหยหา
เว่ยฉิงเชยคางของนางขึ้น เขาจุมพิตเพื่อชดเชยความคิดถึงยี่สิบวันที่ผ่านมา เว่ยฉิงอยากจะกลืนกินนางทั้งตัว!
หลังจากที่จูบแล้ว เว่ยฉิงไม่ปล่อยนางไปแต่เอาคางวางไว้บนไหล่ของถังหลี่
“ฮูหยิน ข้าเหนื่อยมากเลย” เสียงของเว่ยฉิงออดอ้อน
ที่ข้างนอกประตู เดิมทีฉางหยูต้องการหารือกับใต้เท้าอู่ แต่เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวเขาก็ยืนตัวแข็งไปทันที คำพูดหวานเชื่อมเช่นนี้ออกมาจากปากของท่านทูต?
ในสายตาของเขา ใต้เท้าอู่เป็นคนที่มีบุคลิกเด็ดขาดและเย็นชา เขาเคร่งขรึมสง่างาม จนฉางหยูไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำตัวเหมือนเด็กทารกยามอยู่กับภรรยาเช่นนี้!
ยากที่ฉางหยูจะจินตนาการเชื่อมโยงใบหน้าที่เย็นชาของเขากับน้ำเสียงออดอ้อนนี้ได้
ฉางหยูหายใจเข้าลึกๆ เขาไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เขาหันหลังเดินกลับไปเงียบๆ
ถังหลี่ยื่นมือออกไปบีบนวดที่ไหล่ของสามี
“ลำบากเจ้าแล้ว”
เว่ยฉิงพึมพำ ภรรยาของเขาดูแลเขาเป็นอย่างดีเสมอ
“สามี ความคืบหน้าเรื่องน้ำท่วมเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่ถาม
นางกังวลมากเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในอี้โจว ภาวนาทุกวันให้การควบคุมน้ำสัมฤทธิ์ผล เพราะเว่ยฉิงทุ่มเทแรงกายแรงใจให้เรื่องนี้มาก
“ฮูหยิน เจ้าเก็บสมบัติล้ำค่าได้จริงๆ ฉางหยูเป็นเพชรน้ำงามเลยล่ะ”
เว่ยฉิงพูด แน่นอนว่านี่คือผลงานชิ้นใหญ่เขาจะได้จารึกว่าเป็นคนแก้ปัญหาน้ำท่วมในอี้โจวทิ้งชื่อเสียงไว้ในประวัติศาสตร์
“ฉางหยูเป็นคนที่เสนอการสร้างคลองเชื่อมอี้โจว เหลียงโจว และฉิงโจว ข้าคิดว่าความคิดของเขาดีมาก หากถูกสร้างขึ้นล่ะก็ จะเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังอย่างแน่นอน!” เว่ยฉิงกล่าว
ดวงตาของถังหลี่เป็นประกายและมองมาที่เขา นางไม่ค่อยรู้เรื่องการควบคุมอุทกภัย แต่ในเมื่อสามีของนางบอกว่ามันเป็นไปได้ ก็ย่อมหมายความตามนั้น
ในนวนิยายเองก็มีการสร้างคลอง แต่ไม่ค่อยราบรื่นนักจนกระทั่งฮ่องเต้สั่งให้เขาหยุดโครงการไป
ฉางหยูก็ต้องหยุดไปอย่างไม่เต็มใจเช่นกัน ทว่าในภายหลังคลองที่ว่าก็ถูกสร้างจนเสร็จ
“สามีนี่เป็นความคิดที่ดี ท่านต้องสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่”
“ข้าส่งฎีกาไปยังเมืองหลวงและเขียนจดหมายถึงท่านโส่วฝู่แล้ว”
เว่ยฉิงเล่าให้นางฟัง หญิงสาวจุมพิตที่ริมฝีปากของเขา สามีของนางฉลาดมาก!
เว่ยฉิงถามถังหลี่ว่าในสองสามวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถังหลี่เล่าให้เขาฟังถึงเรื่องข้าวสาร
“ในฐานะเจ้าเมืองอี้โจว เจ้าเมืองหลู่ไม่สนใจเรื่องน้ำท่วมและยังไม่สนใจเรื่องปากท้องประชาชน ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ” เว่ยฉิงกล่าว
“ถูกต้องขุนนางสุนัขผู้นั้นไม่แม้แต่จะเปิดคลังแจกจ่ายข้าวสารให้ประชาชน ซ้ำยังพูดว่าได้ทำการช่วยเหลือไปก่อนหน้านี้แล้วอีกด้วย!” ถังหลี่พูดอย่างโมโห
โชคดีที่เหอกู่มีสกุลฟ่านและสกุลเสิ่น ผู้ประสบภัยจึงยังไม่อดตาย
เดิมทีเว่ยฉิงต้องการกลับไปที่เหอกู่สักสองวันเพื่ออยู่กับภรรยาของเขา แต่เมื่อนางมาที่นี่แล้วเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกลับไป
หลังจากที่เขียนจดหมายเสร็จเขาจับมือถังหลี่เดินไปที่คลองเพื่อดูการสร้างเขื่อน
“ใต้เท้า ฮูหยิน!”
“ใต้เท้ากับฮูหยินมา!”
“คารวะใต้เท้าขอรับ!”
บรรดาช่างฝีมือต่างเข้ามาทักทายรวมถึงแรงงานผู้ประสบภัยด้วย พวกเขาคุ้นเคยกับเว่ยฉิงและถังหลี่เป็นอย่างดี
หลังจากที่คนทั้งคู่มาถึงเมืองเหอกู่ พวกเขาได้เห็นความหวังจึงได้รู้สึกขอบคุณทั้งสองคนเป็นอย่างมาก ถังหลี่และเว่ยฉิงทักทายกลับ
หลังจากทั้งสองคนเดินผ่านไป พวกเขาก็เริ่มซุบซิบกัน
“ท่านผู้ตรวจการกับฮูหยินรักกันมากเลยนะ”
“ใช่! ไม่คิดหรือว่าใต้เท้ามีความสุขมากเลยเมื่ออยู่กับฮูหยิน”
“ใช่แล้ว ท่าทางเขาไม่น่ากลัวเลย ยามปกติเขาดุมากจนข้าไม่กล้าแม้แต่จะสบตา”
“ใต้เท้าไม่ได้น่ากลัว แม้หน้าตาจะดูขึงขังไปบ้างแต่เขาเป็นคนใจดี”
พวกเขายังคงสนทนาในหัวข้อของใต้เท้าและฮูหยินกันต่อไป