เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 473 สามีของนางมีนิสัยราวกับเด็ก
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 473 สามีของนางมีนิสัยราวกับเด็ก
บทที่ 473 สามีของนางมีนิสัยราวกับเด็ก
เว่ยฉิงพาถังหลี่ออกจากศาลาว่าการ แต่ยังไม่ได้กลับไปที่เหอกู่ พวกเขาเลือกที่จะพักในโรงเตี๊ยมเล็กๆ ที่ติดอยู่ริมแม่น้ำ ล้อมรอบด้วยดอกไม้และต้นไม้มากมาย สภาพแวดล้อมดีมาก
เว่ยฉิงจองห้องชั้นบน เมื่อเปิดหน้าต่างออกมาจะมองเห็นแม่น้ำและต้นหลิวที่ขึ้นริมตลิ่ง บางครั้งจะมีเรือลำเล็กๆลอยผ่านไปเป็นทิวทัศน์ที่งดงามเกินกว่าจะพรรณา
ถังหลี่ยืนหลับตาอยู่ที่ข้างหน้าต่างเพลิดเพลินกับสายลมเย็นที่พัดผ่านมา ชายหนุ่มเข้ามากอดนางจากด้านหลัง ถังหลี่ยืนพิงสามี ช่วงเวลานี้ทั้งคู่ต่างยุ่งมาก จนยากที่จะหาเวลาอยู่ด้วยกันได้ เพิ่งจะมีตอนนี้ที่ได้เป็นอิสระ พวกเขายืนรับลมอยู่เงียบๆ ถังหลี่จึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“สามี จินอั่นสมควรได้รับโทษจากสิ่งที่เขาทำลงไป คนที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ทั้งยังใส่ร้ายคนดีอีก เขาสมควรตายแล้ว”
“อืม” เว่ยฉิงตอบเบาๆ สายตาของจ้องมองภรรยา แล้วจึงโน้มตัวลงจูบที่แก้มของนาง
“สามี ท่านคิดจะจัดการกับเจ้าคณะมณฑลหลู่อย่างไร?” ถังหลี่ถาม
เจ้าคณะมณฑลหลู่ปกครองเมืองอี้โจวมาหลายปีแล้ว แต่เขาก็ไม่ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทำราวกับว่ารักราษฎรประหนึ่งลูกหลาน แต่กลับตามใจหลานชายตัวเอง ถังหลี่รู้จักสามีของนางดี รู้ว่าหากเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
สามีของนางไม่ใช่ตัวร้ายที่คิดแต่จะแก้แค้นอีกต่อไป เขามีสำนึก มีมโนธรรม และสติสัมปชัญญะที่ดี เรียนรู้ที่จะเก็บงำความแค้นของตนเอาไว้ในใจ
“ข้าได้รายงานความผิดของใต้เท้าหลู่ไว้แล้ว ข้าจะส่งหลักฐานไปที่เมืองหลวงพร้อมกับยื่นฎีกาให้ฝ่าบาท” เว่ยฉิงกล่าว
ถังหลี่รู้สึกประหลาดใจในการลงมือที่รวดเร็วของสามีนาง ในขณะที่จัดการกับปัญหาน้ำท่วมไปอยู่นั้น เขายังหาหลักฐานเอาผิดหลู่จวิ่นโฉ่วได้อีก
“ตรวจสอบตอนไหน ถูกส่งไปเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่?” ถังหลี่ถาม
“ไม่นานหลังจากที่มาถึงอี้โจวข้าก็ให้คนไปสืบเรื่องของใต้เท้าหลู่” เว่ยฉิงพูด
“ฮูหยิน…จำได้ไหมว่าเขาคือคนของใคร?”
“ของจ้าวชู” ถังหลี่จำได้ว่าสามีของนางเคยบอกไว้
“ใช่แล้ว ที่ข้ามาที่อี้โจวครั้งนี้ ก็เพราะของขวัญชิ้นใหญ่จากจ้าวชู ดังนั้นข้าก็ต้องส่งของขวัญกลับคืนไปให้เขาด้วยเช่นกัน”
หลู่จวิ้นโฉ่วคือของขวัญชิ้นใหญ่ที่เว่ยฉิงเอ่ยถึง
“ข้าส่งไปนานแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาอีกไม่นานนี้ล่ะ” ดวงตาของถังหลี่เป็นประกาย
“พวกเรารอชมการแสดงที่นี่ใช่ไหม?”
เว่ยฉิงพยักหน้ารับ นี่เป็นส่วนหนึ่งของการดูการแสดงที่ว่า…แต่อีกประการก็เป็นเพราะเขามีเวลาว่างและอยากอยู่กับภรรยาของเขา
เมืองอี้โจวใหญ่มาก ทั้งสองคนยังไม่เคยมาที่นี่เลย พวกเขารับลมอยู่สักพัก จากนั้นจึงขอให้เสี่ยวเอ้อร์ยกน้ำร้อนขึ้นมาอาบน้ำชำระกาย เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
“ฮูหยิน อยากงีบหลับสักหน่อยไหม?”
พวกเขาใช้เวลาอยู่ในรถม้ามานานถึงสองวันหนึ่งคืน ไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มนัก ถังหลี่พยักหน้า ทั้งคู่จึงเข้านอน เว่ยฉิงกอดภรรยาไว้แล้วหลับไป
เว่ยฉิงตื่นขึ้นมาก่อน เขาไม่ได้ปลุกถังหลี่ หากมองภรรยาที่ยังคงหลับใหลอยู่ทั้งๆ ที่ขมวดคิ้วเช่นนั้น
เมื่อถังหลี่ตื่นขึ้นดวงตานางยังพร่ามัวเล็กน้อย นางเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเว่ยฉิง
“สามี…” นางเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล อ่อนหวาน
“อืม” เสียงของเว่ยฉิงแหบพร่าเล็กน้อย ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่อยากละสายตา
“ออกไปเดินเล่นกันไหม?” เว่ยฉิงถาม
“เอาสิ” หญิงสาวพยักหน้ารับ นางยังไม่เคยไปเที่ยวในอี้โจวตอนกลางคืนเลย พวกเขาลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงออกไปหาอาหารมื้อค่ำทานด้วยกัน
“ข้าบอกแล้วว่าน้ำท่วมครั้งนี้อี้โจวรอดแล้วจริงๆ ทูตของราชสำนักมาช่วยขุดคลองและสร้างเขื่อน พวกเขาผันน้ำไปยังพื้นที่รกร้าง หลายหมู่บ้านถูกป้องกันไว้ได้ ซ้ำเขายังคุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมดด้วย”
“ใช่แล้ว! ปกติที่บ้านข้าน้ำจะท่วมทุกปีพอกลับบ้านตอนน้ำลดก็ไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ดูเหมือนว่าในปีนี้ข้าคงไม่ต้องอพยพไปไหน”
“ทูตของราชสำนักคนนั้นเป็นคนดีจริงๆ ว่ากันว่าเขาให้คนสกุลฉางเข้าทำงานด้วยหรือ?”
“ใช่แล้ว ฉางหยูน้องชายของฉางเหยียน ตอนแรกเขาถูกผู้คนต่อต้าน มีเพียงทูตจากราชสำนักผู้นั้นที่ยืนยันให้เขาร่วมทำงานด้วย ฉางหยูเป็นผู้มีพรสวรรค์จริงๆ”
“ทูตของราชสำนักคนนี้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล”
ถังหลี่ได้ยินเรื่องที่คนเหล่านั้นพูดถึงเว่ยฉิง นางมองเขาพลางคีบเนื้อส่งให้
“สามีท่านทำงานหนัก กินเยอะๆ”
เว่ยฉิงกินเนื้อทั้งหมดภายในหนึ่งคำ หลังจากนั้นจึงได้ออกมาจากร้านอาหาร ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยโคมไฟตามร้านรวงต่างๆ เมืองอี้โจวเป็นสถานทีที่มีชีวิตชีวาที่สุดในตอนกลางคืน แต่ถ้าเทียบกับความเจริญในเมืองหลวงแล้วยังคงห่างไกลกันมากนัก ปีนี้อี้โจวสามารถควบคุมสถานการณ์น้ำท่วมได้แล้วทำให้ถนนโล่ง หากเป็นเมื่อก่อนร้านพวกนี้คงต้องปิดตัวลง
ถังหลี่และเว่ยฉิงเดินจับมือกันไปตามถนน ถังหลี่ซื้อของมากมาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของครอบครัวของนาง ลูกๆ ทั้งสี่คน ท่านแม่และพี่ชายของถังหลี่ นายท่านอู่และฮูหยินอู่ ฯลฯ
เว่ยฉิงเดินตามจ่ายเงินให้ ถังหลี่เดินไปตามแผงลอย นางเห็นของบางอย่าง หลังจากไม่เห็นสามีตามมาสักที ถังหลี่จึงได้ควักเงินออกมาจ่าย ไม่นานนักสามีของนางก็เดินมาพร้อมกับถุงใบใหญ่และใบเล็ก
“ฮูหยิน ข้าเจอของหายากเลยย้อนกลับไปดูมา” เว่ยฉิงรีบอธิบายว่าทำไมเขาจึงไม่ได้เดินตามนางมา
หญิงสาวพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งสองเดินเล่นกันต่อ พวกเขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามในตลาด มือของเว่ยฉิงเต็มไปด้วยห่อของมากมาย หลังจากนั้น จึงได้กลับไปยังโรงเตี๊ยมด้วยกัน
เว่ยฉิงนำของไปใส่ในหีบเพื่อนำกลับเมืองหลวงด้วย
“โอ้ ดูเหมือนว่าจะขาดอะไรไปนะ” ถังหลี่กล่าว เว่ยฉิงมองไปที่นาง ถังหลี่มองเว่ยฉิงด้วยสายตารู้สึกผิด
“สามีข้าลืมซื้อของให้ท่าน” ถังหลี่พูด
“ฮูหยิน ข้าไม่ต้องการอะไร เจ้าแค่ซื้อของให้ลูกๆ ท่านพ่อท่านแม่ พี่ชายคนโต พี่รอง พี่สาม นายท่านอู่ ฮูหยินอู่ อาหยู หลิวหลาน มู่หยางและฮั่วจีว์” เว่ยฉิงเอ่ยออกมา น้ำเสียงมีแววขุ่นเคืองอยู่อย่างไม่รู้ตัว
แต่เขาไม่ได้ของฝากเลย!
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขายิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มหันหน้าหนีถังหลี่ หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับแก้มป่องๆ ท่าทางของเว่ยฉิง ช่างเหมือนกับซานเป่าเหลือเกิน
“ดูนี่”
เว่ยฉิงหันศีรษะไปมองของที่อยู่บนมือของถังหลี่
“มันคืออะไรหรือ?” เว่ยฉิงถาม
“นี่เป็นของหายากที่ข้าเจอในแผงลอย มันเรียกว่า ‘สายรัดข้อมือ’ สวมมันไว้ที่หลังมือแบบนี้”
มันคือริสแบรนด์ในยุคที่นางจากมา แต่ในยุคสมัยนี้คงไม่ใช่ชื่อนี้แน่นอน ถังหลี่คิดอยู่ว่านางจะซื้ออะไรให้สามีดี ของขวัญของสามีต้องพิเศษและไม่ธรรมดา นางเห็นสายรัดข้อมืออันนี้จึงเลือกซื้อมาอย่างเงียบๆ