เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 477 พวกตัดแขนเสื้อ
บทที่ 477 พวกตัดแขนเสื้อ
ถังหลี่มองฉางหยู
“หลังจากที่ข้ากลับไปเมืองหลวงแล้ว คุณชายฉางช่วยข้าดูแลนางหน่อยได้ไหม?”
ถังหลี่กล่าวใบหน้าของชิวเยว่แดงร้อนระอุ นางรอคอยคำตอบจากฉางหยูเช่นกัน เขาคำนับถังหลี่
“ฮูหยินไม่ต้องกังวลขอรับ”
หากฉางหยูไม่สนใจชิวเยว่เลย เขาคงปฏิเสธ เขาคงจะสนใจนางอยู่บ้างจึงได้ตอบเช่นนั้น
ชิวเยว่เป็นเด็กสาวที่มีความสามารถ นางรู้จักดูแลคนอื่นได้ดี สองคนนี้ดูจะไปด้วยกันได้ แต่จะมีวาสนาต่อกันหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับชะตากรรมของพวกเขา
หลังจากที่ถังหลี่บอกลาทุกคนแล้ว พวกเขาก็ขึ้นรถม้าเตรียมออกเดินทาง
หญิงสาวเลิกม่านขึ้นมองไปยังฟ่านเยว่ซีและคนอื่นๆ ก่อนจะโบกมือให้กับพวกเขา
ทั้งสองฟากถนนเองมีผู้คนอยู่มากมาย พวกเขาพากันคุกเข่าไปทางรถม้า
หากไม่ใช่เพราะทูตจากราชสำนักผู้นี้ พวกเขาคงต้องอพยพถิ่นฐาน คนผู้นี้ช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ ไม่ให้พวกเขาต้องทนทุกข์กับน้ำท่วมในภายหน้าอีก
ถังหลี่และเว่ยฉิงมองคนเหล่านั้น พวกเขารู้สึกถึงความขอบคุณ และรู้สึกว่าการลงทุนลงแรงในทำงานหนักครั้งนี้ช่างคุ้มค่าเหลือเกิน
รถม้าออกเดินทางจากเมืองเหอกู่ มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง
เมื่อออกจากอี้โจวทั้งสองคนนั่งรถม้าไปเงียบๆ พวกเขาไม่ได้กลับไปยังเมืองหลวงในทันทีแต่ได้เดินทางไปยังเหลียงโจวเพื่อตรวจสอบการทุจริตและทรยศของสกุลเซียว
ในตอนแรกนั้นสกุลเซียวและต้าฉีต่อสู้กันที่เหลียงโจวและพ่ายแพ้
แต่การพ่ายแพ้ในครั้งนั้นแปลกประหลาดมาก ต่อมาก็กลายเป็นหลักฐานว่าสกุลเซียวได้ร่วมมือกับศัตรูเพื่อทรยศบ้านเมือง
เหลียงโจวเป็นที่ตั้งสำคัญพวกเขาจึงเดินทางไปที่เหลียงโจวเพื่อตรวจสอบโดยตรง แต่พวกเขาไม่อาจไปที่นั่นอย่างเปิดเผยได้ ดังนั้นจึงให้รถม้ามุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงก่อน จากนั้นจึงได้ปลอมตัวและแอบไปที่เหลียงโจว ทั้งคู่แต่งกายเหมือนชาวบ้านทั่วไป ต่างคนต่างจูงม้าเดินไปด้วยกัน
ถังหลี่สวมชุดบุรุษเพื่อความสะดวกในการเดินทาง นางไม่เพียงแค่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าบุรุษเท่านั้น แต่ในภาพยนต์หรือละครโทรทัศน์ที่นางดู ผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าเหมือนชายและมัดผมรวบขึ้น พวกนางก็กลายเป็นบุรุษอย่างไม่มีใครจำได้แล้ว แต่ทันทีที่ผมหลุดลงมาทุกคนก็รู้ว่านางเป็นผู้หญิง
แค่เปลี่ยนทรงผมไม่ได้ช่วยเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้แต่อย่างใด ถังหลี่จึงใช้เวทมนตร์ในการเปลี่ยนโฉมของตนเอง ทำให้หน้าอกของตัวเองแบนราบ กลายเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา
เว่ยฉิงเดินวนไปรอบๆ ถังหลี่หลายครั้ง มองขึ้นลงอย่างประหลาดใจ เขาแปลกใจกับการเปลี่ยนไปของภรรยา ตอนนี้นางได้กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง เว่ยฉิงอดไม่ได้ที่จะเอามือแหย่ไปที่ใบหน้าของภรรยา
ใบหน้าที่เล็กจิ้มลิ้มกลายเป็นใบหน้าของเด็กหนุ่ม เว่ยฉิงลองจิ้มดู ยังคงให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยเช่นเดิมแต่ใบหน้ากลับเปลี่ยนไป
เขาก้มมองถังหลี่อีกครั้ง เขาไม่สามารถจับตรงนั้นด้วยมือเดียวได้ ตอนนี้มันแบนมาก เว่ยฉิงยื่นมืออกไปอยากลองจับดูแต่ถังหลี่คว้าข้อมือของเขาไว้
“อย่าสร้างปัญหา” ถังหลี่เตือน
นางพูดด้วยน้ำเสียงของผู้ชายดูทุ้มอย่างชัดเจน
“ฮูหยิน ข้าอยากรู้นี่” เว่ยฉิงพูดอย่างกระตือรือร้น ถังหลี่จ้องตาเขา เว่ยฉิงหดอุ้งเท้าลงอย่างเชื่อฟัง
“สามี ในเมื่อท่านอยากรู้อยากเห็นมาก ข้าจะทำให้เจ้าดูอวบอ้วนขึ้นด้วยดีไหม?”
สีหน้าของถังหลี่หยอกเย้า เมื่อเว่ยฉิงจินตนาการถึงร่างกายที่อวบอ้วนของตัวเอง เขาเอามือกอดอกรีบปฏิเสธอย่างหนักแน่น
“ไม่!”
ถังหลี่ยังคงยืนกรานที่จะเปลี่ยนแปลงใบหน้าของเขาเล็กน้อย ต่อให้คนรู้จักก็ไม่อาจจะจำหน้าพวกเขาได้
มีเหตุผลที่นางไม่ได้ร่ายเวทมนตร์ให้เปลี่ยนไปมากนักเพราะถังหลี่ยังคงเห็นแก่ตัวอยู่ นางชอบใบหน้าของสามีตัวเองมาก มองแล้วช่างเพลินตาดี นางไม่อยากเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของเขา
ทั้งสองขี่ม้าไปด้วยกันในฐานะพี่น้องมุ่งไปยังเหลียงโจว
สามวันต่อมา
เหลียงโจว เมืองหลันซี
หลันซีเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในเหลียงโจว นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหลียงโจว อี้โจวและฉิงโจว ที่นี่อากาศดีและเป็นดินแดนอู่ข้าวอู่น้ำจนได้ชื่อว่า
“เจียงหนานน้อย” ถังหลี่และเว่ยฉิงขี่ม้าเข้าไปในหลันซี เมืองนี้เจริญมากผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา ทั้งสองจูงมาไปตามท้องถนน
ถังหลี่เดินไปเรื่อยๆ พบกับผู้คนที่แปลกตาหลันซีดูเป็นอีกโลกหนึ่งเลยก็ว่าได้ เสมือนโอเอซีสกลางทะเลทราย เมื่อคลองสร้างสำเร็จ ทุกเมืองคงจะกลายเป็นเหมือนเมืองนี้
ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินอยู่ ทันใดนั้นมีหญิงสาวถือตะกร้าดอกไม้มาหยุดคนทั้งคู่ไว้
หญิงสาวสวมดอกไม้ไว้บนศีรษะ ใบหน้าของนางเหมือนอิ่มเอิบประดุจลูกท้อ นางมองพวกเขา
“นายท่าน ช่างหล่อเหลานัก” หญิงสาวพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา
ถังหลี่เลิกคิ้ว หญิงสาวในเมืองหลันซีไม่มีการสงวนท่าทีเหมือนในเมืองหลวงเลย ถังหลี่มองไปที่เว่ยฉิงกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง เขารู้สึกประหม่าเมื่อถูกภรรยาจ้องมองแบบนี้
ภรรยาของเขาจะต้องคิดว่าเขาเป็นพวกดึงดูดภมรและผีเสื้อเป็นแน่
“ข้ามีภรรยาและลูกแล้ว ภรรยาของข้าใจดีมาก ข้ารักนางเท่านั้นและจะไม่มีวันชอบใครนอกจากภรรยาของข้า แม่นางอย่าได้สนใจข้าเลย”
เว่ยฉิงพูดด้วยใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึม หญิงขายดอกไม้ชำเลืองมองมาทางเว่ยฉิงด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก
“คุณชาย ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าชอบคุณชายท่านนี้ต่างหากเล่า” ดวงตาของหญิงสาวจ้องมองถังหลี่อย่างหลงใหล
“คุณชายหล่อเหลาและยังอายุน้อย ท่านคงยังไม่เคยแต่งงานมีภรรยาใช่ไหม? ท่านเป็นคนที่ไหนหรือ? ทำไมไม่มาอยู่ที่หลันซีและเป็นสามีของข้าเล่า?”
คำพูดของหญิงสาวทำให้นางหน้าแดง เว่ยฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว เขามองไปที่หญิงสาวผู้นั้นอย่างเย็นชา
กล้าดีอย่างไรมาคิดแย่งภรรยาเขา!
หญิงสาวคิดว่าเว่ยฉิงคงโกรธที่นางดูถูกเขา
แม้ว่าคุณชายท่านนี้จะดูหล่อเหลาแต่ด้วยหน้าตาที่ดุร้ายเช่นนี้…คงต้องคิดดูให้ดี…
นางจึงพุ่งเป้ามาที่หนุ่มรูปงามคนข้างๆ มากกว่า ท่วงท่าที่ดูสง่า อ่อนวัย ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง
“คุณชายน้อยคิดอย่างไรกับที่ข้าพูดออกไปหรือเจ้าคะ”
“ไม่” เว่ยฉิงพูด
“ท่านเป็นอะไรหรือ?” หญิงสาวพูดไม่ออก
“ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะเข้ามายุ่งได้!”
“ไม่ใช่เรื่องของ…” หญิงสาวชะงักไปทันที เมื่อหนุ่มหล่อสองคนตรงหน้ากอดและจูบกัน ดวงตาของนางเบิกกว้าง
“เจ้า เจ้า…” เว่ยฉิงจับมือถังหลี่เดินผ่านหญิงสาวคนนั้นไป นางมองไปยังพวกเขา ใช้เวลานานกว่าจะเอ่ยออกมาได้
“นี่…เป็นพวกตัดแขนเสื้อหรือ?..”
คนผู้หนึ่งตัวสูงใหญ่ดูเย็นชา และอีกคนเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดูไปแล้วกลับเหมาะสมกันดี
ถังหลี่และเว่ยฉิงเข้าพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ทันทีที่ประตูห้องปิดลง เว่ยฉิงก็พูดล้อเลียนด้วยน้ำเสียงที่หึงหวงว่า
“คุณชาย ท่านอยากมาเป็นสามีข้าไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางหึงหวงของเขา ถังหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แต่นางไม่กล้าหัวเราะมากนักเพราะกลัวว่าสามีของนางจะหนีไป ถังหลี่กอดและจูบที่แก้มของเขา
“ข้ามีครอบครัวแล้ว อีกอย่างสามีของข้าก็ดุร้ายมาก ข้าไม่กล้า”
บทที่ 478 สถานเริงรมย์
เว่ยฉิงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในหัวใจ มุมปากของเขาโค้งขึ้นจากนั้นจึงรีบหุบยิ้มลง เขาส่งเสียงรับในลำคอ
“แค่ดุหรือ?”
“มากกว่านั้น สามีข้าหน้าตาดี มีความสามารถ เก่งกาจเรื่องการต่อสู้ที่สำคัญคือข้ารักเขา ไม่มีใครดึงดูดสายตาของข้าได้นอกจากเขา!” ถังหลี่ไม่ลังเลที่จะเอ่ยชมเขา
ใบหน้าของเว่ยฉิงแดงขึ้น จนไม่อาจซ่อนความเขินอายได้
“ถ้าเขาดีจริง เจ้าต้องรักเขาให้มาก” เว่ยฉิงพูด
“แน่นอน เพราะเขาคือสมบัติล้ำค่า”
จู่ๆ ถังหลี่ก็เดินเข้ามาหา เมื่อถูกเยินยอเช่นนี้เว่ยฉิงก็ไม่อาจจะกลั้นยิ้มเอาไว้ได้ รอยยิ้มของเขาฉีกขึ้นจนแทบจะถึงหู
ถังหลี่มองสามีของนาง รู้สึกขบขัน ทำไมเขาน่ารักได้ถึงเพียงนี้ ?
หลังจากพูดคุยกัน ทั้งสองคนก็เข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด จากนั้นจึงไปกินอาหาร
พวกเขาเดินทางโดยไม่ได้หยุดพัก จนกระทั่งมาถึงถึงโรงเตี๊ยม หลังจากกินอาหารแล้วจึงได้นอนกอดกันงีบหลับไป กว่าจะตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเย็น สามีภรรยาไปกินมื้อเย็นแล้วจึงไปเดินซื้อของที่ตลาด
เมืองหลันซีในยามค่ำมีชีวิตชีวามากกว่าเมืองอี้โจว สองข้างทางมีโคมไฟแขวนไว้ มีร้านค้าเปิดมากมาย ผู้คนในตลาดทั้งกลุ่มสตรี เด็กๆ และคู่รักหลายคู่ ก็เดินกันขวักไขว่ ร้านรวงเต็มไปด้วยผู้คนล้นหลาม
เว่ยฉิงและถังหลี่เดินจับมือกัน บางครั้งเห็นอะไรแปลกๆ พวกเขาก็จะพากันหยุดมอง ทั้งสองคนเดินเที่ยวไปรอบๆ แล้วจึงได้กลับไปยังโรงเตี๊ยม
“เหนื่อยไหม?” ชายหนุ่มถาม
“ไม่เหนื่อย” ถังหลี่ส่ายศีรษะ
“ข้าจะพาไปที่สนุกๆ แห่งหนึ่ง” เว่ยฉิงพูด
“ที่ไหนหรือ?” ถังหลี่อยากรู้อยากเห็นทันที
“ข้าไม่แน่ใจแต่มีคนรู้” เว่ยฉิงทำท่าทีลับลมคมใน ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม
เว่ยฉิงพาไปพบกับเจ้าของโรงเตี๊ยม
“ขอให้เถ้าแก่มีความสุข…”
เถ้าแก่มองเว่ยฉิง เขาจึงพูดต่อว่า
“เหมือนดั่งเมฆหมอกที่ล่องลอย”
เถ้าแก่พูดตอบ
“บ่อเงินบ่อทอง”
“ความฝันของผู้กล้า” เว่ยฉิงพูดต่อ
ถังหลี่มองดูทั้งสองคนแลกเปลี่ยนข้อความลับกัน นางเริ่มสงสัยเกี่ยวกับสถานที่ลับแห่งนี้
“พวกท่านตามข้ามา” เถ้าแก่ร้านพูด เขาพาเว่ยฉิงและถังหลี่ที่ถูกปิดตาไว้ไปที่ด้านหลังร้าน คนสองคนจูงมือถังหลี่ คนหนึ่งเป็นคนแปลกหน้า ส่วนอีกคนหนึ่งคือสามีของนาง เว่ยฉิงจับมือของภรรยาไว้แน่น ทำให้ถังหลี่รู้สึกปลอดภัย
นางถูกนำทางไปยังเส้นทางลับ โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่แต่มีสถานที่ลับเหมือนโลกอีกใบซ่อนอยู่
ถังหลี่เดินเป็นเวลานาน นางขึ้นและลงบันไดประมาณครึ่งชั่วยามก่อนจะหยุด เมื่อผ้าดำถูกปลดออกนางก็เห็นสามีของตัวเอง ถังหลี่มองไปรอบๆ ก็พบว่าพวกเขายืนอยู่หน้าประตูและมีเสียงที่ดังมาจากด้านใน
“ข้างใน…”
“เข้าไปดูสิ” เว่ยฉิงบอก
เขาจับมือถังหลี่ผลักประตูเข้าไป ด้านในเป็นทางเดินมีคนเข้าออกไม่ขาดสาย ใครบางคนเกือบชนถังหลี่แต่เว่ยฉิงดึงให้หลบไปได้ นางเข้าไปซุกในอ้อมแขนของสามี เขาโอบถังหลี่ไว้พาเดินเข้าไป สุดทางเดินเป็นห้องโถงมีโต๊ะหลายโต๊ะ ผู้คนมากมายล้อมรอบ
ในที่สุดถังหลี่ก็เข้าใจว่าที่นี่คือบ่อนใต้ดิน สถานที่สนุกๆ ของเว่ยฉิงก็คือบ่อนนี่เอง เป็นครั้งแรกที่ถังหลี่ได้มาในที่แบบนี้ นางสอดสายตาดูไปทั่วอย่างแปลกหูแปลกตา
ทันใดนั้นถังหลี่สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองตนเอง นางเงยหน้าขึ้น มองไปที่ทางเดินชั้นสอง แต่กลับไม่เห็นใคร
คิดไปเองหรือ?
“ฮูหยิน” เว่ยฉิงเรียกนางว่าฮูหยินอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าถังหลี่แต่งกายด้วยชุดบุรุษ เขาจึงเปลี่ยนคำเรียกทันที
“น้องชาย?”
“ไม่มีอะไร” ถังหลี่รู้สึกตัวจากนั้นทั้งสองคนจึงได้เบียดเข้าไปในฝูงชน
ที่ทางเดินด้านบนชายผู้หนึ่งสวมหน้ากากเห็นแค่ดวงตาดอกท้อที่สวยงาม ดูฉลาดเฉลียว สายตาของเขาจับจ้องไปที่ถังหลี่อีกครั้ง มุมปากของเขายกโค้งขึ้น
ถังหลี่และเว่ยฉิงเบียดเข้าไปที่โต๊ะเพื่อดูว่าเขาเล่นพนันกันอย่างไร ในบ่อนแห่งนี้มีการพนันหลายอย่าง แต่ละโต๊ะจะเล่นพนันแตกต่างกันออกไป ถังหลี่สนใจผายโกวมาก นางจึงลากเว่ยฉิงไปดูหลังจากดูไป สักพักนางก็เริ่มเข้าใจการเล่นของผายโกว
แต่ละคนจะได้รับไพ่สี่ใบหรือสองคู่ โดยคว่ำหน้าแต้มไว้ ไพ่เล็กลงก่อนแล้วตามด้วยไพ่ใหญ่ จากนั้นก็เทียบแต้มกับของเจ้ามือ หากไพ่ทั้งสองคู่มีแต้มสูงกว่าเจ้ามือจึงจะนับได้ว่าชนะ
รูปแบบการเล่นเช่นนี้ไม่เพียงแต่ต้องอาศัยโชคเท่านั้นแต่ยังต้องมีจิตวิทยาในการคาดเดาฝ่ายตรงข้ามอีกด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
“พี่ชายมาเล่นไพ่กันเถอะ” ถังหลี่พูด
“ตามใจน้องชาย” เว่ยฉิงตอบ
ทั้งสองคนหน้าตาหล่อเหลา เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ทันที ผู้คนรู้สึกว่าพี่น้องสองคนนี้ดูแปลก น้ำเสียงของคนที่ตัวสูงกว่าฟังดูไม่เหมือนเวลาคุยกับพี่น้องเลย
เว่ยฉิงเล่นไปสองรอบ เขาเอาชนะได้ทั้งสองรอบ
ถังหลี่ยืนมองจากด้านข้าง สามีของนางเป็นคนชนะได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะไพ่ทั้งสี่ใบนั้นดีมาก สามีของนางฉลาดจริงๆ!
เว่ยฉิงเล่นอีกสองสามรอบ เขาเอาชนะได้ทุกรอบ ตรงหน้าเขามีเหรียญพนันมากมายกองอยู่ ทำให้ผู้คนต่างกันชื่นชมเขา
“ข้าขอท้าเจ้าสักสองตา” มีเสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้น
ถังหลี่หันหน้าไปมอง เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ แต่งกายหรูหรา ที่ด้านหลังของเขามีบ่าวรับใช้ที่ดูตัวใหญ่และแข็งแรง
เมื่อถังหลี่มองเขา สายตาของเขาจับจ้องนาง หญิงสาวหรี่ตาขมวดคิ้ว แววตาดูน่ารังเกียจ ตอนนี้นางดูเหมือนเด็กหนุ่ม หรือว่าคนผู้นี้…เป็นพวกตัดแขนเสื้อหรือ?
เว่ยฉิงเดินไปยืนที่ด้านหน้าถังหลี่ ปิดกั้นไม่ให้คนผู้นั้นมองภรรยาของเขา
“คุณชายหยาง!”
“คุณชายหยางเป็นคนที่เล่นผายโกวเก่งที่สุด!”
“ผู้ชายคนนี้ก็เช่นกัน คุณชายหยางเองก็มีฝีมือ นับว่าเป็นการแข่งขันที่ดี”
“คุณชายหยางไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน คนผู้นี้จะเอาชนะเขาได้หรือ?”
คนเหล่านั้นต่างหลีกทางให้แก่คุณชายหยาง แม้แต่เจ้ามือเองก็ออกจากตำแหน่งที่เล่นมอบตำแหน่งที่นั่งให้แก่คุณชายหยาง เขานั่งลง ท่ามกลางเสียงเยินยอชื่นชมของคนรอบข้างเห็นได้ชัดว่าคุณชายหยางผู้นี้ไม่ธรรมดา
“บุตรชายของเจ้าเมืองเหลียงโจว” เว่ยฉิงกระซิบที่ข้างหูถังหลี่
เจ้าเมืองเหลียงโจวเป็นผู้ควบคุมกำลังทหารของเหลียงโจว สถานะของคุณชายหยางจึงไม่ธรรมดา คุณชายหยางมองเว่ยฉิง
“หนึ่งรอบเท่านั้น หากข้าชนะ เขาจะเป็นของข้า” คุณชายหยางชี้ไปที่ถังหลี่ด้วยสายตาโลภตัณหา
ผู้คนที่ยืนอยู่เข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดคุณชายหยางจึงต้องการแข่งกับชายแปลกหน้าผู้นี้ เพราะเขาปรารถนาในตัวเด็กหนุ่มคนนี้นั่นเอง
สายตาที่มองไปยังถังหลี่จึงเต็มไปด้วยตวามเห็นใจ
[1] ตัดแขนเสื้อ หมายถึง พวกรักร่วมเพศ (ชายรักชาย) มาจากสำนวนจีนที่ว่า “ต้วนซิ่วจือผี่” แปลว่า “พิศวาสจนตัดแขนเสื้อ” เรื่องมีอยู่ว่า ฮั่นอ้ายตี้ ฮ่องเต้สมัยนั้นทรงหลงใหลขันทีเทียมคนหนึ่ง (ไม่ได้ตอนเป็นขันทีจริง แต่ได้ติดตามรับใช้ใกล้ชิดอยู่ข้างกายฮ่องเต้ไม่ต่างจากขันที) ชื่อ “ตงเสียน” ถึงขนาดให้อำนาจ ตำแหน่งและจวนส่วนตัวอันหรูหรา และให้ติดตามเป็นเงาไม่ห่างกาย พระองค์เสด็จไปไหน ก็ต้องเห็นเขาอยู่ที่นั่น จนวันหนึ่ง ขณะที่ตงเสียนนอนหลับใหลโดยทับแขนเสื้อของพระองค์อยู่นั้น ฮ่องเต้จำต้องลุกจากที่บรรทม แต่ไม่กล้าปลุกคนรัก จึงยอมตัดแขนเสื้อตนเองเพื่อให้ตงเสียนได้นอนหลับสบายต่อไป การกระทำดังกล่าวจึงเป็นที่มาของคำว่า “ตัดแขนเสื้อ” ที่หมายถึง ชายรักชาย นั่นเอง