เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 493 เขาเดินขึ้นสู่ยอดเขาสูง
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 493 เขาเดินขึ้นสู่ยอดเขาสูง
บทที่ 493 เขาเดินขึ้นสู่ยอดเขาสูง
ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจวทรงมีพระราชดำริในการแต่งตั้งองค์ชายสาม ด้วยความที่สกุลเดิมของมารดานั้นไม่ควรจะแข็งแกร่งมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นแล้วตระกูลทางฝ่ายมารดาอาจจะเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ ลุงขององค์ชายหกมีอำนาจในการทหาร ในขณะที่สกุลเดิมของทางฝั่งองค์ชายสามอ่อนแอกว่ามาก หากองค์ชายหกได้ขึ้นครองราชย์ สกุลของมารดาอาจจะยึดอำนาจฮ่องเต้ก็เป็นได้ ในขณะที่หากลูกสามได้ขึ้นครองราชย์ สกุลทางฝั่งมารดาของเขาจะต้องหวังที่จะพึ่งพาเขาและสนับสนุนเขาอย่างสุดหัวใจ
นอกจากนี้แล้วลูกสามของเขาจำเป็นต้องรักษาบัลลังก์เอาไว้โดยที่สกุลมารดาเขาจะได้ไม่พลอยตกต่ำไปด้วย
เขาจึงตัดสินใจแต่งตั้งองค์ชายสาม
วันรุ่งขึ้นจึงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งองค์ชายสามจ้าวชูเป็นองค์รัชทายาทออกมา
ฤกษ์มงคลจะถูกกำหนดโดยกระทรวงพิธีกรรม หลังจากได้รับการสถาปนาแต่งตั้ง องค์ชายสามจะกลายเป็นองค์รัชทายาทของแคว้นต้าโจวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
พระบรมราชโองการนี้ทำให้บางตระกูลมีความสุขสมยินดี และบางตระกูลก็นำมาซึ่งความโศกเศร้า
ตำหนักฉู่เยว่
ใบหน้าสง่างามของหวังกุ้ยเฟยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ประตูตำหนักที่ปิดอย่างหนาแน่น ทำให้พระนางเสด็จดำเนินไปมาอย่างไม่หยุด
“จริงหรือนี่ เปิ่นกงไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?”
หวังกุ้ยเฟยไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นยินดีไว้ในน้ำเสียงของพระนางได้
“เรื่องจริงเพคะ พระบรมราชโองการแต่งตั้งของฝ่าบาทได้ประกาศลงมาแล้วเพคะ”
“ดีมาก ดีเหลือเกิน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้”
ดวงเนตรของหวังกุ้ยเฟยแดงด้วยความตื้นตัน
โอรสของนางจะได้ขึ้นครองราชย์
นางต่อสู้มาทั้งชีวิตก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ? นางทำอะไรลงไปมากมายจนมือเปื้อนเลือดก็เพียงเพราะวันนี้
เมื่อพระโอรสของนางจะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ นางจะกลายเป็นผู้หญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดในแคว้นต้าโจว
พระสนมหวังกุ้ยเฟยประทับนั่ง นางเอาพระหัตถ์เท้าพระหนุ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแย้มพระสรวล จมดิ่งไปด้วยความทรงจำครั้งเมื่อนางเข้าวังหลวงมาใหม่ๆ สกุลเดิมทางฝั่งของมารดาตกต่ำไร้ซึ่งอำนาจวาสนา หลังจากเข้ามาในวังหลวง นางจึงได้แค่ตำแหน่งเม่ยเหริน[1]
นางจำฉากที่นางได้ไปเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เป็นอย่างดี สตรีผู้นั้นงามสง่า ดูหรูหรา นั่งอยู่เบื้องบนงดงามอย่างหาผู้ใดเปรียบมิได้
ทุกคนต่างรู้กันทั่วว่านางเป็นบุตรสาวสกุลเซียว เป็นไข่มุกแห่งซีเป่ย ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมคัดเลือกสาวงามด้วยซ้ำ ฮ่องเต้ยินดีที่จะรับนางเข้าวังหลวงในตำแหน่งฮองเฮาอยู่แล้ว เมื่อนางเข้ามาก็ได้รับเกียรติและเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ต่อมาพระนางได้ประสูตรองค์ชายใหญ่
เป็นพระราชโอรสองค์โตของฮ่องเต้ พระองค์ได้กลายเป็นองค์รัชทายาท
องค์ชายรัชทายาทน่ารักและเฉลียวฉลาด ในตอนนั้นใครๆ ต่างก็อดอิจฉาฮองเฮาไม่ได้
แม้แต่พระนางเองก็เช่นกัน ใครจะคิดว่าเวลาล่วงเลยผ่านมาสามสิบปี ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้
สกุลเซียวกลายเป็นสิ่งต้องห้าม ไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึง ฮองเฮาเซียวสิ้นพระชนม์ เกียรติยศชื่อเสียงและความโปรดปรานกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ผ่านไป
นางได้กลายเป็นหวังกุ้ยเฟย[2] พระโอรสของนางได้เป็นองค์รัชทายาท
พระสนมหวังกุ้ยเฟยไม่เสียใจในสิ่งที่พระนางได้ทำลงไปในครั้งนั้น
สกุลเซียวหรือ? แม้จะเป็นตระกูลแม่ทัพใหญ่ต่อให้มีกองทัพนับแสนแล้วอย่างไรเล่า? ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับสกุลหวังของนาง
นางโชคดีที่คว้าโอกาสในวันนั้นมาได้ และได้กลายเป็นสตรีผู้มากด้วยบารมีเหมือนเช่นทุกวันนี้
เมื่อพระสนมกุ้ยเฟยคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นางรู้สึกภูมิใจจนอดไม่ได้ที่จะแย้มสรวลออกมา
“พระสนมเพคะ พระสนมถัง พระสนมฉิน และหลี่เจียอวี้ ต่างมาร่วมแสดงความยินดีกับพระสนมเพคะ”
นางกำนัลได้เข้ามารายงาน
คนเหล่านี้ต่างเห็นมาตลอดว่า นางซึ่งไต่เต้ามาจากตำแหน่งเม่ยเหรินเล็กๆ ในที่สุดก็ได้ขึ้นมาสู่ตำแหน่งกุ้ยเฟยได้อย่างไร พระสนมหวังกุ้ยเฟยนั่งตัวตรง คางของนางเชิดขึ้น ให้ความรู้สึกที่น่าเกรงขามและสูงส่งไปด้วยบารมีทอประกายออกมา
“ให้เข้ามา!”
…….
วังรุ่ยอ๋อง
ขันทีที่ได้มาประกาศพระบรมราชโองการได้กับไปแล้ว จ้าวชูยังคงนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาถือพระบรมราชโองการอยู่ในมือด้วยอาการนิ่งงัน แม้สีหน้ายังคงเป็นปกติ แต่หัวใจกลับปั่นป่วน
องค์รัชทายาท…
เสด็จพ่อได้แต่งตั้งให้เขาเป็นองค์รัชทายาทของท่านแล้ว
หลังจากได้รับพระบรมราชโองการ และมีพิธีแต่งตั้งในไม่ช้าเขาจะได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทอย่างแท้จริง
“ท่านอ๋อง ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยเพคะ ในที่สุดความปรารถนาของท่านก็ได้เป็นจริงแล้ว” พระชายาอ๋องจินเซ่อพูดขึ้น
เมื่อเห็นบานประตูเปิดอยู่ นางจึงได้เดินเข้ามาพร้อมกับปิดประตูตามหลัง
จ้าวชูตื่นจากภวังค์เขามีความสุขมาก เมื่อเห็นจินเซ่อเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เขาเหยียดมือออกไปดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน ให้นั่งที่ตักของตน
จินเซ่อนอนอยู่บนตักเขาราวกับลูกแมวตัวน้อยที่เชื่อฟัง นางนอนฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ดวงตาฉายแววรักใคร่อย่างสุดซึ้ง
“ข้าได้เป็นองค์รัชทายาทแล้วส่วนเจ้าก็จะเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท” จ้าวชูพูดขึ้น
การที่เขาได้นั่งอยู่ในตำแหน่งองค์รัชทายาทได้ ก็เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากองค์หญิงใหญ่ ซึ่งต่อไปจะขาดความช่วยเหลือจากนางไม่ได้เลย สุดท้ายแล้วแม้ว่าองค์ชายหกจะมีตระกูลเดิมที่มีอำนาจทางทหารของมารดาก็ตาม…
จ้าวชูมองจินเซ่ออย่างอ่อนโยน เมื่อนางเห็นสายตาที่นุ่มนวลอ่อนโยนของเขาใบหน้าของนางแดงระเรื่อขึ้นมา
“ท่านอ๋องชอบข้ามากขนาดนั้นเลยหรือ?”
จ้าวชูจุมพิตนางที่ริมฝีปาก
“การได้พบเจ้านับว่าเป็นพรที่วิเศษที่สุดในชีวิตข้า” หัวใจของจินเซ่อเต้นระรัว จ้าวชูมองใบหน้าของนาง แต่กลับมีใบหน้าของสตรีอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาแทนที่
แม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่ถือได้ว่าเป็นศัตรูกันแล้วก็ตามที แต่เขาก็ยังลืมนางไม่ได้
เขาได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะนึกเสียใจหรือไม่?
…………….
หลังจากมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งองค์ชายสามเป็นองค์รัชทายาทแล้ว ไม่ช้าข่าวนี้ก็ได้เแพร่ไปทั่วเมืองหลวง วังของรุ่ยอ๋องก็คึกคักขึ้นมาในทันที
ถังหลี่ที่กำลังเดินอยู่บนถนนก็ได้ยินคำสนทนาปากต่อปากนี้เช่นกัน
“องค์ชายสาม อ่อนโยน สง่างามเป็นสุภาพบุรุษ หากเขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ต่อไปน่าจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้อย่างแน่นอน”
“ใช่แล้ว จะเป็นฮ่องเต้ที่ทรงไว้ด้วยทศพิธราชธรรม”
“ว่ากันว่ากระทรวงพิธีกรรมได้ฤกษ์มงคลแล้ว นับจากนี้อีกครึ่งเดือน”
พิธีแต่งตั้งหลังจากนี้อีกครึ่งเดือน กู้หวนเนี่ยนกับฝางเหมี่ยวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน ถังหลี่เองก็ยุ่งวุ่นวายในการเตรียมพิธีแต่งงานให้พี่ชายอยู่เช่นกัน
แม้จะมีบ่าวรับใช้คอยดูแลจัดการให้ แต่บางเรื่องฝางเหมี่ยวก็ต้องทำเองเช่นกัน ถังหลี่จึงต้องไปเป็นเพื่อนนาง
ถังหลี่เงี่ยหูฟังเสียงซุบซิบ
โชคดีที่พิธีแต่งงานของพี่ชายนางกับฝางเหมี่ยวกำหนดไว้ที่อีกหนึ่งเดือนต่อมา หากมีเหตุการณ์สำคัญอย่างเช่นพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทบังเอิญมาชนกันเข้าพอดี งานแต่งงานของพี่ชายนางอาจจะต้องเลื่อนออกไป
ทั้งสองคนถือของเดินขึ้นรถม้า เมื่อเห็นถังหลี่หน้านิ่วคิ้วขมวด ฝางเหมี่ยวจึงคว้ามือนางพูดขึ้นว่า
“เจ้าเป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีหรือ?”
ถังหลี่รู้สึกตัวขึ้นมา นางส่ายหน้า
“ไม่ใช่ ข้ากำลังคิดอะไรอยู่”
เมื่อรถม้าแล่นผ่านไปสักพัก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา ถังหลี่เปิดม่านมองออกไป พบเห็นผู้คนมากมายกำลังรุมล้อมอยู่หน้าวังรุ่ยอ๋อง
ตอนนี้ที่วังรุ่ยอ๋องกำลังกลายเป็นที่ชื่นชอบ มีแขกเหรื่อมากมายมาแสดงความยินดี ถังหลี่มองเห็นผู้คนกำลังรุมล้อมคนผู้หนึ่งอยู่แต่ไกล
ชายคนนั้นมีสีหน้าอ่อนน้อมถ่อมตน แต่เขาไม่อาจซ่อนความยินดีปรีดาของตนเอาไว้ได้ ถังหลี่มองอย่างเย็นชา วันนี้น่าจะเป็นวันที่รุ่งโรจน์ในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมาของจ้าวชู บางทีเขาอาจจะคิดว่านี่เป็นแต่เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปในอนาคตเขาจะต้องเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งมากกว่านี้อีก เหมือนเช่นในนิยายเล่มนั้น
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับถังหลี่และสามีของนาง วันนี้จะเป็นวันที่มีความสุขของพวกเขาเช่นกัน เมื่อได้เห็นคนผู้นั้นปีนป่ายขึ้นไปสู่ยอดเขาสูง เห็นเขาได้รับคำชื่นชมเยินยอจากผู้คนมากหน้าหลายตา แล้วก็…จะได้เห็นยอดเขาสูงนั้นถล่มพังลงมาอย่างไม่เป็นท่า
ถังหลี่แหงนมองท้องฟ้าที่มิดครึ้มราวกับฝนกำลังจะตกลงมา
นางลดผ้าม่านหน้าต่างลง
……………..
[1] เม่ยเหรินหรือเหม่ยเหริน คือ ตำแหน่งพระสนม ขั้น 4 ชั้นเอก เหม่ยเหริน แปลว่า ผู้มีความงดงาม
[2] กุ้ยเฟย คือ ตำแหน่งพระชายาลำดับที่ 1 “พระอัครเทวีผู้สูงศักดิ์ล้ำค่า”