เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 508 พิษร้าย
บทที่ 508 พิษร้าย
สองคนนี้เป็นศัตรูของเขา! มีโอกาสอย่างมากที่จะเป็นสวี่เจวี๋ย!
จ้าวจิ่งซวนเดินไปหาทั้งคู่อย่างดุร้าย เหมือนพยายามหาเรื่องเอาผิด
ในตอนนั้นเองมีคนเข้ามาขวางเขาไว้แต่จ้าวจิ่งซวนไม่สนใจ เขาเดินกระแทกชนคนผู้นั้นไป เด็กคนที่ล้มลงมีรูปร่างเตี้ยและผอม เขานอนอยู่บนพื้นไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งรีบเข้าไปช่วย ในตอนแรกจ้าวจิ่งซวนตั้งใจว่าจะเข้าไปช่วยแต่เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว เขาจึงชะงักไปทันที
จ้าวจิ่งซวนมองเด็กหนุ่มที่ล้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“เหตุใดเจ้าไม่มองทางตอนเดินบ้าง”
เด็กหนุ่มคนนั้นคือเฉินเหวินหานเขามองจ้าวจิ่งซวนด้วยความไม่พอใจ
“เหตุใดท่านชอบสร้างปัญหาให้กับน้องสวี่และน้องเว่ยอยู่ตลอดเวลา”
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
“เจ้า เจ้า…เป็นบัณฑิตจะมาหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร” เฉินเหวินหานชี้ไปที่จ้าวจิ่งซวนใบหน้าของเขาแดงก่ำ จ้าวจิ่งซวนสบถเบาๆ
“ข้าก็เป็นแบบนี้ เจ้าจะทำอะไรข้าได้!”
เฉินเหวินหานโกรธแทบตาย เขาตั้งใจจะคุยกับจ้าวจิ่งซวนด้วยเหตุผล แต่เมื่อเจอความไร้ยางอายแบบนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะคุยอีกต่อไป
สวี่เจวี๋ยตบบ่าของเฉินเหวินหานเพื่อปลอบโยนเขา จากนั้นก็เดินไปด้านหน้ามองจ้าวจิ่งซวนแล้วพูดว่า
“เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ข้าและจื่ออั๋งกำลังเดินอยู่บนถนน เราเห็นกระทิงตัวหนึ่งกำลังอาละวาด…”
ในตอนที่พูดเขามองไปที่จ้าวจิ่งซวนอย่างมีความหมาย ครั้งแรกจ้าวจิ่งซวนสงสัยว่าเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?
แต่เมื่อคิดดูอีกทีแล้ว..…
“เจ้าว่าข้าเป็นควายหรือ?” จ้าวจิ่งซวนตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ
“ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น แต่ถ้าเจ้าจะคิดว่าเป็นตัวเองก็ช่วยไม่ได้” สวี่เจวี๋ยยักไหล่ จ้าวจิ่งซวนกำลังจะสิ้นใจด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้
“เจ้าไปฟ้องท่านลุงหรือว่าข้าดื่มสุราเมื่อวาน?” จ้าวจิ่งซวนถาม
“ดื่ม? เมื่อวานเจ้าไปดื่มมาหรือ?” สวี่เจวี๋ยประหลาดใจ ทำให้จ้าวจิ่งซวนขมวดคิ้ว ไม่ใช่เขาหรือ?
“ข้าสวี่เจวี๋ยเป็นคนทำอะไรตรงไปตรงมาเสมอ ไม่มีทางลอบกัดใครลับหลังแน่นอน” สวี่เจวี๋ยกล่าว แม้สวี่เจวี๋ยจะไม่ใช่คนดีนัก แต่เขาไม่ใช่คนช่างฟ้อง นั่นย่อมไม่ใช่เขา นอกจากสองคนนี้ก็มีคนอื่นอีกอย่างเกาเฉิง…
“หากเจ้ามีความประพฤติดี ตรงไปตรงมา ย่อมไม่ต้องกลัว คนเอาไปฟ้อง แทนที่เจ้าจะหาว่าใครเป็นคนฟ้อง เจ้าควรจะทบทวนตัวเองมากกว่า” เว่ยจื่ออั๋งกล่าว
ดูเหมือนว่า…มีความจริงแฝงอยู่ในประโยคนั้น…
จ้าวจิ่งซวนคิดในใจ ทว่าใบหน้าของเขาก็ยังบูดบึ้ง เขาคร่ำครวญก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ข่าวลือถึงความไม่ลงรอยของจ้าวจิ่งซวนและเฉินเหวินหานยังดำเนินต่อไป ทำให้เห็นชัดว่าจ้าวจิ่งซวนรังแกคนที่น่าสงสาร
มีบางอย่างที่ผิดปกติกับข่าวลือนี้
เมื่อเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยได้ยินก็รู้สึกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท่าทีที่ไม่แยแสของจ้าวจิ่งซวนทำให้ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น ระหว่างที่อาจารย์กำลังยืนบรรยาย จู่ๆ เฉินเหวินหานก็หมดสติไป
สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งที่นั่งอยู่หน้าเขาตกใจมาก ใบหน้าของเขาซีดเซียว ริมฝีปากเป็นสีคล้ำ เขากัดฟันแน่น เฉินเหวินหานแม้จะสุขภาพไม่ค่อยดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นลม
“พี่เฉิน!” เว่ยจื่ออั๋งตะโกน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยทำตัวไม่ถูกเขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
“เจ้าพาเขากลับไปที่ห้องของเขา” อาจารย์ของเขาสั่งคนอีกสองสามคน แล้วไปเรียกหมอ สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งช่วยกันประคองเฉินเหวินหานไปยังเรือนพักของเขา หากศิษย์ของกั่วจื่อเจี้ยนมีบ้านพักอยู่ที่เมืองหลวงก็จะอาศัยอยู่กันที่บ้าน หากเป็นศิษย์ที่มาจากเมืองอื่นทางกั๋วจื่อเจี้ยนจะจัดให้นอนห้องล่ะสองคน
พวกเขาวางเด็กหนุ่มลงบนเตียงนอน สังเกตุว่าใบหน้าของเฉินเหวินหานซีดลง ปากเขียวคล้ำและมีเลือดออกที่มุมปาก ไม่เหมือนคนป่วยเลย
“สวี่เจวี๋ยเราจะทำอย่างไรกันดี?” เว่ยจื่ออั๋งขมวดคิ้วทำอะไรไม่ถูก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาจะต้องตายแน่ หากเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งต้องเป็นอะไรไปเช่นนี้ เขาคงรับไม่ได้ สวี่เจวี๋ยดูสงบ
“รอหมอก่อน” เว่ยจื่ออั๋งพยักหน้ารับ
“ทำไมหมอยังไม่มาอีกนะ” เขาเดินออกไปมองที่ประตู
สวี่เจวี๋ยเดินไปยืนที่ด้านข้างของเว่ยจื่ออั๋ง เขารู้ว่าเว่ยจื่ออั๋งเป็นคนใจดีที่สุด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่เฉินจะสบายดี” สวี่เจวี๋ยลูบหัวของเขา ทันใดนั้น แววตาของเว่ยจื่ออั๋งก็สว่างวาบขึ้น
“หมอมาแล้ว”
เขาเห็นศิษย์สองสามคนนำล่วมยามาพร้อมกับหมอ เมื่อเขามาถึงทั้งสองรีบถอยห่างออกไป หมอเดินไปหาเฉินเหวินหาน เขาจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจ หมอขมวดคิ้วแน่น
“ท่านหมอ พี่เฉินเป็นอย่างไรบ้างหรือ?” เหล่าศิษย์เริ่มวิตกกัน
“เขาถูกวางยา”
“วางยา?” ทุกคนตกใจ เหตุใดเฉินเหวินหารจึงถูกวางยาได้? เขาเผลอทานพิษเข้าไปหรือมีคนที่วางยาเขากันแน่ ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการสอบการสอบ การมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นย่อมไม่ดีแน่
“ท่านหมอช่วยพี่เฉินด้วยเถอะขอรับ” เว่ยจื่ออั๋งพูด หมอหยิบพู่กันขึ้นมาจดเทียบยาและส่งให้กับเขา
“ข้าไม่ได้นำยาทั้งหมดมา เจ้าไปที่ฮุ่ยชุนที่อยู่บนถนนเสวียนอู่ นำยาพวกนี้มา”
เว่ยจื่ออั๋งรับเทียบยาและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สวี่เจวี๋ยยังยืนอยู่กับหมอ
“ไปเอาน้ำซาวข้าวในครัวมาหนึ่งถัง”
“ขอรับ” สวี่เจวี๋ยวิ่งไปที่ครัวพร้อมกับศิษย์สองสามคน พิษครั้งนี้รุนแรงมากจนท่านหมอต้องล้างท้องเขาก่อน เพราะหากร่างกายของเขาอ่อนแอ เขาจะไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ เมื่อล้างท้องแล้วหมอถึงให้ยากับเขา
ไม่นานนักอาการของเฉินเหวินหานก็คงที่ในที่สุด เขานอนบนเตียงหายใจอ่อนแรง ริมฝีปากของเขาไม่เขียวคล้ำอีกต่อไปแล้ว แต่หมอกลับเหงื่อแตกพลั่กแทน
“ท่านหมอ พี่เฉินจะสบายดีไหม?”
“ตอนนี้อาการยังทรงตัว ข้าจะกลับมาดูอาการอีกครั้งพรุ่งนี้” หมอกล่าว
“ขอบคุณท่านหมอมาก พรุ่งนี้ค่อยพบกันใหม่อีกครั้ง”
เหลียงหยูที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดกับหมอ ตอนนี้ข่าวการวางยาพิษเฉินเหวินหาน ทำให้ผู้คนในกั๋วจื่อเจี้ยนตื่นตระหนก อาจารย์หลายคนมารวมตัวกันหลังจากที่เหลียงหยูส่งหมอกลับไป
เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเองก็ออกจากห้องไปด้วย พวกเขากำลังเดินไปที่โรงอาหาร ตลอดทางได้ยินบทสนทนามากมาย
“เฉินเหวินหานถูกวางยาพิษได้อย่างไร ใครเป็นคนวางยาเขากันแน่?”
“แต่เขาไม่ถูกกับจ้าวจิ่งซวนไม่ใช่หรือ? อาจจะเป็น…”
เว่ยจื่ออั๋งหันไปมองพวกเขา
“เจ้าอย่าได้ไล่ตามตามลมและเงาเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกคนไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระจนกว่าทุกอย่างจะกระจ่าง” คนที่พูดเงียบเสียงไป ที่พวกเขาไม่เข้าใจคือ เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย และจ้าวจิ่งซวนไม่ถูกกัน เหตุใดเว่ยจื่ออั๋งจึงปกป้องเขา
ดวงตาของสวี่เจวี๋ยมองไปที่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“ออกมาเถอะ”
ที่ด้านหลังหินก้อนคือจ้าวจิ่งซวน เขาลังเลอยู่นานในตอนแรกเขาต้องการจะมาหาเฉินเหวินหาน แต่เมื่อเจอทั้งสองคนร่างกายที่ตอบสนองเร็วกว่าสมองสั่งให้เขาซ่อนตัว
คนเหล่านั้นกล่าวหาว่าเขาวางยาพิษ ทำให้จ้าวจิ่งซวนแทบจะสำลักความโกรธตาย เขาไม่ใช่คนร้ายนะ! แต่ไม่นานก็มีเสียงเว่ยจื่ออั๋งพูดปกป้องเขาไว้ เขาแปลกใจว่าเหตุใดคนพวกนี้ถึงช่วยเขา
“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า แต่ข้าเชื่อในข้อเท็จจริงและหลักฐานมากกว่า” เว่ยจื่ออั๋งกล่าว