เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 523 เถ้าแก่เนี้ยฮวาและจั๋วชูมาแล้ว
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 523 เถ้าแก่เนี้ยฮวาและจั๋วชูมาแล้ว
บทที่ 523 เถ้าแก่เนี้ยฮวาและจั๋วชูมาแล้ว
ถังหลี่ไม่แน่ใจว่าเด็กทั้งสองจะเอาชนะฉินจ้าวในการสอบได้หรือไม่? แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเด็กทั้งสองด้อยกว่าแต่อย่างใด แต่ฉินจ้าวเป็นคนที่เก่งมากในการสื่อสารผ่านตัวอักษร
เขาเป็นคนฉะฉานพูดจาโผงผาง
ในนวนิยายต้นฉบับ ฉินจ้าวได้เป็นจ้วงหยวนในการสอบปีที่สองของรัชสมัยจิงไถ
บทความของฉินจ้าวในการสอบหน้าพระที่นั่ง ทำให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อพระทัย จนพระองค์มอบหมายงานสำคัญให้แก่ฉินจ้าว ในเวลานั้นฉินจ้าวเปรียบเสมือนดาวรุ่งในราชสำนัก เปล่งประกายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่หลังจากที่เขาได้ลงมือทำ ข้อบกพร่องของฉินจ้าวก็ถูกเปิดเผยออกมา เขาเป็นคนหยิ่งยโส ไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ชอบสอดแทรกวุ่นวายจนผู้คนติฉินนินทาเขา ท้ายที่สุดแล้วฮ่องเต้ทรงผิดหวัง ดาวดวงนั้นจึงได้ร่วงหล่นไป ภายในเวลาแค่เพียงสองปีเท่านั้น
คนอย่างฉินจ้าวมีความสามารถและเก่งกาจมากเกินไป เขาไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้ใดๆ ทำให้เขาเป็นคนหยิ่งผยอง จองหอง หากไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง เขาก็ยากที่จะทำการใหญ่ได้
ในการสอบหน้าพระที่นั่ง ฮ่องเต้จะทรงทอดพระเนตรแต่เพียงคำตอบในกระดาษข้อสอบเท่านั้น ฉินจ้าวก็ไม่แน่ว่าจะได้เป็นจ้วงหยวน
ถังหลี่ไม่กล้าอวดอ้างว่าสวี่เจวี๋ยและจื่ออั๋งจะเป็นผู้ชนะ
แม้ว่าทั้งสองอาจจะไม่ได้อันดับหนึ่ง แต่หลังจากผ่านการสอบชุนเหวย เด็กทั้งสองคนจะเปล่งประกายอย่างแน่นอน ดวงตาที่อ่อนโยนของถังหลี่มองสบไปที่เด็กหนุ่มทั้งสองคน นางยิ้มให้พวกเขา
…
หอฉิงเฟิง
ภายในห้องส่วนตัวมีคนอยู่สามคน
องค์ชายสามจ้าวชู และพระชายาจินเซ่อ ส่วนอีกคนหนึ่งคือฉินจ้าว เขาทักทายจินเซ่อ
“พระชายา” เขามองจ้าวชูอีกครั้ง
“ท่านคือรุ่ยอ๋องหรือพะย่ะค่ะ” จินเซ่อพยักหน้ารับ
“กระหม่อมเป็นบัณฑิตจากเหลียงโจว ฉินจ้าว คารวะรุ่ยอ๋อง” จ้าวชูมองไปที่ฉินจ้าวด้วยความชื่นชม
“นั่งลง ไม่ต้องเกร็ง” จ้าวชูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
การโต้วาทีของฉินจ้าวและเว่ยจื่ออั๋งดูน่าตื่นเต้นมาก หากไม่ใช่เพราะเวลาที่มีขีดจำกัดล่ะก็ เขารู้สึกว่าฉินจ้าวจะต้องชนะแน่นอน เพราะเขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องของการขุดคลอง คำพูดของฉินจ้าวพุ่งเข้าแตะที่หัวใจของจ้าวชู
ฉิวจ้าวไม่สงวนท่าทีเขานั่งลงที่ฝั่งของข้ามของจ้าวชู
“จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไร?” จ้าวชูถาม
“หยุนเหวินพะย่ะค่ะ” ฉินจ้าวกล่าว
“เอาล่ะหยุนเหวิน เจ้าคงกระหายน้ำ ดื่มชาก่อนเถอะ” จ้าวชูกล่าว
“ขอบพระทัย” ฉินจ้าวจิบชา “ข้าทำให้ท่านอ๋องหัวเราะแล้ว”
“เหตุใดข้าต้องหัวเราะเจ้าด้วย? เปิ่นหวางตื้นตันใจกับความเฉลียวฉลาดของเจ้านะหยุนเหวิน” จ้าวชูกล่าว
“ความเสมอกันคือความล้มเหลวของกระหม่อม”
เขาพ่ายแพ้ต่อหน้าเด็กอายุสิบสี่! ฉินจ้าวไม่สามารถปกปิดใบหน้าของเขาไว้ได้ ทำให้เขาได้รู้ว่ายังมีคนฉลาดในหมู่ของพวกคนโง่ นั่นทำให้เขาหงุดหงิดมาก
“การขุดคลองเส้นนั้น ถูกนำเสนอโดยบิดาของเว่ยจื่ออั๋ง หัวข้อในโต้วาทีครั้งนี้คือความถนัดของเขา แม้หยุนเหวินรู้ก็ยังเสนอหัวข้อนี้ในการโต้วาที เจ้าเป็นคนจิตใจดีสมควรที่ข้าจะชื่นชม” จ้าวชูกล่าว
จ้าวชูรู้จักพูดทำให้ฉินจ้าวมีความสุข เขารู้สึกได้ว่ารุ่ยอ๋องเข้าใจเขาและคู่ควรที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเขา
ทั้งสามคนดื่มชาด้วยกัน หลังจากนั้นฉินจ้าวจึงได้กล่าวคำอำลาจากไป ทั้งสองก็กลับไปยังวังรุ่ยอ๋อง จ้าวชูดูอารมณ์ดี ทั้งทีที่กลับมาถึงวัง ชายหนุ่มขโมยจูบที่แก้มของพระชายา จินเซ่อใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ นางพูดอย่างยั่วยวน
“ท่านอ๋อง..!”
จ้าวชูอุ้มจินเซ่อไว้ในอ้อมกอดของเขา
“พระชายา เจ้าเป็นดาวนำโชคของข้า เป็นเสมือนพรที่สวรรค์ส่งมาให้ข้า” จ้าวชูว่าแล้วจึงเชยคางหน้าขึ้นมาจุมพิต
….
จวนอู่โหว
ครอบครัวของถังหลี่กลับมาที่จวน การโต้วาทีในครั้งนี้สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งยังคงต้องทบทวนและวิเคราะห์จากมุมมองของพวกเขา ทั้งสองคนมีเรื่องมามายให้พูดคุยกัน ดังนั้นพวกเขาจึงปลีกตัวแยกออกไปทันที
ถังหลี่ลากเว่ยฉิงไปที่เรือนรับรองหลังหนึ่ง อยู่ไม่ไกลจากที่ถังหลี่อาศัยอยู่ เรือนแห่งนี้ได้รับการจัดระเบียบจนสะอาดสะอ้าน เพื่อเตรียมไว้รองรับเถ้าแก่เนี้ยฮวาและจั๋วชู
ก่อนหน้านี้เนื่องจากบุตรชายของเถ้าแก่เนี้ยฮวาเพิ่งเกิดได้ไม่นาน จึงไม่เหมาะที่จะพาเดินทางไปไหนมาไหน อีกทั้งจั๋วชูยังไม่ได้รับจดหมายเชิญให้เขามาศึกษาที่กั๋วจื่อเจี้ยน เขาจึงยังร่ำเรียนอยู่ที่ชิงเหอ
ตอนนี้การสอบชุนเหวยกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ครอบครัวของเถ้าแก่เนี้ยฮวาจึงจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง
ถังหลี่ได้รับจดหมายจากเถ้าแก่เนี้ยฮวาแจ้งว่านางจะเข้ามาในเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ นางจึงรีบสั่งให้บ่าวรับใช้ไปทำความสะอาดเรือนให้เรียบร้อย ทั้งสองเดินจับมือกันเข้าไปที่ด้านใน จากนั้นจึงตรวจดูว่าแต่ละห้องมีอะไรขาดเหลือไปหรือไม่ และขอให้บ่าวรับใช้นำมาให้
เช้าวันถัดมา
ในตอนเช้าถังหลี่ได้รับรายงานว่ามีสตรีแซ่ฮวามาหานาง
พี่ฮวามาแล้ว!
ถังหลี่รู้สึกยินดีมาก นางรีบลุกขึ้นเดินอย่างกระฉับกระเฉงไปที่ประตู เมื่อเดินไปได้เกือบครึ่งทาง สิ่งแรกที่นางเห็นก็คือฮวาเฟิ่งเซี่ย เถ้าแก่เนี้ยฮวาแต่งกายด้วยชุดสีแดงสด ใบหน้าของนางราวกับดอกบัวที่เพิ่งโผล่พ้นน้ำ ดูมีเสน่ห์ทั้งรูปร่างก็อวบอิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว
สีหน้าเปล่งปลั่งแสดงให้เห็นว่าในปีที่ผ่านมานางได้ใช้ชีวิตอย่างอยู่ดีมีสุข
เมื่อฮวาเฟิ่งเซี่ยเห็นถังหลี่ ดวงตาของนางก็สว่างขึ้นมาทันที นางรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดถังหลี่ไว้
“ถังถัง..ถังถัง!” นางตะโกนเรียกหญิงสาวติดต่อกันหลายครั้ง ราวกับว่ายังไม่หนำใจ
หมั่นเขี้ยวจริงๆ!
ถังถังนับได้ว่าเป็นสหายที่ดีที่สุดของนาง นางไม่เคยพบกับสหายที่ดีเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้ ถังหลี่ตบหลังเฟิ่งเซี่ยเบาๆ
“พี่ฮวา”
นางคิดถึงพี่ฮวามากเช่นกัน เมื่อทั้งสองปล่อยมือจากกันดวงตาของฮวาเฟิ่งเซี่ยก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ในตอนแรกนางรู้สึกอายเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าถังหลี่มีอาการไม่ต่างกันทำให้หลุดยิ้มออกมา
เฉาจีกำลังขนของลงมาพร้อมกับบ่าวรับใช้ เมื่อเขาเห็นถังหลี่ก็โบกมือทักทายให้
“แล้วสามีของเจ้าล่ะ ข้าน่ะคิดถึงเขาทุกวันเลยนะ” ฮวาเฟิ่งเซี่ยเดินเข้ามาพูดด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้สามีข้าไปกรมอาญา จะกลับมาตอนเย็นพวกเรามากินมื้อเย็นด้วยกันนะ” ถังหลี่พูด ดวงตาของนางกวาดมองไปที่จั๋วชู
จั๋วชูโตขึ้นมาก เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าหยกคนหนึ่ง เขาทักทายถังหลี่ในขณะที่อุ้มเด็กตัวเล็กๆ ที่มีผมดกหนา ดวงตากลมโตเหมือนเถ้าแก่เนี้ยฮวา จมูกเหมือนเฉาจีเอาไว้ เด็กน้อยเป็นบุตรชายของพี่ฮวา!
ดวงตาของเด็กน้อยมองถังหลี่อย่างอยากรู้อยากเห็น
“จ้วงจ้วงเรียกท่านน้าเร็ว” ฮวาเฟิ่งเซี่ยพูด ถังหลี่ย่อตัวลงไปมองเด็กน้อยตัวเล็ก ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ
“ท่านน้า…” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ อย่างเขินอาย พอพูดจบก็รีบกอดต้นขาจั๋วชู ฝังใบหน้าไปยังต้นขาของน้าชาย
“ข้าล่ะเหนื่อยใจจริงๆ เฉาจีน่ะหน้าหนามาก แต่บุตรชายของเขากลับเป็นเด็กขี้อาย ไม่รู้ไปเหมือนใครกัน” ฮวาเฟิ่งเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
ถังหลี่มองไปที่เด็กตัวเล็กแล้วมองไปที่จั๋วชูอย่างไม่แน่ใจ หรือจะเหมือนน้าชายของเขากัน?
“จ้วงจ้วง” ถังหลี่เรียกหลายครั้ง ใบหูของเขาเป็นสีแดง เขาหลบแล้วแอบมองถังหลี่ด้วยดวงตากลมโต
“น้าทำขนมอร่อยๆ ให้เจ้ากินดีไหม?” ถังหลี่เกลี้ยกล่อม
“อยากกินของอร่อยไหม?”
ศีรษะเล็กๆ หันมามอง ดวงตาทั้งสองของเขาเบิกกว้างขึ้น
“เอา” เด็กน้อยกลืนน้ำลายลงคออย่างตะกละ
“ให้น้าอุ้มเจ้าหน่อยได้ไหม?” ถังหลี่ถามเขาเบาๆ
เด็กน้อยเอียงศีรษะอย่างลังเล แต่ในที่สุดความตะกละก็เอาชนะความเขินอายไปได้
เขากางแขนอ้วนๆ ของตัวเองให้ถังหลี่ หญิงสาวอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนเล่นชั่งน้ำหนักดูเล็กน้อย จ้วงจ้วงเป็นเด็กที่ตัวค่อนข้างหนัก
“พี่ฮวา จั๋วชู เข้ามาก่อนสิ” ถังหลี่กล่าว
ฮวาเฟิ่งเซี่ยพยักหน้ารับเดินตามถังหลี่เข้าไปในจวนสกุลโหว
“ท่านพ่อท่านแม่ของจั๋วชูล่ะเป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพแข็งแรงไหม?” ถังหลี่ถาม
“บิดามารดาของข้าพักอยู่ที่ชิงเหอ พวกเขามีสุขภาพแข็งแรงดี” ฮวาเฟิ่งเซี่ยตอบ
“พวกเขาอายุมากเกินกว่าจะเดินทางมาได้ ข้าคิดว่าจะไปรับพวกเขายามที่ลงหลักปักฐานกันได้ก่อน” ถังหลี่พยักหน้า นางมองจั๋วชู
“จั๋วชูการเรียนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เด็กหนุ่มตอบกลับอย่างสุภาพ
“พี่ถังหลี่ ตอนนี้สวี่เจวี๋ยและจื่ออั๋งอยู่ที่ไหนหรือขอรับ” จั๋วชูถาม
เขาคิดถึงทั้งสองคนมาก ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร ทันทีที่จั๋วชูถามจบเด็กหนุ่มสองคนก็วิ่งเข้ามา พวกเขาได้ยินว่าจั๋วชูมาถึงแล้ว จึงได้รีบร้อนวิ่งมาหาจนเหงื่อไหลออกจากหน้าผาก
“จั๋วชู!”
ดวงตาของจั๋วชูเป็นประกายเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคน
“สวี่เจวี๋ย จื่ออั๋ง!”
ฮวาเฟิ่งเซี่ยมองไปยังเด็กหนุ่มที่อายุเท่ากันทั้งสามคน
“เอาล่ะ พวกเจ้าไปเถอะ”
จั๋วชูพยักหน้าตามทั้งสองคนไป ถังหลี่ไปยังเรือนรับรองของนาง
“ถังถัง จวนสกุลอู่โหวนี่ใหญ่จริงๆ ตอนข้าไปที่ชิงเหอคิดว่ามันใหญ่แล้วนะ แต่พอมาที่เมืองหลวงเหมือนกับเหนือฟ้ายังมีฟ้าเลย” ฮวาเฟิ่งเซี่ยยกยอ
“วันนี้พักผ่อนให้สบายเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะพาพี่ชมเมืองหลวง” ถังหลี่กล่าว
“ตกลง” เถ้าแก่เนี้ยฮวาพยักหน้ารับ
โชคดีที่นางมีถังหลี่เป็นสหาย ทุกอย่างถูกจัดแจงไว้หมดแล้ว ไม่อย่างนั้นนางต้องมาตายเอาดาบหน้าในเมืองหลวงเป็นแน่ ทั้งสามคนเดินเข้าไปในเรือนรับรอง ถังหลี่ให้บ่าวรับใช้นำของว่างมาให้
นางทำขนมจานนี้ให้สวี่เจวี๋ยและจื่ออั๋งในตอนเช้า เด็กน้อยได้กลิ่นหอมของขนม เขาน้ำลายสอ ดวงตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น แต่ก็ไม่ได้ยื่นมือออกไปคว้าขนม ถังหลี่ยื่นให้เขาหนึ่งชิ้น เด็กน้อยถือขนมไว้ในมือเขาก้มหน้าค่อยๆ ละเลียดกัดกิน
“เหมือนเด็กผู้หญิงจริงๆ” ฮวาเฟิ่งเซี่ยพูดแล้วดีดหน้าผากบุตรชาย
ใบหน้าของจ้วงจ้วงแดงก่ำ เขาอยากจะมุดหน้าหนีอีกครั้ง
“เหมือนกับท่านน้าของเขา” ถังหลี่พูดขึ้น
ฮวาเฟิ่งเซี่ยไม่เคยสังเกต แต่เมื่อได้ยินถังหลี่พูด จู่ๆ นางก็นึกขึ้นได้ว่าจั๋วชูก็มีนิสัยเช่นนี้ในตอนที่เขายังเป็นเด็กเล็ก หลังจากที่เด็กน้อยกินขนมหมดไปหนึ่งชิ้น เขามองไปที่ถังหลี่อย่างเว้าวอน ดวงตาสีเข้มเป็นประกายวิบวับ
ถังหลี่หยิบขนมอีกชิ้นให้เขา หลังจากที่กินไปห้าชิ้นถังหลี่ก็หยุดส่งขนมให้จ้วงจ้วง
“ใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว เจ้าจะกินข้าวไม่ได้ จ้วงจ้วงไว้ตอนบ่ายค่อยกินอีกดีไหม?”
เด็กน้อยพยักหน้า เขานั่งเรียบร้อยอยู่ ในอ้อมแขนของถังหลี่ มือเล็กๆ ของเขาเกาะแขนถังหลี่แน่น
“ถังถัง จ้วงจ้วงชอบเจ้ามากเลยนะ เมื่อไหร่เจ้าจะมีลูกล่ะ” ฮวาเฟิ่งเซี่ยเอนตัวมาถาม ใบหน้าของหญิงสาวแดงขึ้น
“คง…เร็วๆนี้”