เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 533 ฉินจ้าวถูกโจมตีอย่างหนัก
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 533 ฉินจ้าวถูกโจมตีอย่างหนัก
บทที่ 533 ฉินจ้าวถูกโจมตีอย่างหนัก
“ขอแสดงความยินดีด้วยพี่ฉิน ไม่สิ…ตอนนี้ต้องเรียกว่าใต้เท้าฉิน ขอแสดงความยินดีด้วยใต้เท้าฉิน ทั่นฮวา”
ระหว่างทางผู้คนพากันแสดงความยินดีกับทั่นฮวา นี่เป็นสถานะที่หลายคนได้แค่ใฝ่ฝันแต่ไปไม่ถึง
แต่สำหรับจ้าวฉินแล้วกลับเป็นเหมือนการระเบิดครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา
เขาแตกต่างจากผู้อื่นมาตั้งแต่เด็ก เขาอ่านหนังสือได้ตอนสามขวบ เขียนบทกวีได้ตอนห้าขวบ และแต่งโคลงได้ตอนอายุแปดขวบ เขาเป็นเด็กมากด้วยพรสวรรค์ในสายตาของคนทั่วไป เขาไม่เคยพบกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับตนเองเลย เขาไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้
บิดามารดาล้วนยกย่องเขา ท่านลุงเขา อาจารย์ของเขา หรือแม้แต่บัณฑิตที่มีชื่อเสียงก็ยกย่องเขาเช่นกัน
ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ เขาได้อันดับหนึ่งในการสอบระดับอำเภอ และระดับเมืองมาอย่างง่ายดาย หลังจากผ่านการสอบระดับจังหวัดมา เขาอยู่เฉยๆ มาเสียหลายปีเพื่อเตรียมจะสอบฮุ่ยซื่อและสอบหน้าพระที่นั่ง เขามั่นใจว่าเขาจะคว้าตำแหน่งจ้วงหยวนมาได้อย่างแน่นอน
แต่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้ตำแหน่งทั่นฮวา
ทั่นฮวาเป็นอันดับสาม มีสองคนอยู่ก่อนหน้าเขา เขาถูกเด็กที่อายุน้อยกว่าเขาถึงห้าปี บดขยี้ เอาชัยชนะไปได้!
เขายอมรับความจริงไม่ได้ และเดินกลับไปยังโรงเตี๊ยมอย่างมึนงง
เขาคิดไม่ออกว่าเหตุใดเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยจึงเอาชนะเขาได้ !?
มีเบื้องหลังอะไรหรือไม่? เขาไม่ยอมกินไม่ยอมนอนได้แต่นั่งซึมอยู่ภายในห้องเช่นนั้น
ณวังรุ่ยอ๋อง
“อะไรนะ? จ้วงหยวนคือเว่ยจื่ออั๋งหรือ?” จ้าวชูตกใจเป็นอย่างมาก
พรสวรรค์และความรู้ของฉินจ้าวเหนือกว่าเว่ยจื่ออั๋งอย่างเห็นได้ชัด แล้วตำแหน่งจ้วงหยวนจะเป็นของเว่ยจื่ออั๋งไปได้อย่างไร? จ้าวชูไม่อยากจะเชื่อเลย!
เจ้าได้ยินมาถูกต้องดีหรือ? จ้าวชูถามอีกครั้งให้แน่ใจ
“ท่านอ๋อง บ่าวได้ยินมาอย่างชัดเจน ผู้ที่ได้ตำแหน่งจ้วงหยวนคือเว่ยจื่ออั๋งไม่ผิดพะย่ะค่ะ”
บ่าวรับใช้ตัวสั่น
จ้าวชูทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ใบหน้าเขาอ่อนล้าไปในทันที ขมับของเขากระตุกจนรู้สึกเจ็บ
เดิมทีเขาคิดว่าฉินจ้าวน่าจะเอาชนะในการสอบหน้าพระที่นั่งได้ เขาจะเอาชนะเด็กสองคนนั่น เว่ยจื่ออั๋งและสวี่้เจวี๋ย แต่ท้ายสุดแล้ว…
ฮึ! เสียของ! ฉินจ้าวเป็นแค่ขยะ เขาดีแต่โม้! จินเซ่อยืนอยู่ที่ด้านนอกห้องหนังสือ สีหน้าของนางบึ้งตึงจนดูน่ากลัว เทพเซียนผู้นั้นไม่ได้บอกนางหรอกหรือว่า ฉินจ้าวจะได้เป็นจ้วงหยวนในปีนี้!
นี่…กลายเป็นเว่ยจื่ออั๋งไปได้อย่างไร?
แม้แต่เทพเซียนก็เชื่อถือไม่ได้หรือ?
บ่าวที่มารายงานออกไปแล้ว จินเซ่อลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงได้ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของจ้าวชูหัวใจของนางเจ็บปวดรวดร้าวตามเขา
“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรหรือไม่? ไม่สบายหรือเพคะ?” จินเซ่อรีบเข้าไปถาม หากแต่จ้าวชูกลับผลักนางออกไป
“ออกไป!” จินเซ่อถูกผลักจนเซไปสองสามก้าว นางตื่นตระหนก
“ท่านอ๋อง…” เขาไม่เคยทำกิริยาเช่นนี้กับนางมาก่อน ทำให้จินเซ่อรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งหมดเป็นความผิดของนางเอง! นางให้ข้อมูลผิดๆ กับเขา นางไม่พอใจเทพเซียนขึ้นมาในทันใด เหตุใดถึงต้องมาโกหกนางด้วย!
จ้าวชูถอนหายใจเข้าออกลึกๆ สองครั้ง
“พระชายา ข้ากำลังวุ่นวายใจ ข้าผิดเอง…”
คำขอโทษจากปากของเขาทำให้หัวใจที่เศร้าหมองของจินเซ่อกลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านอ๋องเป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ!”
………………
จวนสกุลอู่โหวมีความตื่นเต้นยินดี มีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีอย่างมากมายแทบทั้งวัน
เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในพริบตา
ตกกลางคืน เมื่อแขกทั้งหลายได้แยกย้ายกลับไปแล้ว ถังหลี่หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมายถึงตู้ชิงหยู ไม่นานนักหลังจากเด็กทั้งสองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวงได้แล้ว ตู้ชิงหยูจึงได้ออกจากเมืองหลวงไปพร้อมกับตู้เสี่ยวไป๋ นางรู้สึกว่าตนเองหมดภูมิที่จะสอนเด็กสองคนนี้แล้ว อีกทั้งนางเป็นคนใจร้อน วันหนึ่งเมื่อได้รับจดหมาย นางจึงได้พาตู้เสี่ยวไป๋จากไป
เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยมีครูผู้สอนหลายคน แต่ตู้ชิงหยูเป็นคนที่สำคัญและพิเศษที่สุด ตอนนี้เด็กๆ สอบผ่านกันไปได้อย่างเรียบร้อยดีแล้ว นางจึงเขียนจดหมายไปบอกตามมารยาท
หลังจากถังหลี่เขียนจดหมายเสร็จเรียบร้อยดี นางยื่นให้บ่าวรับใช้ ขอให้เขาไปส่งจดหมายให้
ในขณะที่เว่ยฉิงกำลังจะเอ่ยชวนภรรยาเข้านอนนั้น พลันก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เว่ยฉิงเดินไปเปิดประตู
“ผู้อาวุโสถัง ท่านตามหาข้าหรือ?” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูมีทีท่ากระวนกระวาย เมื่อเห็นเว่ยฉิงหน้าตาขุ่นเคืองเขามีสีหน้าตกใจ
เขาคือเหยี่ยนเสี่ยวต้วนนั่นเอง เด็กหนุ่มอยู่กับถังหลี่มาสามปีแล้วนับตั้งแต่ถังหลี่ไปรับตัวเขามา เขาติดตามนางจากชิงเหอจนมาถึงเมืองหลวง
ตั้งแต่อายุได้สิบห้าปีจนถึงสิบแปดปีเด็กชายได้โตขึ้นมากแล้ว ท่าทางเอ้อระเหยไร้กังวลของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แม้จะบอกว่าตนเองเป็นบ่าวรับใช้ของเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ย แต่แท้จริงแล้ว เขาใช้ชีวิตกินดื่มอย่างสุขสบายไร้กังวลภายใต้การคุ้มครองของถังหลี่มานานแรมปี ตอนนี้เขาดูตัวสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
ถังหลี่ซื้อตัวเหยี่ยนเสี่ยวต้วนกลับมาตั้งแต่แรกเป็นเพราะกลัวว่าเด็กทั้งสองจะโดนคนรังแก จึงตั้งใจให้เหยี่ยนเสี่ยวต้วนเป็นผู้ดูแลคุ้มกันเด็กๆ ต่อมาเมื่อเว่ยจื๋ออั๋งและสวี่เจวี๋ยโตขึ้น ทั้งคู่ก็ฉลาดและทันคนมากขึ้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงเหมือนเมื่อก่อนอีก ถังหลี่จึงไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มคนนี้มากนัก
เหยี่ยนเสี่ยวต้วนจึงได้ชีวิตสำราญประหนึ่งเป็นนายน้อยมาโดยตลอด
เขากลัวและเชื่อฟังเว่ยฉิงเพียงคนเดียวเท่านั้น ถังหลี่เห็นท่าทางที่เขายืนตัวตรงเอามือกดเข้าที่ต้นขาตนเองแล้วอดที่จะขำไม่ได้
นางเดินจูงมือเขาออกมาจากห้องเดินมาที่สนามด้านนอก
เหยี่ยนเสี่ยวต้วนเดินตามมาอย่างเชื่อฟัง
“อีกไม่นาน เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยจะไปทำงานที่สำนักฮั่นหลินแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีเด็กรับใช้ในห้องหนังสืออีกต่อไป”
เหยี่ยนเสี่ยวต้วนตกตะลึงไป
“ผู้อาวุโสถัง ท่านไม่ต้องการใช้ข้าอีกต่อไปแล้วหรือ?”
เขาตื่นตระหนก เหล่าถังไม่ต้องการเขาอีกแล้ว เขาจะทำอย่างไร? แต่คิดดูแล้ว เขาช่างไร้ประโยชน์จริงๆ นั่นแหละ เอาแต่ดื่มกินไร้สาระไปวันๆ