เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 547 ความคับแค้นใจ
บทที่ 547 ความคับแค้นใจ
ชายวัยกลางคนผู้นี้ชื่อ เจี่ยชุ่น เขาเป็นคนเมืองหลวง ตระกูลของเขาเป็นหมอมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ความคับข้องใจของเขากับหมอซูต้องย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อนหน้า ในตอนนั้น เขาเป็นคนที่พรสวรรค์ในการเรียนวิชาแพทย์ เขาเก่งที่สุดในบรรดาหนุ่มสาวในตระกูล
ในเวลานั้น มีหมอชื่อดังอยู่ในเมืองหลวง เป็นหมอที่มีชื่อเสียงจนทำให้ใครหลายๆ คนอยากขอให้เขาเป็นอาจารย์ ไม่เว้นแม้แต่เจี่ยชุ่นเช่นกัน เขาไปหาหมอผู้นั้น แต่ถูกปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง เขาไม่ยอมแพ้ ยังไปมาหาสู่ไม่ขาด แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ แม้แต่บิดาของเขาและคนในตระกูลก็ไปอ้อนวอนเช่นกัน กระนั้นเขาก็ไม่ใจอ่อนรับใครเป็นลูกศิษย์แม้แต่คนเดียว
ในที่สุดเจียชุ่นก็ยอมแพ้ คิดว่าหมอผู้นั้นมีมาตรฐานสูงจนไม่มีใครเข้าตาเขาได้ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินว่าหมอมีชื่อผู้นั้น รับเด็กฝึกงานที่ชื่อซูไท่หยวน เวลาผ่านไปจนกระทั่งพวกเขาได้มาเจอกันที่ฮุ่ยชุนถัง
ก่อนที่ซูไท่หยวนจะมาที่ฮุ่ยชุนถัง เขาเป็นหมอที่เก่งที่สุด เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องชื่นชมในความสามารถ แม้แต่โรคที่ยากแก่การรักษา เขาเป็นผู้วินิจฉัยและรักษาด้วยตนเอง
หลังจากที่ซูไท่หยวนเข้ามา เขาก็ไม่ได้เป็นหมออันดับหนึ่งในฮุ่ยชุนถังอีกต่อไป ทุกคนรู้จักแต่หมอซู อยากรักษาแต่กับหมอซู คนไข้เหล่านั้นจะมาหาเขาก็ยามที่หมอซูไม่ว่างเท่านั้น
ซูไท่หยวนผู้นี้ไม่เพียงแต่ปล้นเอาอาจารย์ของเขาไป หากยังปล้นตำแหน่งหมออันดับหนึ่งในฮุ่ยชุนถังของเขาไปอีกด้วย
เจี่ยชุ้นเกลียดมาก เขาทนไม่ได้อีกต่อไป เขาต้องการไล่ซูไท่หยวนให้ออกไปจากฮุ่ยชุนถัง
ในที่สุดเขาก็มีโอกาส วันหนึ่งมีคนไข้ป่วยหนักเข้ามาทำการรักษา ไม่มีใครกล้ารับเขาเอาไว้ เจี่ยชุ้นเองก็ได้เห็นแล้วเช่นกัน โรคนี้รักษาได้ยากมาก
เขาไปพูดกับภรรยาของผู้ป่วยให้นางไปขอร้องซูไท่หยวนให้ช่วยรับรักษาสามีของนาง หญิงนางนั้นก็ได้ไปขอร้องจริงๆ ในที่สุดซูไท่หยวนก็ยอมรับเขาเอาไว้ เจี่ยชุ้นแอบยิ้ม ตราบใดที่ผู้ป่วยรักษาไม่หายและเสียชีวิตลง เขาจะออกไปป่าวประกาศให้รู้โดยทั่วกันว่า ซูไท่หยวนไร้ความสามารถรักษาคนไข้ตายเรื่องนี้จะทำลายชื่อเสียงของหมอซูได้อย่างแน่นอน
แต่ที่เขาคาดไม่ถึงก็คือซูไท่หยวนมีความสามารถจริงๆ เขารักษาจนคนไข้มีอาการดีขึ้น
เจี่ยชุ้นตื่นตระหนก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปชื่อเสียงของซูไม่หยวนจะมิยิ่งโด่งดังมากขึ้นอีกหรือ? เขาจะต้องถูกเปรียบเทียบและโดนเหยียบย่ำจมดินเป็นแน่
ซูไท่หยวนจะต้องรักษาไม่หาย!
เจี่ยชุ้นรีบหาทางแก้ไข
เขาถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนป่วยกับภรรยา คนป่วยเป็นคนซื่อสัตย์ แต่น่าเบื่อ เขาแต่งงานกับภรรยาคนนี้เมื่ออายุมากแล้ว ภรรยาของเขาเคยแต่งงานและมีลูกติดมาด้วย ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาจึงไม่ได้มีความลึกซึ้งมากนัก
เจี่ยชุ้นจึงได้ทำการยุยงภรรยาของคนป่วย ให้เงินนางจำนวนหนึ่งเพื่อวางยาสามีจนตาย จากนั้นจึงใส่ร้ายซูไท่หยวน นอกจากนี้เขายังติดสินบนเจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบคดีในขณะนั้น ให้เขาปิดคดีอย่างรีบเร่ง
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ในที่สุดข่าวการเสียชีวิตของคนไข้ที่ซูไท่หยวนเป็นคนรักษาก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง เพียงชั่วข้ามคืน เขาเปลี่ยนจากหมอผู้มีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นหมอต้มตุ๋นไปในพริบตา
ในที่สุดเขาก็ถูกไล่ออกจากฮุ่ยชุนถัง ไม่ว่าที่ไหนก็ปฏิเสธไม่รับเขาเข้าทำงานอีก
ตั้งแต่นั้นมา เจี่ยชุ้นก็ไม่เคยเห็นซูไท่หยวนอีกเลย บางทีเขาอาจจะไปเป็นหมอในเมืองเล็กๆ หรือไม่ก็แอบตายอยู่ในซอกมุมอับที่หนึ่ง
ในที่สุดหลังจากเจี่ยชุ้นทำงานเป็นหมอในฮุ่ยชุนถังหลายปี จากนั้นเขาก็ผ่านการคัดเลือกและการเป็นหมอหลวง เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นรายชื่อของซูไท่หยวนในการคัดเลือกของโรงแพทย์หลวง
ในวันคัดเลือกหมอหลวง เขาไปแอบดู ไม่ใช่แค่ชื่อแซ่จะเหมือนกันเท่านั้น แต่เป็นซูไท่หยวนตัวจริง!
เขาไม่ได้คาดหวังว่าซูไท่หยวนจะยังมีหน้ากลับเมืองหลวงทั้งยังกล้าสมัครเข้าร่วมคัดเลือกหมอหลวงอีกด้วย
สิบสองปีผ่านไป ทักษะการแพทย์ของซูไท่หยวนไม่ได้ลดถอยลง เขาผ่านการคัดเลือกจากโรงแพทย์หลวงได้สำเร็จ สำหรับเจี่ยชุ้นแล้ว ซูไท่หยวนเป็นเหมือนคำสาป พรากทุกอย่างไปจากเขา
ต้องไม่ให้ซูไท่หยวนเข้าไปในโรงแพทย์หลวง!
เขาจึงได้นัดพบกับภรรยาของผู้ป่วยเมื่อสิบสองปีก่อน สัญญาว่าจะให้เงินห้าร้อยตำลึงแก่นาง และเหตุการณ์ในวันนี้จึงได้เป็นไปตามแผนสมคบคิดของเขา
ซูไท่หยวน ข้าเอาเจ้าออกจากฮุ่ยชุนถังไปได้เมื่อสิบสองปีที่แล้ว สิบสองปีผ่านมาข้าย่อมเอาเจ้าออกจากโรงหมอหลวงได้ด้วยวิธีเดียวกัน!
หลังจากที่เขากลับไปยังโรงหมอหลวงและได้สอบถามเรื่องนี้ ก็ได้ยินว่าซูไท่หยวนถูกสั่งให้ออกจากงานไปแล้ว
ใบหน้าของเจี่ยชุ้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
………..
ศาลต้าหลี่ ซูไท่หยวนที่ถูกขังอยู่ ต่อหน้าภรรยาเขาดูสงบ แต่เมื่ออยู่ให้ห้องขัง เขากำหมัดแน่น เผยให้เห็นความไม่สบายใจ
เขาคิดถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อสิบสองปีก่อนนั้น มันเป็นฝันร้ายของเขา
“หมอเถื่อน ! หมอเถื่อน “
“หมอต้องเป็นคนรักษาโรคภัยไข้เจ็บ แต่เจ้ากลับฆ่าคน!”
“แกฆ่าสามีของข้า เอาชีวิตของสามีข้าคืนมานะ!”
เสียงด่าทอกล่าวโทษยังก้องอยู่ในหูของเขา ไกลแต่ใกล้ เขาโต้เถียงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ไม่มีใครเชื่อเขา แม้เรื่องนี้จะผ่านไปนานถึงสิบสองปีแล้ว แต่เมื่อนึกถึงครั้งใด เขาจะหนาวเยือก หายใจไม่ออกเสียทุกครั้งไป
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นึกถึงใบหน้าของภรรยาของตน อารมณ์เขาค่อยๆ สงบลง หากศาลต้าหลี่รื้อคดีอีกครั้ง อาจจะคืนความบริสุทธิ์ยุติธรรมให้เขาได้
ถ้าคืนความบริสุทธิ์ให้เขาได้ล่ะ!
ซูไท่หยวนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด
…….
ผู้ที่รับผิดชอบทำคดีนี้คือเจิ้งหยางอันแห่งศาลต้าหลี่ แต่เดิมเขาเป็นข้าราชการยศไม่สูงนักในศาลต้าหลี่ แต่เขาเป็นคนมีคุณธรรมและเป็นคนยุติธรรม เขาจึงได้รับการสนับสนุนและเลื่อนตำแหน่งมาโดยตลอดจากกู้หวนเนี่ยน เมื่อวานนี้เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้มาร้องต่อศาลต้าหลี่ เจิ้งหยางอันได้บังเอิญอยู่ในตอนนั้นเข้าพอดี เขาจึงเป็นคนรับคำร้องเรื่องนี้เอาไว้
ก่อนหน้าที่กู้หวนเนี่ยนจะมาเป็นผู้พิพากษาของศาลต้าหลี่นั้น ทางศาลต้าหลี่มีข้อห้ามในการกลับคำตัดสินหรือพลิกคดี
การรื้อคดีพลิกคดีใหม่จะทำให้เกิดข้อกังขาถึงการตัดสินคดีที่ไม่ยุติธรรมเป็นเท็จ จนทำให้คนไม่เชื่อใจสงสัยได้ เพราะเช่นนั้น การพลิกคดีรื้อฟื้นคดีใหม่จะต้องเป็นคดีที่ใหญ่โตก่อให้เกิดการสะเทือนขวัญแก่ราษฎรทั่วไป
แต่เมื่อกู้หวนเนี่ยนเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้ว กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการรื้อคดีขึ้นมาตัดสินใหม่ ตราบใดที่ยังมีข้อสงสัยหรือหากมีหลักฐานหรือมีใครรับสารภาพ ก็จะมีการอนุญาตให้ตรวจสอบได้อีกครั้ง
เจิ้งหยางอันชื่นชมกู้หวนเนี่ยนมาก เขายังเลียนแบบพฤติกรรมของคนที่เขาชื่นชอบอีกด้วย
เขาไปค้นหาต้นฉบับที่บันทึกคดีเอาไว้เมื่อได้อ่านเขาจึงพบจุดพิรุธน่าสงสงสัย รายงานชันสูตรศพผู้ตายระบุเอาไว้คล้ายอาการเหมือนคนถูกวางยาพิษ…
“ใต้เท้าหยาง ท่านทำคดีของหมอที่ฮุ่ยชุนถังหรือ?” เสียงคนผู้หนึ่งถามขึ้น
คนพูดเป็นชายวัยกลางคน เขาคือใต้เท้าซุนถือได้ว่าเป็นผู้อาวุโสผู้หนึ่งของศาลต้าหลี่ อีกทั้งยังมียศสูงและตำแหน่งสูงกว่าเจิ้งหยางอัน
เจิ้งหยางอันพยักหน้า ดูชื่อที่เขียนกำกับเอาไว้ เห็นว่าเป็นชื่อของใต้เท้าซุน
“ใต้เท้าซุน ท่านเป็นคนรับผิดชอบคดีนี้ตั้งแต่แรกหรือ?”
“ใช่ข้าเป็นคนทำคดีนี้เอง คดีมีหลักฐานแน่นหนาไม่มีข้อมูลใหม่หรอก ท่านอย่าได้เสียเวลารื้อคดีเลย”
“ใต้เท้าซุนท่านดูรายงานชันสูตรศพนี่สิ คนป่วยมีเลือดไหลออกทวารทั้งเจ็ด ริมฝีปากเป็นสีม่วง ดูเหมือนเขาถูกวางยาพิษ…”
ใบหน้าของใต้เท้าซุนเปลี่ยนไป จากนั้นจึงกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“เจ้ายังประสบการณ์น้อยจึงไม่มีความเข้าใจอย่างชัดเจนดี จะเป็นยารักษาโรคก็ดีหรือยาพิษก็ดีไม่ได้มีความแตกต่างกันเท่าไหร่นัก …หากเป็นยาพิษใช้ตามปริมาณเหมาะสมก็อาจจะเป็นยาที่ช่วยชีวิตคนได้ แต่ถ้าหากใช้มากเกินไม่ถูกวิธี ก็อาจเป็นอันตรายจนกลายเป็นยาพิษไปได้ ในกรณีนี้หมอซูไท่หยวนใช้ยาผิด ทำให้ผู้ป่วยได้รับพิษ ถ้าหากรักษาไม่ได้ก็ไม่ควรจะรักษาตั้งแต่แรก การคร่าชีวิตผู้อื่นเป็นเรื่องผิดศีลธรรม!”
…………………..