เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 55 เพื่อนบ้าน
บทที่ 55 เพื่อนบ้าน
ในช่วงเช้าของวันนี้ ถังหลี่ยังมีอาการปวดท้องไม่สบายอยู่เล็กน้อย ดังนั้นนางจึงนอนขลุกอยู่บนเตียง เด็กทั้งสองเฝ้ามองมารดา ดวงตากลมโตจ้องไปที่หญิงสาวและถามว่า
“ท่านแม่ ท่านอยากจิบน้ำร้อนหรือไม่? ในหม้อยังพอมีอยู่”
ถังหลี่พยักหน้ารับจากนั้นเอ้อร์เป่าก็วิ่งไปที่หม้อเพื่อตักน้ำร้อนมาให้มารดา และเมื่อถังหลี่จะลุกขึ้นจากเตียง ซานเป่าก็รีบนำรองเท้าของนางมาวางไว้ที่พื้นรอทันที พร้อมกับเสื้อกันหนาวบุนวมอีกตัวหนึ่ง
ตกบ่ายวันนั้นอาการปวดท้องของถังหลี่เริ่มหายเป็นปกติ และนางก็ไม่อยู่นิ่ง หญิงสาวเลือกหยิบถุงลูกกวาดสองสามห่อจากคลังเสบียง แล้วออกจากบ้านไปพร้อมเด็กน้อยทั้งสองคน บ้านของถังหลี่อยู่นบนถนนที่มีบ้านเรียงรายเต็มสองข้างทาง ตัวบ้านของถังหลี่อยู่ตรงกลาง โดยที่ด้านซ้ายมีสองหลัง และด้านขวาอีกสามหลัง มีเพื่อนบ้านทั้งหมดห้าหลังคาเรือน ที่นี่ห่างจากตลาดเพียงครึ่งชั่วยาม เสียงไม่ค่อยดังมากนัก อีกทั้งไม่ได้อยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก นับว่าเป็นทำเลที่ดี ว่ากันว่าต่อให้เป็นญาติห่าง ๆ ก็ยังด้อยกว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิด นางอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องผูกมิตรกับเพื่อนบ้านเอาไว้ เพื่อให้การย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่ของถังหลี่เป็นไปอย่างราบรื่น นางจึงวางแผนที่จะนำของเล็กน้อยไปมอบให้เพื่อผูกมิตร เช่นเดียวกับธรรมเนียมมอบขนมให้เพื่อนร่วมงานยามที่จะออกเรือน
เมื่อถังหลี่และเด็ก ๆ เคาะประตูและมอบถุงลูกกวาดให้แก่เพื่อนบ้าน จากเพื่อนบ้านห้าหลังมีเพียงสองสามหลังเท่านั้น บ้านหลังแรกอยู่ซ้ายมือเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง บ้านหลังที่สองเป็นหญิงวัยกลางคน และฝั่งของข้ามคือหญิงชราผู้แสนใจดี
หญิงสาวกับสตรีวัยกลางคนไม่แยแสถังหลี่เลยสักนิด พวกเขาปิดประตูทันทีหลังจากรับถุงลูกกวาดจากถังหลี่ไป แต่หญิงชราอยู่พูดคุยกับนางครู่หนึ่ง จนถังหลี่ทราบว่าหญิงชราผู้นี้มีนามว่า เย่ นางอาศัยอยู่กับลูกชาย แต่บุตรชายของนางยุ่งมากดังนั้นส่วนใหญ่หญิงชราจึงอาศัยอยู่คนเดียว จนบ้านคล้ายกับบ้านร้าง นางจึงดีใจมากและบอกให้ถังหลี่มาพูดคุยกับนางบ้างหากมีโอกาส หญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ถังหลี่ส่งซาลาเปาให้นางไป ถังหลี่ก็กลับบ้านพร้อมลูกทั้งสองคน
ทางด้านเฉียนกุ้ยอิงนั้น ทันทีที่ปิดประตูนางโยนถุงลูกกวาดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ไม่แม้แต่จะมองสักนิด
คนบ้านนอกพวกนี้จะมีของดีอะไรเล่า? คงไม่พ้นเป็นพวกเศษลูกกวาดหัก ๆ ผสมก้อนกรวดก้อนหินล่ะสิ จะมีอะไรดีไปกว่านี้ได้?
สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เฉียนกุ้ยอิงเปิดประตูออกมาดูด้วยความประหลาดใจ
“พี่เถียน ว่างหรือเข้ามา ๆ ” เฉียนกุ้ยอิงยิ้มทันที ท่าทีของนางนั้นตรงข้ามกับความเย็นชาที่มอบให้ถังหลี่ สามีของเถียนซื่อเปิดร้านขายยาขนาดใหญ่ ทำให้เขามีรายได้หลายร้อยตำลึงต่อเดือน
“นั่งลงสิ” นางรีบนำเก้าอี้มา แต่เถียนซื่อโบกมือ
“ไม่ต้อง ๆ กุ้ยอิง เมื่อครู่นี้เจ้าได้รับถุงลูกกวาดมาหรือไม่? ”
“ใช่ข้ารับมา.. อย่างไรเสียก็เป็นเพื่อนบ้านกัน ตามมารยาทก็ควรรับไว้” เฉียนกุ้ยอิงกล่าว
“เปิดดูแล้วหรือ? ” นางเถียนถาม
“ไม่ล่ะ ที่บ้านของข้ามีเยอะแล้ว เก็บไว้ก็เปล่าประโยชน์เลยทิ้งไปแล้ว ” ใบหน้าของเฉียนกุ้ยอิงแสดงออกถึงความรังเกียจ ทำให้เถียนซื่อดีใจมาก
“หากเจ้าไม่ต้องการแล้ว ก็ขอข้าเถอะ” เฉียนกุ้ยอิงประหลาดใจ
“พี่เถียน ทำไมท่านถึงอยากได้ลูกกวาดจากสาวบ้านนอกผู้นั้นเล่า? ” นางกล่าวก่อนจะหยิบถุงลูกกวาดส่งให้นางเถียน สตรีวัยกลางคนรับมันไป
“ในนั้นเป็นลูกกวาดชั้นดี สินค้าใหม่จากร้านลูกกวาดหยก ลูกคนเล็กของข้าชอบมันมาก”
“นี่คือขนมจากร้านลูกกวาดหยกหรือ? ” เฉียนกุ้ยอิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางเถียนเปิดถุงลูกกวาดออกในนั้นมีลูกกวาดหลายสิบชิ้น แต่ละชิ้นถูกห่อด้วยกระดาษบาง ๆ ที่มีคำว่าโรงงานลูกกวาดหยกประทับตราอยู่บนนั้น
“คนบ้านนอกเช่นนางจะมีของดีแบบนี้ได้อย่างไร? ” เฉียนกุ้ยอิงตกตะลึงไปเลย
“ข้าเดาว่านางต้องใช้เงินจำนวนมากในการผูกมิตรกับเพื่อนบ้านแน่ กุ้ยอิงเจ้าไม่ต้องการมันจริง ๆ หรือ? ”
“ไม่ล่ะ ข้าไปซื้อมาเมื่อสองสามวันก่อน ยังมีอยู่เลยพี่เถียนท่านรับไปเถิด”
“ขอบคุณเจ้ามาก ข้าขอตัวไปทำอาหารก่อนนะ”
ทันทีที่นางเถียนเดินจากไปใบหน้าของเฉียนกุ้ยอิงก็มืดครึ้มลง นางพึมพำเบา ๆ
“ข้าเองก็อยากได้เหมือนกันนะ ต่อให้รวยแล้วอย่างไรเล่า? จะขี้เหนียวสักหน่อยก็ไม่แปลกนี่ ”
ขนมจากร้านลูกกวาดหยกนั้นมีราคาสูง เฉียนกุ้ยอิงซื้อให้แต่ลูก ๆ กินเท่านั้น แม้แต่นางยังไม่กล้ากินเลย! ตอนที่เถียนซื่อนำลูกกวาดถุงนั้นเดินออกจากบ้านไป ทำให้เฉียนกุ้ยอิงรู้สึกร้อนรุ่มในอกเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
แต่เอาเถอะ! หญิงบ้านนอกผู้นั้นคิดหรือว่า… การมอบของราคาแพงจะสามารถผูกมิตรกับเพื่อนบ้านได้ ช่างมองโลกในแง่ดีไปแล้ว!
…..
เช้าวันรุ่งขึ้น ถังหลี่แต่งตัวลูกทั้งสองด้วยเสื้อผ้าที่งดงาม ก่อนจะพาพวกเขาไปที่ร้านไป๋เย่าถังในตลาด ร้านขายยาร้านนี้เป็นร้านที่ถังหลี่ซื้อขายสมุนไพรด้วย ถึงอย่างนั้นไป๋เย่าถังก็ไม่ใช่ร้านยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเหยาสุ่ย[U1] แต่หญิงสาวติดใจในคุณภาพของยาในร้านและนิสัยใจคอของเจ้าของร้านมากกว่า
ถังหลี่มาถึงหน้าประตูของร้านไป๋เย่าถัง เมื่อเจ้าของร้านเห็นนางก็รีบออกมาทักทายด้วยตัวเอง
“เถ้าแก่เนี้ยถัง เข้ามาก่อน ๆ ไอ้หยา! ลูกของท่านน่ารักจริง ๆ!”
เด็กทั้งสองมีมารยาทดี พวกเขาทักทายเถ้าแก่ร้านอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ท่านลุง”
เจ้าของร้านเห็นแบบนั้นก็ใจอ่อนยวบ เขารีบเรียกลูกน้องให้นำขนมมากมายมาให้เด็กทั้งสอง
“ขอบคุณมากเถ้าแก่จาง ข้านำขนมที่เด็ก ๆ ชอบมาให้ลูกชายท่าน” ถังหลี่ถือตะกร้าใบเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยลูกกวาดและขนมชั้นเลิศมอบให้อีกฝ่าย ชายคนนั้นรับไปก่อนจะกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณมากเถ้าแก่เนี้ยถัง ท่านมีน้ำใจมาก”
“เถ้าแก่จาง ข้าอยากรู้ว่าท่านสามารถหาสมุนไพรให้ข้ามากกว่านี้ได้อีกหรือไม่? ” ถังหลี่ถาม ในสูตรยาของนางมีสมุนไพรอยู่ตัวหนึ่งที่หายากมาก ในช่วงที่ผ่านมาฮูหยินซูได้จ้างคนงานปักผ้าเพิ่มอีกสองสามคน ซึ่งจะทำให้โรงงานผลิตถุงหอมผลิตได้ราวหกหรือเจ็ดร้อยชิ้นต่อเดือน แต่เนื่องจากขาดสมุนไพรตัวนี้ไปจึงทำให้การผลิตลดลงถึงสองร้อยชิ้น ซึ่งเท่ากับเงินถึงหกร้อยตำลึงเลยทีเดียว
“เถ้าแก่เนี้ยถัง ข้าอยากจะหาเพิ่มให้ท่านจริง ๆ พวกเราเป็นคนค้าขาย เหตุใดจะไม่อยากขายของเล่า? แต่ถึงข้าจะเพิ่มเงินให้กับคนปลูกสมุนไพรแล้ว แต่ก็ยังได้ไม่เท่ากับจำนวนที่ท่านต้องการเลย ” เถ้าแก่จางทุบต้นขาพร้อมพูดอย่างจนปัญญา
“แล้วร้านขายยาอื่นเล่า? ” ถังหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง
เถ้าแก่จางคิดตามคำพูดของนางเช่นกัน แต่ราคาจากการรับซื้อจากร้านอื่นนั้นย่อมแพงกว่ารับจากชาวสวนโดยตรงอย่างแน่นอน เขารู้สึกกระดากอายที่จะไปขอขึ้นราคากับนาง เพราะดูเหมือนเขาเป็นคนโลภที่ต้องการเงินมากขึ้น อีกทั้งยังสร้างความประทับใจที่ไม่ดีต่อถังหลี่อีกด้วย หญิงสาวผู้นี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ของเขา และเถ้าแก่จางก็ไม่อยากเสียลูกค้าชั้นดีรายนี้ไป
“ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ข้าพอรู้จักเจ้าของร้านยาหลายแห่งแต่ว่าราคานั้น…” เขาลังเล
“เถ้าแก่จาง ข้าจะให้เงินเพิ่มสองตำลึงต่อสมุนไพรหนึ่งชั่งได้” ถังหลี่กล่าว
“ตกลง ข้าจะไปติดต่อขอซื้อดู ราคาที่ข้ารับซื้อมาจากชาวสวนข้าจะยังขายให้ท่านราคาเดิม แต่ในส่วนที่ข้าต้องไปซื้อมาจากร้านขายยาเจ้าอื่น ข้าจะขายราคาเพิ่มขึ้นอีกสองตำลึง ” นั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้
เมื่อพูดจาตกลงกันเรียบร้อยดีแล้ว ถังหลี่จึงพาเด็กทั้งสองคนไปตลาด
….
เถ้าแก่จางไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เขาให้ความสำคัญต่อการค้าขายรายนี้มาก และต้องรีบทำให้สำเร็จโดยเร็ว เขาบอกลูกน้องให้เฝ้าร้านก่อนจะกลับไปยังบ้านของตัวเอง ทันทีที่ถึงบ้านเถ้าแก่บอกกับภรรยาของตนว่า
“ฮูหยิน เจ้าช่วยเก็บเสื้อผ้าให้ข้าที”
บังเอิญว่าภรรยาของเถ้าแก่จางผู้นี้คือเถียนซื่อนั่นเอง
“ท่านพี่ ท่านจะไปไหนหรือ? ”
“ไปหาสมุนไพรน่ะ ในร้านข้าไม่มี ข้าเลยจะไปหาที่นอกเมืองดู”
“สำหรับลูกค้ารายใหญ่หรือ?” เถียนถาม
นางรู้ว่าสามีมีคู่ค้ารายใหญ่รายหนึ่งและการซื้อขายนี้ก็ทำให้ครอบครัวนางมีรายได้เพิ่มขึ้นหลายร้อยตำลึงต่อเดือน
“ใช่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นต้องรีบแล้วล่ะ” เถียนซื่อรู้สึกร้อนรน นางรีบเก็บเสื้อผ้าให้สามี เถ้าแก่จางรับห่อสัมภาระจากภรรยา ก่อนที่เขาจะจากไป เถ้าแก่จางชี้ไปยังตะกร้าที่วางไว้บนโต๊ะแล้วพูดกับนางว่า
“นี่เป็นของที่ลูกค้ารายใหญ่มอบให้มู่เฉิงนะ”
เมื่อมองไปยังตะกร้าขนมที่ดูล้ำค่าตรงหน้าแล้ว นางเถียนรู้สึกได้ว่าลูกค้ารายใหญ่ผู้นี้ช่างเป็นคนดีเสียจริง ๆ นางมีน้ำใจกับลูก ๆ ของนาง
“เถ้าแก่เนี้ยผู้นี้ช่างน้ำใจงามเสียจริง ท่านพี่เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ”
————————–
[U1]