เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 563 คุณชายลิ่วเยว่
บทที่ 563 คุณชายลิ่วเยว่
ที่ชั้นบนของเสี่ยวหงโหลว
ทันทีที่ลิ่วเยว่ปิดหน้าต่างก็มีมือคู่หนึ่งเอื้อมมากอดเขาจากด้านหลัง ใบหน้าของชายหนุ่มมีความรังเกียจเจือปนอยู่ก่อนจะจางหายไป กลายเป็นสีหน้าเรียบเฉย คนที่อยู่ด้านหลังของเขาคือองค์หญิงใหญ่ แม้พระนางจะอายุมากกว่าสี่สิบปี แต่เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจึงดูอ่อนเยาว์กว่าวัยมาก
“เจ้าไม่มีความสุขหรือ?”
“ไม่พะย่ะค่ะ”
“ได้อ่านหนังสือสองเล่มที่ข้าส่งไปวันก่อนหรือยัง?”
“พะย่ะค่ะ”
“เจ้าชอบหรือไม่?”
“เป็นหนังสือที่กระหม่อมตามหา ขอบพระทัยองค์หญิงพะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่มองดวงตาไร้อารมณ์ของเขาด้วยความหลากพระทัย ลิ่วเยว่อยู่กับนางมาหลายปีแล้ว เขาดูไม่เต็มใจเวลาอยู่กับนาง บุรุษมากมายที่นางโปรดปรานทุกคนล้วนพยายามเอาอกเอาใจนาง แต่ลิ่วเยว่เป็นคนโปรดปรานของนางมาเสมอ ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมาความสนใจของนางที่มีต่อเขาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย นางสร้างเสี่ยวหงโหลวอย่างประณีตและไม่เหมือนใคร ทั้งหมดนี่เพื่อทำให้เขามีความสุข
ในตอนที่เห็นรอยยิ้มจางๆ ที่หาได้ยากปรากฏขึ้นที่ยามเห็นอาคารหลังนี้ องค์หญิงใหญ่สัมผัสได้ถึงความสำเร็จ ทุกอย่างล้วนคุ้มค่าเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนงาม
นางคุ้นเคยกับความเฉยเมยของเขาเป็นอย่างดี องค์หญิงใหญ่มองเขาเงียบๆ จากนั้นจึงจับมือเขา
“ไปที่วังกับเปิ่นกงเถอะ”
….
จวนอู่โหว
ถังหลี่ยังคงคิดถึงลิ่วเยว่ และในตอนเย็นฉื่อซื่อก็เข้ามารายงานผลการสืบเรื่องของเขาให้นางฟัง
องค์หญิงใหญ่ทรงอภิเษกสมรสไปตั้งแต่ยังพระเยาว์ พระนางแต่งกับคนที่ไม่ชอบ แต่ทำให้นางสามารถช่วยฮ่องเต้ได้ ต่อมาเมื่อฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ องค์หญิงใหญ่จึงไม่ต้องพึ่งการสมรสของนางอีกต่อไป นางมีอำนาจมากขึ้น พระนางทรงหย่ากับพระสวามี หลังจากเจรจากันแล้วองค์หญิงใหญ่จึงเสด็จกลับมายังเมืองหลวง ฮ่องเต้ตอบแทนนางด้วยที่ดินศักดินาผืนงาม พระนางจึงเริ่มเลี้ยงนายบำเรอเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายไป
ฝ่าบาททรงปล่อยให้พระนางเลี้ยงชายบำเรอคนโปรดเอาไว้ ซึ่งส่วนมากจะอยู่ได้ไม่นาน นานวันเข้าองค์หญิงจะเป็นฝ่ายเบื่อหน่ายไปก่อนเอง แต่กับคุณชายลิ่วเยว่ผู้นี้แตกต่างออกไป เขาอยู่กับองค์หญิงใหญ่มาสามปีแล้ว ยังได้รับความโปรดปรานมาอย่างสม่ำเสมอ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ฉื่อซื่อไม่สามารถสืบค้นอดีตของชายผู้นี้ได้เลย แม้แต่ประวัติตอนเกิดของเขาก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้
“องค์หญิงใหญ่มีอุปนิสัยหวาดระแวง พระนางทรงไม่ไว้วางพระทัยแม้แต่คนข้างกาย” ฉื่อซื่อกล่าว
“เช่นเดียวกับบุรุษรอบตัวขององค์หญิงใหญ่ พวกเขาล้วนมีที่มาลึกลับ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาคุกคามหรือทำร้ายพระนางได้”
ถังหลี่ครุ่นคิด ใช่แล้วถ้าคนรอบข้างหันมีดมาแทงนางนั่นย่อมเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด
คุณชายลิ่วเยว่ผู้นี้อยู่กับองค์หญิงใหญ่มาสามปี เขาต้องล่วงรู้ความลับมากมายของนาง ถังหลี่ต้องการช่วยสามีของตน
น่าเสียดายที่นางอยู่แต่ในเมืองหลวงเท่านั้น ถังหลี่จึงสงสัยว่าควรใช้วิธีเข้าหาผู้คนรอบกายองค์หญิงใหญ่จะได้หรือไม่
….
หมอซูอยู่ในวังหลายเดือนแล้ว ไทเฮายังไม่ทรงฟื้นความทรงจำเมื่อยี่สิบปีที่ก่อน แต่พิษในร่างกายหายไปเกือบหมด เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ถังหลี่จึงบอกให้หมอซูหาข้ออ้างแล้วลาออก นางกังวลมากที่หมอซูอยู่ในโรงหมอหลวง ซูไท่หยวนลาออกอย่างราบรื่น เขาเป็นเพียงหมอตัวเล็กๆ เท่านั้น การลาออกของเขาจึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก
….
ชั่วพริบตาเดียว เว่ยฉิงได้เดินทางจากไปถึงห้าวันแล้ว ห้าวันที่ผ่านมาเวลาเดินไปช้ามากสำหรับถังหลี่ นางคิดถึงสามีของตนอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเขาจะได้กินอิ่มนอนอุ่นหรือไม่?
แต่ส่วนตัวนางนอนหลับไม่สนิทดีนัก
ที่เมืองหลวงมีฝนตกมาสองวันแล้ว ถังหลี่ไม่แน่ใจว่าระหว่างการเดินทางไปวั่งเซี่ยนจะมีฝนตกไหม?… หญิงสาวครุ่นคิดเรื่องนี้ นางมองไปที่หน้าท้องกลมๆ ของตนเองลูบไล้เบาๆ
“เจ้าก็คิดถึงท่านพ่อเหมือนกันใช่ไหม?”
หลังจากที่เว่ยฉิงจากไป เด็กในท้องดูเหมือนจะเงียบลงไม่ค่อยดิ้นเท่าไหร่นัก
“แม่ก็คิดถึงพ่อเจ้ามากเช่นกัน” ถังหลี่พึมพำ นางมองออกไปนอกหน้าต่าง เว่ยฉิงคงไปถึงวั่งเซี่ยนแล้ว ความคืบหน้าของการสืบสวนจะเป็นอย่างไร ถังหลี่ไม่อาจรับรู้ได้เลย
ตอนนี้ท้องของถังหลี่ใหญ่ขึ้นทุกวัน หมอซูกำชับห้ามนางนอนทั้งวัน ถังหลี่ต้องเดินเหินบ้างเพื่อจะได้คลอดได้อย่างสะดวก ในยามเย็นที่พระอาทิตย์ไม่ร้อนมาก ถังหลี่จะออกไปเดินเล่นเสมอ
ตอนที่หญิงสาวกำลังเดินเล่นอยู่นั้น จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังออกมาจากในตรอก
นางมาพร้อมกับสาวใช้และองครักษ์ เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว สาวใช้รีบขวางนางเอาไว้ทันที ส่วนองครักษ์รีบเข้าไปในตรอกเพื่อดูสถานการณ์ด้านใน
“ฮูหยินขอรับ มีพวกอันธพาลรังแกผู้หญิงอยู่สองสามคนขอรับ” เขารายงาน
ถังหลี่พยักหน้ารับรู้ องครักษ์สองคนเดินไปในตรอก หลังจากสู้กันไม่นานอันธพาลเหล่านั้นก็ถูกซ้อมจนสลบไปเหลือเพียงหญิงสาวคนเดียวที่นอนสลบไสลอยู่ในตรอกนั้น องครักษ์ไม่รู้จะจัดการต่ออย่างไร เขาได้แต่มองถังหลี่
หญิงสาวเห็นสตรีที่นอนอยู่อ่อนแอ เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย จึงได้ตัดสินใจในทันที ไม่ว่านางจะเป็นใคร ถังหลี่ก็ไม่อาจปล่อยนางทิ้งไว้ได้
“พานางกลับไปที่จวนอู่โหว” ถังหลี่กล่าว
หลังจากกลับมาที่จวนอู่โหวแล้ว ถังหลี่จึงให้หมอซูรักษาหญิงสาวคนนั้นทันที
เมื่อหมอซูได้ตรวจวินิจฉัย ก็บอกว่านางเพียงแต่อ่อนแอเหนื่อยล้าเท่านั้น ไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงมากนัก เขาสั่งยาบำรุงร่างกายให้ ถังหลี่ได้ฝากให้สาวใช้คนหนึ่งดูแลนาง
วันรุ่งขึ้นผู้หญิงคนนั้นได้ตื่นขึ้นมา นางต้องการพบกับผู้ที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ ถังหลี่จึงไปหา แต่ก็ให้รู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากเมื่อวานตอนที่ถังหลี่พบกับหญิงสาวผู้นี้ นางดูอ่อนแอ ทั้งสกปรก ผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่ยามนี้เมื่อได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทำผมแล้ว นางเป็นหญิงสาวที่สวยงามผู้หนึ่ง นางมองถังหลี่
“ท่านคือฮูหยินอู่ที่ได้ช่วยข้าเอาไว้หรือเจ้าคะ?” ถังหลี่พยักหน้า
“เจ้ายังเจ็บป่วยตรงไหนหรือไม่?”
นางส่ายศีรษะกล่าวขอบคุณถังหลี่
“ข้านามว่าสวี่เจียว ขอบคุณฮูหยินมากที่ช่วยเหลือข้าไว้” หากนางไม่ได้รับการช่วยเหลือจากฮูหยินท่านนี้ก็นึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไร
“เจ้าเป็นคนเมืองหลวงหรือ?”
หญิงสาวส่ายศีรษะ
“ข้ามาจากชิงเหอเจ้าค่ะ ข้ามาที่เมืองหลวงได้สามเดือนแล้วเพื่อตามหาสามีของข้า” สวี่เจียวเล่าเรื่องของนางและสามี
นางกับสามีเป็นคู่รักกันตั้งแต่ยังอายุน้อย พวกเขาพบรักกันที่สำนักศึกษา บิดามารดาของนางรักนางมาก นางจึงปลอมตัวเป็นบุรุษเพื่อเข้าเรียนและได้พบกับสามีของนาง สามีของนางรู้ว่านางเป็นสตรีจึงได้ดูแลนางเป็นอย่างดี ทั้งสองคนตกหลุมรักซึ่งกันและกัน
ต่อมาอายุได้สิบห้าปีพวกเขาจึงหมั้นหมายและแต่งงานกัน หลังจากที่แต่งงานกันแล้ว แม้นางจะไม่มีบุตร หากแต่สามีของนางก็ปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดีไม่ได้รังเกียจนาง ในทางตรงกันข้ามความรักของพวกเขาก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน
“สามีของข้าเป็นคนฉลาด เขาสอบได้ที่หนึ่งในเขตอำเภอ ผลการสอบในเขตมณฑลเขาก็ทำได้ดี แม้การสอบในเมืองหลวง ทุกคนคิดว่าเขาคงจะสอบผ่านอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงสามีดวงตาของสวี่เจียวเป็นประกาย นางจำได้ว่าสามีของนางมาเข้าร่วมการสอบ ในวันที่แยกจากกันเขาบอกจะกลับไปรับนาง ในเวลานั้นแม้นางจะไม่เต็มใจแยกจากเขา แต่ก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“นี่ก็ผ่านมาถึงสามปีครึ่งแล้วที่สามีของข้าเข้ามาสอบที่เมืองหลวง แต่ก็ไม่มีข่าวคราวของเขาเลย”