เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 571 การไล่ล่าและสังหาร
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 571 การไล่ล่าและสังหาร
บทที่ 571 การไล่ล่าและสังหาร
เว่ยฉิงนำคนเข้าไปซุ่มใกล้ที่ค่ายทหารเป็นเวลาถึงสองวันเพื่อทำการสืบสวนอย่างลับๆ เขาจึงได้พบข้อมูลของกองกำลังเหล่านี้
กองกำลังส่วนพระองค์ขององค์หญิงใหญ่มีทหารสามหมื่นนายและมีอาวุธครบมือ ทั้งง้าว หอก โล่ ดาบ ยิ่งกว่านั้นกองกำลังหนึ่งหมื่นนายเป็นทหารม้า หนึ่งในแม่ทัพของกองทัพเป็นคนสนิทขององค์หญิงใหญ่ และมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับนาง
“กองกำลังส่วนตัวและอาวุธครบ องค์หญิงใหญ่กำลังวางแผนกบฏ!” เหล่าหู่ตกตะลึง
“หากนำกองกำลังทหารม้าไปประชิดเมืองหลวงจะใช้เวลาเพียงห้าวันเท่านั้น”
ความต้องการในการก่อกบฏขององค์หญิงใหญ่เป็นที่เปิดเผยและชัดเจนมาก หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่
“ใต้เท้า เราต้องกลับเมืองหลวงให้เร็วที่สุดเพื่อถวายรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทนะขอรับ” เหล่าหู่พูด
“ใช่! กลับเมืองหลวงกันเถอะ” เว่ยฉิงพยักหน้า
คนกลุ่มหนึ่งควบม้ากลับเมืองหลวง เว่ยฉิงควบม้าด้วยความเร็ว เขาปรารถนาที่จะทำความเร็วให้มากกว่านี้ เว่ยฉิงอยากเจอภรรยาของเขามาก เขาคิดถึงนางและลูกๆ เหลือเกิน
กระนั้นฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ ระหว่างทางกลับฝนก็เริ่มตกลงมา พวกเขาจึงได้หยุดพักตามเมืองต่างๆเพื่อซื้อเสื้อกันฝนที่ทำจากทางมะพร้าวใส่กัน
เว่ยฉิงเป็นคนตัวสูง หลังจากที่สวมเสื้อกันฝนมะพร้าวเขาก็ดูตัวสูงใหญ่ขึ้นไปอีก ดวงตาของเขาโผล่ลอดออกมาจากหมวกไม้ไผ่ กวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง เขาสัมผัสได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมายังตนเอง ทำให้ไม่สบายใจขึ้นมา เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะหยุดพักที่เมืองสักหนึ่งวัน แต่เพราะสังหรณ์ใจ เขาจึงสั่งให้ออกเดินทางต่อทันที
เมื่อผ่านป่าทึบในภูเขา ทันใดนั้นเองมีคนหลายสิบคนควบม้าออกมาล้อมเขาไว้ อีกด้านหนึ่งมีประมาณยี่สิบคน ทุกคนล้วนสวมเสื้อสีดำปกปิดหน้าตา ในมือกระชับดาบเอาไว้แน่น
เหตุใดถึงมีนักฆ่ามาล้อมเขา? หรือองค์หญิงใหญ่จะไหวตัวทันแล้ว?
ในบรรดากลุ่มของเว่ยฉิง มีเพียงเหล่าหู่เท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้เลย เว่ยฉิงเหลือบมองไปที่เขา
“หลบให้ดีล่ะ”
เหล่าหู่พยักหน้า เขาย่อตัวลงเล็กน้อย มองไปที่เว่ยฉิง ชายหนุ่มยังคงสวมหมวกไม้ไผ่ เห็นเสี้ยวหน้าของเขาตึงเครียด ทว่าให้ความรู้สึกสงบ ทำให้เหล่าหู่มีความมั่นใจ
เว่ยฉิงชักดาบออกมา พุ่งเข้าหานักฆ่าทันที งานของนักฆ่าเหล่านี้คือสังหารเว่ยฉิง เว่ยฉิงเป็นคนที่เก่งสุดในหมู่ของพวกเขา บรรดานักฆ่าครึ่งหนึ่งจึงล้อมเว่ยฉิงไว้ แทงดาบไปที่เขาหลายครั้ง หมวกไม้ไผ่ของเขาร่วงลงพื้น เสื้อกันฝนทางมะพร้าวบนร่างกายฉีกขาดจากการโจมตีจนร่วงหล่นลงไปที่พื้น
ดาบในมือของเว่ยฉิงฟันคอของนักฆ่าเข้าเต็มแรง เขาล้มลงกับพื้นรับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่าฟันจากคมดาบของเว่ยฉิง
เว่ยฉิงกระโจนขึ้นไปบนอากาศ ดาบของนักฆ่าฟาดฟันตามเขา เมื่อเว่ยฉิงตกลงมาจากท้องฟ้า เขาแกว่งดาบในมือทำให้นักฆ่าเหล่านั้นรีบกระโจนหนีไป
หลังจากการต่อสู้เว่ยฉิงได้รับบาดเจ็บ แขนและไหล่ของเขามีรอยถูกฟันมีเลือดไหลซึมออกมา โชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง นักฆ่าครึ่งหนึ่งปิดล้อมเว่ยฉิงที่ล้มลงกับพื้น พวกเขาอีกครึ่งพุ่งเข้าโจมตีเว่ยฉิงอย่างพร้อมเพรียง
เว่ยฉิงรู้สึกถึงความอ่อนล้าของร่างกายตนเอง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่
สีหน้าของเว่ยฉิงน่ากลัวมากขึ้น เขาสัมผัสที่ใบหน้าของตน เช็ดเลือดบนใบหน้า การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นเองมีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากป่า พวกเขาใส่ชุดสีดำเหมือนนักฆ่า หากไม่สังเกตให้ดีก็แยกออกจากกันได้ยาก
เหล่าหู่ที่ซ่อนตัวอยู่พุ่มไม้ มีเพียงสองตาของเขาเท่านั้นที่เบิกตากว้างมองดูการต่อสู้ตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เจอเรื่องตื่นเต้นและได้ทำคดีใหญ่โตเช่นนี้!
เขาหวังว่าใต้เท้าอู่จะไม่เป็นอะไร เมื่อมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังต่อสู้อยู่ เขารู้สึกรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นนักฆ่าล้มลงเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่ทันใดที่ีมีชายชุดดำจำนวนมากออกมาจากป่าเพิ่มขึ้น หัวใจของเขาหล่นวูบ
นี่เขากำลังจะตายอยู่ที่นี่แล้วหรือ?
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาถัดมาช่างอยู่เหนือความคาดหมายของเขามากนัก ชายชุดดำที่มาใหม่เข้าร่วมการต่อสู้ทันที กลายเป็นว่าพวกเขาเป็นกำลังเสริมมาช่วยเหลือใต้เท้าอู่!
ร่างผอมบางสูงของคนผู้หนึ่งกระโดดเข้ามายืนที่ข้างหลังของเว่ยฉิง ขวางวิถีของดาบที่ฟาดฟันเข้ามาทางด้านหลังของเขา
เมื่อเว่ยฉิงหันไปก็พบกับดวงตาดอกท้อคู่นั้น แม้อีกฝ่ายจะปิดหน้าแต่เว่ยฉิงจำเขาได้ทันที เขาคือเป่ยเหยียน…
ครั้งนั้นเขาและภรรยาไปที่เหลียงโจวได้พบกับแม่ทัพเป่ย อดีตแม่ทัพของกองทัพสกุลเซียว เมื่อพวกเขากลับมายังเมืองหลวงเป่ยเหยียนก็ติดตามกลับมาด้วย ในตอนที่เว่ยฉิงยังอยู่ในเมืองหลวงเขาได้พบเป่ยเหยียนและพูดคุยด้วยกันสั้นๆ ต่อมาเขาก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีก มีแต่คอยปกป้องเขาอยู่เงียบๆ
ด้วยความช่วยเหลือจากเป่ยเหยียน เว่ยฉิงจึงได้ผ่อนคลายมากขึ้น
“หนีไปก่อนขอรับ ข้าจะสกัดไว้ให้” เป่ยเหยียนตะโกนพูด
เว่ยฉิงขมวดคิ้วไม่พูดอะไร ลูกน้องของเขายังคงต้านนักฆ่าเอาไว้ได้ ดาบเล่มยาวของเขาฟันไปที่แขนของนักฆ่า
“ข้าต้านไว้ได้ ไปเถอะจะได้ไม่เสียเวลา ข้าจะตามไปให้ทัน” เป่ยเหยียนกล่าว
เว่ยฉิงกวาดตามองอย่างรวดเร็ว ฝ่ายของเป่ยเหยียนกำลังได้เปรียบอยู่ แต่คนของเว่ยฉิงบาดเจ็บสาหัสรวมถึงตัวเขาเองด้วยออก เว่ยฉิงตัดสินใจพยักหน้ารับ
“ไป!”
ทันทีที่เขาออกคำสั่งองครักษ์ก็รีบถอยออกมา ขี่ม้าหนีไป เว่ยฉิงลงจากหลังม้ามองดูเหล่าหู่ที่กำลังวิ่งมา ชายหนุ่มยื่นมือไปทางเขา ดึงเหล่าหู่ขึ้นหลังม้าทันที พวกเขาขี่ม้าควบตะบึงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากเดินทางมาสักพักใหญ่ ก็พบกับซากปรักหักพังของวิหารแห่งหนึ่ง เขานำคนเข้าไปด้านใน เว่ยฉิงเสียเลือดมาก ใบหน้าของเขาซีดเซียว
เขาหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อ ใส่ยาที่บาดแผล จากนั้นก็ฉีกผ้าออกมาจากเสื้อผ้าสองสามชิ้นพันแผลเอาไว้ เขาสัมผัสตรงบริเวณอกของตัวเองที่มีเครื่องรางและจดหมายอยู่ โชคดีที่ไม่เสียหาย
ข้างนอกยังมีฝนตกหนักไม่เหมาะกับการเดินทางต่อ เว่ยฉิงจึงสั่งให้ทุกคนหาที่นอนพัก หลังจากที่เร่งเดินทางหลายวันแล้ว พวกเขานอนหลับไปอย่างอ่อนล้า แม้ยามที่ดวงตาจะหลับลงหูของพวกเขาก็ยังคงฟังการเคลื่อนไหวที่ด้านนอก
องครักษ์กระจายตัวไปรอบๆ เพื่อปกป้องเว่ยฉิง ชายหนุ่มอยู่ตรงกลาง เขาไม่ได้รู้สึกง่วงนอน แต่กลับตื่นเต้นมากกว่า เสียงสายฝนโปรยปรายตกลงที่ด้านนอก เว่ยฉิงคิดถึงภรรยาของเขามาก
อีกไม่นานเขาจะถึงเมืองหลวงแล้ว
เมื่อฝนหยุดตกพวกเขาออกเดินทางต่อทันที เหล่าหู่และองครักษ์เงาขี่ม้าไปด้วยกันโดยมีเว่ยฉิงนำอยู่ที่ด้านหน้า เมื่อพวกเขาขี่ไปถึงทางราบ รูม่านตาของเว่ยฉิงก็หดเล็กลงทันที
มีห่าธนูพุ่งตรงมา! เว่ยฉิงรีบหมอบลงกับหลังม้า เขาเกาะหลังม้าเอาไว้แน่น
มีลูกธนูพุ่งเข้ามาอีกระลอกหนึ่ง สีหน้าของเว่ยฉิงเปลี่ยนไป
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะฆ่าเขาให้ตาย!