เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 595 ถังหลี่ถูกใส่ร้าย
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 595 ถังหลี่ถูกใส่ร้าย
บทที่ 595 ถังหลี่ถูกใส่ร้าย
ถังหลี่ยืนนิ่ง มองไปยังผู้ชายชาวฮั่นสองคน พวกเขาพูดจากันสองสามคำ จากนั้นจึงเดินปรี่เข้ามาหาถังหลี่ กลิ่นสุราผสมกับเนื้อแกะส่งกลิ่นชวนน่ารังเกียจออกมา ชายผู้นั้นยื่นมือพยายามจะคว้ามือของถังหลี่ แต่ชั่วพริบตาแขนของเขากลับถูกคว้าเอาไว้แทน ถังหลี่บิดแขนชายผู้นั้น แม้นางจะเป็นสตรีร่างเล็ก แต่ถังหลี่มีพละกำลังมากเป็นพิเศษ
ผู้ชายคนนั้นใช้มืออีกข้างพยายามที่จะลวนลามโดยต้องการจะเอื้อมมือมาแตะใบหน้าของนาง มีหรือถังหลี่จะยอม นางเตะจนเขาถอยหลังไปสองก้าว เขาได้สติขึ้นมาก่นด่าถังหลี่เป็นภาษาบ้านเกิด พุ่งตัวเข้ามาหานางอีกครั้ง นางหลบไปด้านข้าง ชายอีกคนรีบเข้ามา ดักไว้ ทว่าถังหลี่ว่องไวมาก นางหลบถอยฉากไปสองก้าวซ่อนตัวอยู่ในมุม
ในตอนนั้นชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เป็นฉื่อซื่อ เขาขวางกายปกป้องถังหลี่ไว้ข้างหลัง เขาเงยหน้าขึ้นดวงตาฉายประกายเย็นชา ทำให้ใบหน้าดูดุดัน
ไอ้พวกตาไร้แววพวกนี้กล้ามาลวนลามนายหญิงของเขา!
ฉื่อซื่อชกไปที่อีกฝ่ายทันที ในตอนนั้นชายชาวฮั่นโกรธมากเพราะสร้างความอับอายให้กับเขา เขาทั้งสาปแช่งและเหวี่ยงกำปั้นไปทางฉื่อซื่อ แต่ฉื่อซื่อเตะไปที่ท้องของเขาจนล้มลงไปร้องโอดโอย อีกคนเข้ามาแล้วเหวี่ยงหมัดมาทางฉื่อซื่อ เขาเอนตัวไปข้างหลัง สัมผัสได้แต่ลมที่หมัดโดนเหวี่ยงผ่านหน้าไป
ชาวฮั่นตัวสูง แข็งแรงราวกับวัวตัวผู้ แต่ฉื่อซื่อมีทักษะการต่อสู้ที่ดี เขาโจมตีชายสองคนอย่างรุนแรง หลังจากการจู่โจมไม่กี่ครั้งฉื่อซื่อก็สามารถล้มคนทั้งคู่ลงไปนอนโอดโอยที่พื้นได้
ถังหลี่ปรายตามองคนทั้งคู่ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับฉื่อซื่อ
ในตอนเย็นวันนั้นหญิงสาวเล่าเรื่องนี้ให้สามีของตนฟัง เว่ยฉิงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ กล้าดีอย่างไรถึงคิดมารังแกภรรยาเขา! คิดแล้วอยากลุกไปกระทืบสองคนนั่นให้จมดินลงไปเสียเลยท่าจะดี!
“พวกเขาไม่ได้แตะต้องข้า ฉื่อซื่อให้บทเรียนไปแล้ว”
“ต้องเป็นพวกราชทูตซยงหนูแน่! พวกนี้หยิ่งผยองเกินไปแล้ว!” เว่ยฉิงพูดด้วยความโกรธเคือง ในช่วงนี้เขาต้องทนกับพวกราชทูตซยงหนูก็น่ารำคาญพอแล้ว แต่วันนี้พวกมันพุ่งเป้ามาที่ภรรยาผู้เป็นที่รักของเขา!
“สามี ข้าไม่เป็นไรอย่าโกรธเลย” ถังหลี่ยื่นมือไปแตะที่ใบหน้าของเขา นางต้องการปลอบโยนให้โทสะเขาลดลง เขาโน้มศีรษะไปซุกที่คอของนางพร้อมกับถูไถไปมาอย่างออดอ้อน
“เมื่อคนเรามีความมั่นใจมาก เขาย่อมหยิ่งยโสเป็นธรรมดา” ถังหลี่กล่าว
“ฮ่าวตุ้นขอม้าและเสบียงอาหารเป็นจำนวนมาก” เว่ยฉิงกล่าว
“เขาจะเอาม้าให้คนซยงหนูหรือให้ตัวเอง?” ถังหลี่ครุ่นคิด แล้วเว่ยฉิงก็พูด
“ตระกูลทางฝ่ายพระมารดาของฮ่าวตุ้นเป็นคนควบคุมราชสำนัก ตัวเขาก็เป็นที่โปรดปรานของข่าน ทว่าแม่ทัพซยงหนูกลับสนับสนุนองค์ชายแปด ทำให้องค์ชายแปดมีพลังมากกว่า หากองค์ชายรองได้ม้าและเสบียงไป อาจจะทำให้เป็นต่อกว่าองค์ชายแปดได้”
“สามี ท่านคิดว่าฮ่องเต้จะมอบให้เขาตามที่เขาร้องขอหรือไม่? ถังหลี่ถาม
“จ้าวชูกับฮ่าวตุ้นกำลังเจรจาเพื่อยื้อเวลา ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังส่งคนไปที่ต้าฉู่ หากการเจรจาเป็นพันธมิตรของต้าฉู่และต้าฉีล้มเหลว องค์ชายรองจะไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าหากสำเร็จฮ่องเต้อาจจะยอมรับข้อเสนอ”
ถังหลี่ขมวดคิ้วใช้ความคิด หากพวกเขาได้สิ่งที่ขอไปจริงๆล่ะก็ สิ่งนี้จะส่งผลเสียให้กับฝ่ายถังหลี่มาก ฮ่าวตุ้นเป็นคนของจินเซ่อ หากฮ่าวตุ้นได้ขึ้นเป็นข่าน จินเซ่อย่อมมีอำนาจเพิ่มขึ้น คงจะดีถ้าหากนางติดต่อเทียนเต๋าได้ เพื่อจะได้หาวิธีแก้ปัญหาสถานการณ์ในตอนนี้
แต่ในวันรุ่งขึ้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เมื่อเว่ยฉิงและถังหลี่ตื่นบ่าวรับใช้รีบเข้ามารายงานในทันที
“นายท่าน ฮูหยิน มีคนมาจากจวนรุ่ยอ๋องมาขอเชิญให้นายท่านและฮูหยินไปที่จวนรุ่ยอ๋องขอรับ” จ้าวชูอยากให้พวกเขาไปทำไม? เว่ยฉิงและถังหลี่รู้สึกสับสันเล็กน้อย
“ไปเถอะ” ถังหลี่พูด
หลังจากที่ทั้งสองคนแต่งตัวเสร็จแล้ว คนจากจวนรุ่ยอ๋องก็รีบเร่งพวกเขาจนแทบไม่ได้กินอาหารเช้าเสียด้วยซ้ำ เว่ยฉิงและถังหลี่รีบไปยังจวนรุ่ยอ๋อง
หลังจากลงรถม้าแล้วบ่าวรับใช้พาพวกเขาเข้าไปในห้องโถงรับรองทันที ในนั้นมีคนจำนวนหนึ่งนั่งอยู่ ทั้งจ้าวชู ราชทูตจากซยงหนู และผู้คนในคณะราชทูต ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว จ้าวชูมองไปที่ถังหลี่ด้วยอารมณ์ที่ไม่ชัดเจน เขาถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน เว่ยฉิงรีบขยับตัวไปบังถังหลี่เพื่อปิดบังสายตาคู่นั้นทันที
แม้เขาจะบังสายตาของจ้าวชูได้ แต่ไม่สามารถบังสายตาของคนอื่น ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหน้าของราชทูต เขาตัวใหญ่ท่าทางแข็งแรง องอาจ แววตาคมกริบ กวาดสายตามองไปยังถังหลี่อย่างก้าวร้าว ในแววตามีความแค้นเหมือนเป็นศัตรูกันมาช้านาน ถังหลี่ตระหนักได้ว่าชายคนนี้คือฮ่าวตุ้น นางสบตาเข้ากับดวงตาราวหมาป่าของเขาอย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นจึงได้เบนสายตาไปยังที่อื่น
“รุ่ยอ๋องเรียกข้าและฮูหยินมาที่นี่แต่เช้าด้วยเหตุใด?” เว่ยฉิงถาม จ้าวชูถอนหายใจเบาๆ ราวกับว่าเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“มีเรื่องที่ต้องได้รับการยืนยันจากใต้เท้าอู่และฮูหยินอู่” ราชทูตพูดขึ้นอย่างเย็นชา “นำเขาเข้ามา!”
สักพักก็มีคนหามเปลเข้ามามามีผ้าขาวคลุมเอาไว้
ถัดจากเปลหามมีชายผู้หนึ่งยืนอยู่ หน้าตาของเขามีรอยฟกช้ำและจมูกบวมเบ่ง ถังหลี่รู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาด นางรู้สึกสังหรณ์ใจ ทันใดนั้น เขาชี้ไปที่ถังหลี่และพูดจายาวเหยียด ดวงตาของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ หลังจากที่ฟังจบราชทูตมีสีหน้าเย็นชาทันที
“รุ่ยอ๋องตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าฆาตกรคือฮูหยินอู่! คนจากคณะราชทูตของเราโดนคนจากต้าโจวทำร้าย แบบนี้ ท่านจะตัดสินอย่างไร!” ราชทูตพูดด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดถังหลี่ก็เข้าใจ ชายสองคนนี้เป็นคนที่มาตอแยนางจนโดนฉื่อซื่อกำจัดไป เมื่อหนึ่งในนั้นเสียชีวิต จึงคิดว่าถังหลี่เป็นคนฆ่า การที่พวกเขาถูกเรียกตัวมาที่นี่ก็เพื่อให้ขอขมา ถังหลี่คิดถึงตอนที่สองคนนั้นลงไปนอนดิ้นบนพื้นด้วยความเจ็บปวดได้ แต่ตอนนี้กลายเป็นศพไปแล้วคนหนึ่ง…
หญิงสาวเม้มปากจิตใจของนางปั่นป่วนมากทันที เมื่อวานนี้นางคิดเพียงว่าชาวฮั่นพวกนี้หยิ่งผยองจนมาทำรุ่มร่ามกับสตรีในต้าโจว! แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขากำลังพุ่งเป้ามาที่นาง โดยที่เมื่อวานชายสองคนล้วนยั่วยุให้นางเคลื่อนไหว นั่นคือจุดประสงค์หลักของพวกเขา!
ฮ่องเต้ต้องการเอาใจเผ่าซยงหนูให้มีทัศนคติที่ดีกับต้าโจว
นอกจากเรื่องเสบียงและม้าที่ถูกร้องขอ ทุกอย่างย่อมถูกประเคนให้ในทันที
การที่คนในคณะราชทูตถูกทำร้ายจนตาย แน่นอนว่าฮ่องเต้จะต้องทรงลงโทษด้วยกฎหมายโทษสูงสุดเพื่อรักษามิตรภาพให้คงไว้ ถังหลี่สัมผัสได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรจากฮ่าวตุ้น นางคิดว่าเรื่องนี้คงเป็นจากฝีมือของเขาแน่นอน เขากำลังใส่ร้ายนางจริงๆ!
ฮ่าวตุ้นทำแบบนี้ได้อย่างไร? หรือเพราะจินเซ่อยุยงให้แก้แค้นแทนนาง? ถังหลี่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ท่านราชทูตอย่ากังวลเลย อาจจะมีการเข้าใจผิดบางอย่าง” จ้าวชูกล่าว
“คนก็ตายไปแล้วจะเข้าใจผิดอะไรอีก!!” จ้วนมู่พูดขึ้นด้วยความโกรธ
“ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต! รุ่ยอ๋องหากท่านตัดสินไม่ได้ ข้าจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้แห่งต้าโจว!” เมื่อจ้วนมู่พูดจบเขาทำท่าจะออกไปทันทีแต่โดนจ้าวชูสกัดเอาไว้ก่อน
“ท่านราชทูตจ้วนมู่ ฮูหยินอู่อาจจะไม่ได้ตั้งใจนางจะไม่ชดใช้ด้วยชีวิตอย่างแน่นอน” ชายซยงหนูที่หน้าบวมช้ำพูดขึ้นด้วยความโกรธอีกครั้ง
“คนของข้าบอกว่าฮูหยินอู่ตั้งใจ แล้วยังจะต้องอธิบายอะไรอีก!”
“ท่านราชทูต ข้าจะหารือกับฝ่าบาทอีกครั้งข้าจะให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ท่านอย่างแน่นอน”
ใบหน้าของราชทูตจ้วนมู่บิดเบี้ยว เขามองจ้าวชูด้วยความโกรธ จากนั้นจึงได้กระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“บิดาของฮูหยินอู่เป็นแม่ทัพใหญ่ของต้าโจว โทษเช่นนี้อาจจะหนักหนาเกินไป เปลี่ยนวิธีอื่นจะดีกว่าไหม?”
“เพราะเป็นบุตรสาวแม่ทัพใหญ่จึงมีอภิสิทธิ์หรือ? ทหารของพวกเราไม่มีค่าหรืออย่างไร!”
“ท่านราชทูต ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น โปรดสงบอารมณ์ลงก่อนเถิด” จ้าวชูพูดอย่างสุภาพ หากไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาก่อน ย่อมคิดว่าจ้าวชูให้เกียรติพวกเขามาก แต่ถังหลี่รู้ความจริง นางเห็นว่าการกระทำของพวกเขาช่างไร้สาระสิ้นดี ถังหลี่ขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขาด้วยเสียงดัง
“องค์ชายสาม รุ่ยอ๋อง เหตุใดพวกท่านจึงเชื่อว่าข้าได้ฆ่าชายคนนั้น เมื่อวานนี้คนในคณะราชทูตทั้งสองคนเมามาย พวกเขารุ่มร่ามใส่ข้า องครักษ์ของข้าจึงได้เข้ามาปกป้อง แต่ทั้งคู่ก็ยังมีชีวิตอยู่ การที่ท่านฟังความข้างเดียวเช่นนี้จะไม่ลำเอียงไปหน่อยหรือ?”
“อาจจะเป็นเขากระทำเองก็เป็นได้” ถังหลี่ชี้ไปที่ชายหน้าฟกช้ำ
“ตัวข้ามีความแค้นกับเขา เขาอาจจะฉวยโอกาสนี้ใส่ร้ายข้าก็เป็นได้” ถังหลี่กล่าวต่อ
“ราชทูตคนนี้อาจจะทำตัวเองจนตายก็ได้”
“ตามกฎหมายของต้าโจวแล้ว ฆาตกรจะถูกตัดสินโดยการตรวจสอบสาเหตุการตาย พวกท่านสามารถขอให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบการเสียชีวิตได้” เว่ยฉิงเสริม
“ใช่แล้ว ให้อู่จั้วมาตรวจสอบสาเหตุการตายเถอะ หากมันเกี่ยวข้องกับข้าจริง ข้ายินดีรับโทษตามกฎหมายของต้าโจว แต่ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าก็อย่ามาได้มายุ่งกัน”
“อู่จั้ว?” ราชทูตมู่มองไปที่จ้าวชูด้วยความสงสัย
“เป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรการตายของศพ โดยการตรวจและผ่าศพหากจำเป็น” จ้าวชูอธิบาย
จ้วนมู่จ้องไปที่ถังหลี่ด้วยความโกรธ
“เจ้าฆ่านักรบของซยงหนูและยังจะทำลายศพเขาอีก! ข้าไม่อนุญาต! ไม่สิ! ข้าจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้โจวทันที!”
จ้วนมู่จากไปด้วยความโกรธ ครั้งนี้จ้าวชูรั้งเขาไว้ไม่ได้ หลังจากที่เขาออกไปก็รีบไปยังวังหลวงในทันที
จ้าวชูถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ฮ่องเต้และราชทูตเจรจากันเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่เมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบถึงการเจรจาของสองแคว้น ฮูหยินอู่ไม่ควรต่อต้าน ท่านควรคิดให้ดี ว่าจะกราบทูลฝ่าบาทอย่างไร” คำพูดของจ้าวชู ผลักภาระใหญ่มาให้ถังหลี่
เว่ยฉิงอยากเห็นศพชาวฮั่นผู้นั้นแต่ถูกจ้าวชูห้ามไว้
เมื่อเห็นจ้าวชูมอง ศพก็ถูกยกออกไปทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้ถังหลี่เห็นศพ เขาหมายหัวไว้แล้วว่าถังหลี่คือฆาตกร!
เว่ยฉิงมองจ้าวชูด้วยความโกรธ เขาพยายามผลักคนที่ขวางเขาออกไป แต่ถังหลี่จับมือสามีไว้ นางส่ายหน้า การเคลื่อนไหวของจ้าวชูทำให้สามีของนางโกรธมาก หากเขาหุนหันพลันแล่นขึ้นมา จะถูกตั้งข้อหาขโมยศพและทำลายหลักฐานทันที นั่นเป็นเป้าหมายของจ้าวชู
“สามี เราเข้าไปในราชวัง ทูลถวายความจริงให้ฝ่าบาททรงทราบเถอะ” ถังหลี่เอ่ยขึ้น
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เขาจับมือถังหลี่เดินไปที่ประตูจวนรุ่ยอ๋อง เมื่อหันไปมองด้านหลังจะเห็นจ้าวชูส่งยิ้มบางๆให้