เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 620 การขอความช่วยเหลือของเหยียนเสี่ยวต้วน
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 620 การขอความช่วยเหลือของเหยียนเสี่ยวต้วน
บทที่ 620 การขอความช่วยเหลือของเหยียนเสี่ยวต้วน
ตอนที่ถังหลี่ซื้อตัวเหยียนเสี่ยวต้วนมาเขามีอายุเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น นางเห็นเขาตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถึงเหยียนเสี่ยวต้วนจะดูโตเป็นหนุ่มขึ้นแต่ในความเป็นจริงแล้วเขายังเด็กอยู่มาก คล้ายกับเด็กที่ไม่รู้จักโต ถังหลี่ชอบเด็กคนนี้มาก เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีดวงตากลมโตเปี่ยมไปด้วยพลัง
ใครเล่าจะไม่ชอบความสดใส?
แม้เขาจะถูกซื้อตัวมาเป็นบ่าวรับใช้ แต่ถังหลี่ไม่เคยมองเขาเป็นบ่าวเลย เหยียนเสี่ยวต้วนทำตัวประหนึ่งเป็นคุณชายสกุลโหว ถังหลี่ยังจำได้ดีว่าในวันที่เหยียนเสี่ยวต้วนจากไป เป็นวันที่แดดจ้าสดใส เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนหลังม้าเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ทว่าท่าทีของเขาในตอนนี้ช่างน่าหดหู่และหม่นหมอง เมื่อคิดว่าเขาคงจะทรมานมาก ถังหลี่จึงไม่สบายใจ
“ผู้อาวุโสถัง บิดาของข้าป่วยหนักมาก ข้าช่วยเขาไม่ได้เลย”
“ข้านึกถึงแต่ท่านเท่านั้น ท่านเป็นฟางเส้นสุดท้ายของข้า ข้าเสียใจ” ในขณะที่เขาพูดเสียงท้องของเขาก็ร้องดังขึ้นมา
“เข้ามาก่อนเถอะ” ถังหลี่กล่าว
นางพาเหยียนเสี่ยวต้วนเข้ามาในห้องรับรองพร้อมกับให้บ่าวรับใช้ไปนำขนมและน้ำชามาให้เขา
“กินอะไรก่อนสิ” ถังหลี่กล่าว
เหยียนเสี่ยวต้วนหิวมาก เขารีบหยิบขนมยัดใส่ปาก ใบหน้าที่ซูบผอมของเขาปูดโปนจนแก้มโย้ไปมา ถังหลี่รินน้ำชายื่นส่งให้เขา
“ค่อยๆ ดื่ม ระวังสำลัก”
เหยียนเสี่ยวต้วนรีบรับน้ำชามาดื่ม ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นแล้ว
“ข้าไม่ได้พกเงินมา ตอนที่ข้าออกเดินทาง ข้าเพียงแต่พกอาหารมาเท่านั้น ตัวข้าไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว” เขากล่าว
หลังจากที่เขากินไปจนอิ่มท่าทีของเขาก็ดีขึ้น แต่แทนที่เขาจะคุยดีๆ บนเก้าอี้ เหยียนเสี่ยวต้วนกลับลงไปนั่งที่พื้นพาดแขนไว้ที่เก้าอี้ข้างหนึ่ง
“ผู้อาวุโสถัง ในตอนที่ข้ากลับไปบ้าน ข้าเพิ่งรู้ว่าบิดาของข้าป่วยมาหลายปีแล้ว เขาพยายามหาหมอมาทุกที่เพื่อรักษาแต่ข้ากลับโกรธเขาจนไม่ยอมกลับบ้าน ข้ามันอกตัญญูจริงๆ”
ในตอนที่พูดดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ เขานึกถึงบิดาที่เขาเจอครั้งล่าสุด ท่านพ่อที่เคยดูองอาจในอดีตกลับมีผมหงอกทั้งหัว ดูอ่อนแอมาก แต่อย่างไรก็ตามในโลกใบนี้ไม่มีเรื่องที่ไม่ร้ายแรง มีแต่เพียงร้ายแรงยิ่งกว่า…
ตอนนี้อาการของบิดาเขาทรงตัว ท่านหมอบอกว่าท่านพ่อของเขาจะอยู่ได้อีกแค่ห้าปีเท่านั้น…
“หลังจากที่ข้ากลับไป..เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวข้าเอง … จู่ๆ อาการป่วยของท่านพ่อก็ทรุดลง หมอหลายคนกล่าวว่าเขารักษาไม่ได้แล้ว ทำให้ข้าคิดถึงหมอซู หมอซูเก่งมากอาจจะมีทางรักษาก็ได้” เหยียนเสี่ยวต้วนสูดจมูก
“ผู้อาวุโสถังช่วยข้าด้วย”
ถังหลี่ย่อตัวลงตรงหน้าเขา เหยียนเสี่ยวต้วนเหมือนน้องชายของนาง หญิงสาวเอื้อมมือไปลูบศีรษะที่สกปรกของเขาอย่างไม่รังเกียจ เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้จากการปลอบโยนโดยไร้คำพูดเช่นนี้
“ได้สิ”
ถังหลี่นึกถึงเรื่องเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา สามีของนางกล่าวว่าผู้นำสกุลเหยียนป่วยหนักจนไม่มีเวลาบริหารดูแลสกุลของตน ทำให้เหยียนโจวหนีเข้ามาในเมืองหลวงได้ บิดาของเหยียนเสี่ยวต้วนป่วย…นามสกุลของพวกเขาช่างบังเอิญเหมือนกัน…
“สกุลเหยียนที่เชี่ยวชาญเรื่องดินปืนมีความเกี่ยวข้องกับสกุลของเจ้าหรือไม่?” ถังหลี่ถาม เขาตอบกลับว่าบราวนี่ออนไลน์
“ครอบครัวของข้าคือสกุลเหยียน บิดาข้าคือเป็นประมุขสกุลเหยียน”
แม้ว่านางจะคาดเดาไว้แล้วก็ตาม แต่กระนั้นก็ยังอดรู้สึกตกใจไม่ได้เมื่อได้ยินคำตอบของเขา
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินทาสรับใช้ที่นางถูกซื้อตัวมาอย่างไม่ตั้งใจนั้น แท้จริงแล้วคือนายน้อยสกุลเหยียน ถังหลี่ย้ำกับตัวเองว่า ปลาหลี่ให้โชคกับนางจริงๆ
คงจะมีเพียงสกุลใหญ่อย่างสกุลเหยียนเท่านั้นที่จะสามารถเลี้ยงดูนายน้อยอย่างเหยียนเสี่ยวต้วนได้..
“เหยียนโจวเป็นพี่ชายบุญธรรมของเจ้าหรือ?” ถังหลี่ถาม เขาพยักหน้า
“ใครๆ ต่างบอกว่าเขาสุภาพ ถ่อมตัวและกตัญญูมากกว่าบุตรแท้ๆ เช่นข้า ..แต่ข้าไม่ชอบเขาเลย” เวลาบิดาของเขาอยู่ เหยียนโจวจะใจดีกับเขามาก เป็นพี่ชายที่แสนดี แต่เมื่อบิดาไม่อยู่ คนผู้นั้นจะมองเหยียนเสี่ยวต้วนด้วยสายตารังเกียจ เขาจึงรู้ว่าคนผู้นี้เป็นพวกหน้าซื่อใจคด
“เหล่าถังรู้เรื่องเหยียนโจวได้อย่างไรหรือ?” เขาถาม
“เขาอยู่ในเมืองหลวง กำลังพัฒนาอาวุธปืนให้กับกองผลิตอาวุธ” ถังหลี่กล่าว
“เขากล้าดีอย่างไร!” ดวงตาของเหยียนเสี่ยวต้วนเบิกกว้าง ก่อนที่ไหล่จะลู่ลง
“คงเป็นเพราะบิดาของข้าป่วย ผู้คนจึงได้ละเลยเขา”
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเหยียนเสี่ยวต้วนไร้ประโยชน์ เขาควรรับผิดชอบภาระของสกุลเหยียน
“เรื่องของเขาค่อยคุยกันวันหลัง บ้านของเจ้าห่างจากเมืองหลวงเพียงใดหรือ?”
“หากเดินทางเร็วก็ราวๆ ห้าหกวัน”
“เจ้าไปนอนพักผ่อนก่อน ข้าจะไปหาหมอซูแล้วค่อยออกเดินทางในตอนเช้า” เหยียนเสี่ยวตวนพยายามลุกขึ้น
“ผู้อาวุโสถัง ข้าไม่เหนื่อยแล้วเราออกเดินทางกันคืนนี้เลยได้หรือไม่?” เขาเป็นห่วงบิดามาก กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากกลับไปช้าเพียงวันเดียว
ถังหลี่มองดูความอ่อนล้าบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม ไม่รู้ว่าเขาได้นอนหรือไม่ ? ก่อนได้ช่วยบิดาได้ เขาคงเสียชีวิตก่อนเป็นแน่
“ไปนอนก่อนเถอะ ต่อให้เจ้าต้องการเดินทางให้เร็วก็ต้องเตรียมตัว คนตัดต้นไม้อย่างไรเสียก็ต้องลับมีด” ถังหลี่กล่าว เหยียนเสี่ยวต้วนจึงได้แต่พยักหน้ารับ
นางขอให้บ่าวรับใช้เตรียมน้ำให้เขาอาบ ระหว่างนั้นสวี่เจวี๋ย เว่ยจื่ออั๋งและเว่ยฉิงยังคงทำงานอยู่ เมื่อทั้งสองคนได้ยินว่าเหยียนเสี่ยวต้วนกลับมา พวกเขาก็ทั้งประหลาดใจและยินดี สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งรีบมาหาเขาทันที
“เขาเหนื่อยมากปล่อยให้เขานอนไปก่อนเถอะ”
ถังหลี่พูดกับบุตรชายทั้งสอง พวกเขาเชื่อฟังเดินจากไปอย่างว่างาย จากนั้นถังหลี่จึงคุยเรื่องนี้กับสามีว่า เหยียนเสี่ยวต้วนมาหาเพื่อให้ช่วยรักษาบิดาที่ป่วย บิดาของเขาคือประมุขของสกุลเหยียน เว่ยฉิงประหลาดใจมากเมื่อได้ยิน แต่ในเมื่อภรรยาของเขานั้นคือปลาหลี่นำโชคอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
“ไปหาหมอซูกันเถอะ”
เมื่อพวกเขาอธิบายเรื่องนี้ให้หมอซูฟัง เขาเต็มใจช่วยทันที
….
เหยียนโจวได้รับจดหมายจากสกุลเหยียน พูดถึงเหยียนเสี่ยวต้วนที่หนีออกจากห้องคุมขังมาที่เมืองหลวง เหยียนโจวดูถูกเสี่ยวต้วนมาก เขาคิดว่าเหยียนเสี่ยวต้วนโง่เขลาไม่รู้เรื่องอะไรแค่มีสายเลือดของผู้นำตระกูลไหลเวียนอยู่ในกายเท่านั้น สุดท้ายผู้นำสกุลเหยียนก็จะถูกส่งต่อให้เขา รวมถึงกุญแจห้องลับสกุลเหยียนอีกด้วย
ทั้งร่างพิมพ์ของอาวุธปืนและสูตรดินปืนต่างๆถูกซ่อนอยู่ในห้องนั้นทั้งหมด กล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอีกทั้งกฎของตระกูลได้กำหนดเอาไว้ว่ายามใดที่โลกสงบสุขพวกเขาจะไม่แตะต้องมัน หากวันใดที่แผ่นดินลุกเป็นไฟพวกเขาจึงจะนำออกมาช่วยเหลือ
ตอนนี้แคว้นทั้งสามอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกันเรียกได้ว่าทั้งสงบสุขและรุ่งเรือง มีแต่พวกโง่เขลาหัวโบราณในสกุลเหยียนเท่านั้นที่จะยึดถือกฎเหล่านี้แล้วทิ้งชื่อเสียงและความมั่งคั่งไป แต่เหยียนโจวไม่เห็นด้วย เขาพยายามอย่างมากที่จะได้รู้ถึงแบบร่างของอาวุธปืนหลายกระบอก เขาใช้ประโยชน์จากการป่วยของผู้นำตระกูลหนีออกมายังเมืองหลวง แล้วตอนนี้เหยียนเสี่ยวต้วนจะมาทำอะไรที่เมืองหลวง?
ในเมื่อตอนนี้เหยียนเสี่ยวต้วนยังอยู่ที่เมืองหลวงก็ดีแล้ว เขาจะให้คนผู้นั้นได้ลิ้มลองปืนของเขา แววตาของเหยียนโจวฉายแววดุร้ายขึ้นมา
…..
ตอนแรกถังหลี่คิดว่าจะให้หมอซูและเหยียนเสี่ยวต้วนกลับไปแค่สองคน แต่เมื่อนางนอนหลับฝันถังหลี่ก็พบว่าการเดินทางเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น หลังจากที่นางตื่นและมองไปยังท้องฟ้าด้านนอกที่สว่างแล้วคิดถึงท่าทางที่น่าสมเพชของเหยียนเสี่ยวต้วน ประกอบกับความปลอดภัยของหมอซู นางจึงตัดสินใจได้ นางอยากเดินทางไปกับหมอซูและเหยียนเสี่ยวต้วนด้วย
เมื่อเว่ยฉิงได้ยินการตัดสินใจของภรรยาเขากอดนางจากด้านหลัง
“ฮูหยิน ข้าจะไปกับเจ้า” ถังหลี่หันไปมองสามีด้วยรอยยิ้ม
“จะไปกับข้าได้อย่างไร แล้วงานที่กรมอาญาเล่า?”
“ข้าจะขอลาหยุด” เว่ยฉิงไม่แยแสสำหรับเขาแล้วภรรยาต้องมาก่อน
“สามี ไม่เป็นไรหรอก ต้องมีคนเป็นเสาหลักอยู่ที่บ้านสักคนน่ะ” ถังหลี่ลูบใบหน้าของเขา เว่ยฉิงรับคำในลำคออย่างไม่พอใจ
“เรามีลูกเล็กสองคน เมื่อแม่ไม่อยู่พ่อควรจะเป็นคนดูแล” เมื่อนึกถึงเด็กๆ แล้วเว่ยฉิงพยักหน้าทันที
ถังหลี่จัดข้าวของ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีก็เป็นเวลารุ่งสางแล้ว นางเดินไปยังห้องข้างๆ ดูเด็กน้อยทั้งสองคนที่นอนอยู่ที่เตียงนอนเล็กๆ ทั้งคู่กำลังหลับสนิท ถังเป่านอนกางแขนขาในขณะที่มู่เป่านอนขดตัวราวกับลูกบอล พวกเขามีใบหน้าที่ขาวนวลและขนตายาวเป็นแพ น่ารักน่าชังมาก นางจูบเด็กน้อยทั้งสองมองพวกเขาเงียบๆ
เด็กดี..แม่จะไม่อยู่นะ ไม่นานแม่จะกลับมา…
ถังหลี่รู้สึกลังเลใจแต่นางก็กัดฟันลุกขึ้นหันหลังจากไป เมื่อเดินมาที่ห้องนางเจอกับเหยียนเสี่ยวต้วน ซึ่งหลังจากที่ได้อาบน้ำพักผ่อนแล้วก็ดูสะอาดสะอ้านขึ้นมาก เหลือเพียงรอยช้ำที่ขอบตากับใบหน้าที่ดูเศร้าหมองเท่านั้น เมื่อถังหลี่บอกว่าจะไปกับเขา ดวงตาของเสี่ยวต้วนแดงก่ำทันที
“ผู้อาวุโสถัง..ขอบคุณมาก”
ในตอนที่พ่อเขาตกอยู่ในอาการไร้สติ ตอนนั้นเหยียนเสี่ยวต้วนรู้สึกหมดหวัง เขากลัวว่าบิดาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก ชั่วขณะนั้นเขาคิดถึงเหล่าถัง นางคือฟางเส้นสุดท้ายของเขา เขาจึงแอบหนีออกมาจากบ้านเดินทางอย่างไม่หยุดพักจนในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวง ได้พบกับเหล่าถัง นางตกลงจะช่วยเขาโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ตอนนี้ยังตัดสินใจที่จะไปกับเขาอีก
ว่ากันว่าคนที่ช่วยเหลือเราในยามคับขันนั่นแหละคือมิตรแท้ โชคดีจริงๆ ที่เขาได้พบกับเหล่าถัง
“เหล่าถัง ข้าจะจดจำบุญคุณของท่านต่อให้ข้าต้องบุกน้ำลุยไฟ..”
ถังหลี่หัวเราะเบาๆ นางพูดติดตลกว่า “เพียงแค่เจ้ากินให้น้อยและติดหนี้ข้าให้น้อยลงก็ถือว่าตอบแทนข้าแล้ว”
ใบหน้าของเหยียนเสี่ยวต้วนเปลี่ยนสีทันที ก่อนหน้านี้พฤติกรรมของเขาช่างจองหองมาก ต้องขอบคุณที่เป็นถังหลี่หากเป็นคนอื่นล่ะก็คงได้ไล่เขาออกไปจากบ้านแล้ว
“ไปกันเถอะ” ถังหลี่กล่าว
ที่ด้านนอกของจวนอู่โหวมีรถม้าจอดอยู่ หมอซูนั่งรออยู่ด้านใน เว่ยฉิงเฝ้ามองรถม้าแล่นออกไป เมื่อเขาหันกลับมา ชายหนุ่มเรียกเป่ยเหยียนทันที เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาวรูปร่างผอมเพรียว เมื่อไร้หน้ากากจึงได้เห็นว่าเขามีใบหน้าที่หล่อเหลา ตอนนี้รอบตัวของเว่ยฉิงมีคนอยู่สองกลุ่มก็คือองครักษ์เงากับเป่ยเหยียน เขาเป็นบุตรบุญธรรมของแม่ทัพเป่ย เพราะความเป็นห่วงเว่ยฉิงจึงให้บุตรชายบุญธรรมติดตามคอยดูแล
สกุลเหยียนเป็นตระกูลลึกลับที่ยากเกินกว่าจะตรวจสอบได้ หลังจากสืบถึงสามเดือนเว่ยฉิงถึงรู้ว่าเหยียนโจวเป็นแค่บุตรบุญธรรมของประมุขเหยียนเท่านั้น ตอนนี้ประมุขเหยียนป่วยหนัก นอกจากฝีมือที่เก่งกาจ เป่ยเหยียนยังฉลาดแกมโกงอีกทั้งเจ้าเล่ห์ เขาจึงมีประโยชน์ในการติดตามถังหลี่ในครั้งนี้มากกว่าองครักษ์เงา
“ช่วยปกป้องภรรยาข้าด้วย” เว่ยฉิงพูด
“ข้าอยู่ในเมืองหลวงไม่มีอันตราย แต่ที่สกุลเหยียนทั้งซับซ้อนและอันตรายกว่ามาก”
เป่ยเหยียนฟังเว่ยฉิงพูด เขารับคำสั่งแล้วจากไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อเห็นว่าเป่ยเหยียนตามภรรยาของตนไปแล้วเว่ยฉิงค่อยรู้สึกโล่งอก เขาหวังว่านางจะกลับมาในไม่ช้านี้