เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 628 เหยียนเฟยฉวงโดนจัดการ
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 628 เหยียนเฟยฉวงโดนจัดการ
บทที่ 628 เหยียนเฟยฉวงโดนจัดการ
ประมุขเหยียนฟื้นแล้ว แต่สภาพร่างกายยังคงอ่อนแออยู่มาก เขาไม่ได้เคลื่อนไหวต่อ จึงไม่รู้ว่าเขาหลับหรือหมดสติไปอีกครั้ง
หมอซูเข้ามาจับชีพจรของประมุขเหยียน
“ร่างกายของเขาฟื้นตัวแล้ว ไม่ช้าก็จะฟื้นได้สตินานขึ้น”
ฮูหยินเหยียนตื่นเต้นมาก นางไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่? นางแอบหยิกตัวเองอย่างแรงเพื่อพิสูจน์ แม้จะเจ็บก็ไม่กล้าร้องออกมา เพราะสามีกำลังหลับพักผ่อนอยู่ นางไม่อยากเสียงดังรบกวนเขา
หลังจากนั้น สองวันต่อมา ประมุขเหยียนถึงได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง เขามองไปที่ภรรยาและเอ่ยปากพูดออกมา ทว่าจับใจความไม่ได้ ฮูหยินเหยียนจึงได้ก้มลงไปฟังใกล้ๆ
“ข้ารักษาคำพูดนะ” เขาว่า
ดวงตาของฮูหยินเหยียนเปลี่ยนเป็นสีแดง มือของนายท่านเหยียนเหยียดออกไป นางคว้ามือของเขาจับมาแนบที่ใบหน้าของตนเอง
หลังจากนั้นอีกสองวันอาการของประมุขเหยียนก็ดีขึ้นอีก เขาสวมเสื้อคลุมดูสุขุมมีสง่า สามีของนางฟื้นขึ้นมาได้สองสามวันแล้ว แต่ฮูหยินเหยียนก็ยังรู้สึกราวกับตัวเองกำลังฝันไป หัวใจของนางพองโตไปด้วยความสุขที่เอ่อล้น เมฆหมอกที่หนักอึ้งในหัวใจจางหายไป ฮูหยินเหยียนแนะนำหมอซูและถังหลี่ให้สามีได้รู้จัก
“ท่านพี่… ท่านไม่ได้เป็นโรคร้าย แต่มีหนอนกู่อยู่ในร่างกายของท่าน หมอซูช่วยขจัดหนอนกู่ออกจากร่างกายให้ท่าน สองคนผู้นี้เป็นสหายของเสี่ยวต้วน ลูกชายเราพาพวกเขามาเพื่อช่วยรักษาท่าน”
โรคประหลาดที่หมอเทวดาหลายคนไม่อาจหาต้นตอได้ แต่คนผู้นี้กลับรู้สาเหตุ ไม่น่าเชื่อเลยว่า มีหมอที่เก่งกาจเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่จริงๆ
ประมุขเหยียนเอ่ยขอบคุณหมอซูและถังหลี่ เขาประหลาดใจที่บุตรชายได้รู้จักผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้ เขาคุยกับหมอซูและถังหลี่ครู่หนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ของสกุลเหยียน เขาโกรธมากที่เหยียนเฟยฉวงเข้ายึดอำนาจภายในสกุลเหยียนทั้งหมด อีกทั้งเหยียนโจวที่กำลังแอบสร้างอาวุธปืนให้แคว้นโจวด้วย
“ท่านพี่ สุขภาพของท่านสำคัญมากที่สุด หากท่านแข็งแรงมากขึ้นกว่านี้ พวกเราค่อยจัดการเรื่องสกุลเหยียนเถอะ” ฮูหยินเหยียนรีบพูด
สุขภาพของนายท่านเหยียนย่ำแย่มาก เขาอาจจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ หากถึงตอนนั้นเหยียนเฟยฉวงจะฉวยโอกาสตรงนี้ได้ นางอยากให้สามีของนางมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นกว่านี้
แต่เหยียนเฟยฉวงกลับไม่รั้งรออีกต่อไป
เหยียนเฟยฉวงพยายามจะเอาเหยี่ยนเสี่ยวต้วนมาข่มขู่นาง แต่กลับถูกเหยียนอู่เยว่ขัดขวางไว้ นางอยากใช้วิธีตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นเฝ้าดูอยู่เบื้องหลัง แต่กลับไม่ได้รับข่าวดี เหยียนเฟยฉวงจึงเริ่มใช้วิธีที่รุนแรงยิ่งขึ้น นางบอกฮูหยินเหยียนเรื่องการทรมานเหยียนเสี่ยวต้วน เพื่อให้ฮูหยินส่งมอบกุญแจให้ตน แต่หากฮูหยินเหยียนไม่มี นางจะฆ่าเหยียนเสี่ยวต้วนทิ้งเสีย! หลังจากจัดการกับเจ้าตัวหายนะผู้นี้แล้ว นางจะพลิกสกุลเหยียนเพื่อหากุญแจ สุดท้ายหากหาไม่เจอ นางจะไปสกุลโม่เพื่อดูว่าเขาจะปลดกลไกของห้องลับได้หรือไม่
เหยียนเสี่ยวต้วนถูกพาไปที่ห้องทรมาน
“เหยียนเสี่ยวต้วน เจ้าวางยาท่านประมุข สมรู้ร่วมคิดกับคนภายนอกเพื่อทำร้ายสกุลเหยียนใช่หรือไม่?” เหยียนเฟยฉวงตั้งข้อหา
ภายในห้องลงทัณฑ์ที่มืดสลัว โดยรอบมีเครื่องทรมานวางอยู่มากมาย ทำให้เหยียนเสี่ยวต้วนรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ถึงเขาจะหวาดกลัวเพียงใดก็ตาม เหยียนเสี่ยวต้วนจะไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้กระทำอย่างเด็ดขาด
“ข้าไม่ได้วางยาพิษท่านประมุข ข้าไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับคนนอก คนนอกที่ท่านหมายถึงคือหมอที่ข้าเรียกมารักษาบิดาของข้า” เหยียนเสี่ยวต้วนปฏิเสธ
“หลักฐานมัดตัวว่าเจ้าเป็นคนวางยาท่านประมุข หลังจากที่เขาดื่มยาที่เจ้านำมาให้ เขาก็หมดสติไป เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ? เจ้าคิดว่าตนเองเป็นบุตรชายของเขาแล้วคิดว่าจะพ้นผิดไปได้หรืออย่างไร?” เหยียนเฟยฉวงพูดอย่างแข็งกร้าว
“ไม่ว่าใครก็ตามหากประพฤติตัวเป็นอันตรายต่อสกุลเหยียนแล้ว ข้าจะไม่มีวันปล่อยไปเป็นอันขาด”
“ข้าจะลงโทษเจ้า”
การลงโทษของเหยี่ยนเฟยฉวงนั้นไม่ใช่การลงโทษแบบทั่วไป แต่เป็นการใช้พิษร้าย พิษนั้นไม่อาจทำให้ตายได้ในทันที แต่ผู้ที่ได้รับจะเจ็บปวดและทรมานเป็นอย่างมาก หลังจากนางพูดจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เหยียนเฟยฉวง เจ้านั่นแหละคือภัยคุกคามของสกุลเหยียน” น้ำเสียงที่เย็นชาแต่ไม่ดังนัก ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องพากันตกตะลึง ใบหน้าของเหยียนเฟยฉวงเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
ประมุขเหยียนเป็นคนระมัดระวังและคุ้นเคยกับพิษทุกชนิดเป็นอย่างดี การวางยาเขาเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก นางใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหาหนอนกู่มา หลังจากที่เขาได้รับหนอนกู่เข้าไปในร่างกายแล้ว ก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟื้นขึ้นมา
เหยียนเสี่ยวต้วนมองด้วยความประหลาดใจ ท่านพ่อฟื้นแล้ว?
ทุกคนพากันมองไปที่ประตู เห็นว่าประมุขเหยียนดูผอม แก้มตอบ ท่าทางยังคงอ่อนเพลีย เหมือนคนทั่วไปที่เพิ่งหายป่วย แต่เขายังคงไว้ซึ่งความสง่างามสมกับตำแหน่งประมุขของสกุลเหยียน
นายท่านเหยียนฟื้นแล้ว
เหยียนเสี่ยวต้วนรีบวิ่งไปหาบิดา
“ท่านพ่อ”
ประมุขเหยียนเอียงกายหลบวูบ ทำให้เหยียนเสี่ยวต้วนเสียเหลักจนหน้าเกือบคะมำ
“บิดาของเจ้าเพิ่งฟื้น จะทนแรงกระแทกของเจ้าได้อย่างไร” ฮูหยินเหยียนตำหนิบุตรชาย เด็กหนุ่มเกาศีรษะของตัวเองแก้เก้อ
โตขึ้นแล้วแต่ยังโง่เขลาไม่หาย
เหยียนเสี่ยวต้วนมองไปด้านหลังของบิดา เห็นเหล่าถังและหมอซู เขาเข้าใจได้ทันทีว่าทั้งสองช่วยท่านพ่อของเขาเอาไว้ เหยียนเสี่ยวต้วนอยากโค้งศีรษะให้พวกเขาสักหลายสิบครั้ง เขามีเรื่องอยากซักถามมากมาย แต่อดใจเอาไว้เพราะนี่ไม่ใช่เวลาที่ดีในการพูดคุย บิดาของเขามีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ เขาตามหลังบิดาไม่ห่าง
ประมุขเหยียนเดินไปหาเหยียนเฟยฉวง นางจึงได้หายตกตะลึง ใบหน้าของนางเปลี่ยนสี
“ท่านประมุขเหยียน ช่างดีเหลือเกินที่ท่านฟื้นขึ้นมาได้ เรื่องที่ข้าเป็นภัยของสกุลเหยียนไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย ท่านอย่าได้ไปฟังผู้ที่ใส่ร้ายข้า”
เหยียนเฟยฉวงมองฮูหยินเหยียนอย่างกล่าวหา เป็นความผิดของนางหรือ? ฮูหยินเหยียนแทบอยากหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
“เหยียนโจวอยู่ไหน? เขาฝ่าฝืนกฎของสกุล เขานำแบบร่างอาวุธปืนไปสร้าง เจ้าไม่รู้เรื่องหรอกหรือ?” ประมุขเหยียนถามเสียงกร้าว
“เหยียนโจวสร้างอาวุธ? เป็นไปไม่ได้ นายท่าน ท่านอย่าได้ฟังความด้านเดียว เหยียนโจวออกไปฝึกฝนตัวเองต่างหากท่านไม่เชื่อก็ไปดูให้เห็นกับตา” เหยียนเฟยฉวงรีบอธิบาย
ในขณะที่นางพูดประตูของห้องทรมานก็ปิดลงเงียบๆ เหยียนเฟยฉวงรู้ความสามารถของพี่ชายตนเองดี หากเขาตื่นขึ้นมาเมื่อใด นางจะไม่มีวันปิดบังอะไรเขาได้เลย ตอนนี้สิ่งเดียวที่นางต้องทำคือจบเรื่องทุกอย่างลง..
ประมุขเหยียนเพิ่งฟื้นขึ้นมาร่างกายยังอ่อนแอมากนัก ทั้งนางเหยียนและบุตรชายก็เป็นผู้ไร้ประโยชน์ไม่มีแม้แต่ฝีมือในการป้องกันตัว คนที่อยู่ในห้องนี้ล้วนเป็นคนของนางทั้งสิ้น
สายตาของนางอาฆาตมาดร้ายมากขึ้น ประมุขเหยียนตระหนักในสายตามุ่งร้ายของนางเป็นอย่างดี เขาเหลือบไปยังประตูที่ปิดลง มองไปยังเหยียนเฟยฉวงด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“เฟยฉวง ข้าดีกับเจ้าเสมอเหตุใดจึงทำแบบนี้?” ประมุขเหยียนอดอยากรู้ไม่ได้
“งั้นหรือ? ท่านก็รู้ว่าเหยียนโจวดีกว่าเสี่ยวต้วนเพียงใด แต่เป็นเพราะเขาเป็นบุตรชายของท่าน ท่านจึงตั้งใจส่งต่อตำแหน่งประมุขให้เขา โดยไม่ได้คิดเลยว่าเขาไม่เอาไหน?”
“พี่ชาย ข้าคิดถึงสกุลเหยียนมาก่อนเสมอ ข้าไม่อยากให้สกุลเหยียนต้องแปดเปื้อนเพราะขยะเช่นเขา ท่านอย่าถือได้โทษข้าเลย!”
หลังจากคำพูดของนางจบลง ผู้คนที่อยู่ในห้องลงทัณฑ์ต่างกรูกันเข้าไปล้อมตัวท่านประมุขเหยียนเอาไว้