เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 638 ท่านโหวน้อย
บทที่ 638 ท่านโหวน้อย
แม่นมอุ้มถังเปาเป่ามาวางไว้ที่ประตู นางเดินไปหามารดาด้วยก้าวเล็กๆ อย่างสง่างาม ถังเปาเป่าเชิดคางขึ้นราวกับราชินีองค์น้อย
“ถังเปาเป่าเก่งมาก” ถังหลี่หยิกแก้มของลูกสาวเบาๆ ดวงตาสีเข้มของนางกลอกไปมา มุมปากโค้งขึ้นรับคำชมของมารดา ถังเปาเป่าเป็นเด็กแก่แดด นางมีท่าทางเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ ส่วนมู่เปาเป่าจะเป็นเด็กไร้เดียงสา มีความน่ารักแตกต่างกันไปคนละแบบ
ถังหลี่อุ้มถังเป่าขึ้นมา เด็กน้อยสองคนนั่งอยู่บนเข่าของตน มู่เปาเป่าพยายามเรียกร้องความสนใจโดยให้มารดาจุมพิตเขา นางก้มลงจูบที่แก้มของบุตรชาย มู่เปาเป่าหัวเราะคิกคัก ถังเปาเป่าไม่ชอบการแสดงออกแบบเด็กน้อย นางเพียงแต่เอียงแก้มขยับเข้าไปใกล้มารดา ถังหลี่โน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อจุมพิตที่แก้มของบุตรสาว
หลังจากเล่นกับลูกแฝดอยู่จนถึงเกือบสองชั่วยาม เจ้าตัวเล็กทั้งคู่ก็พากันเหนื่อยอ่อน พี่เลี้ยงจึงได้พาพวกเขาเข้านอน
“ท่านแม่..” เสียงเรียกมารดาหวานใสดังอยู่ที่หน้าประตู เมื่อถังหลี่เปิดออกจึงได้เห็นใบหน้าสดใสของซานเป่า นางยืดคอชะเง้อดู “เด็กน้อยสองคนหลับหรือยัง?” ถังหลี่พยักหน้า นางเดินออกไปแล้วงับประตูปิดเอาไว้
ปีนี้ซานเป่าอายุสิบเอ็ดปี นางสูงเกือบจะเท่าถังหลี่แล้ว เด็กน้อยชอบใส่ชุดสีแดงสด ยิ่งขับผิวของนางให้ขาวสว่างมายิ่งขึ้น เด็กหญิงมัดผมมวยสองข้าง ดวงตาสีดำกลมโตกระพริบไปมาดูน่ารักมาก
“ท่านแม่ ท่านเหนื่อยหรือไม่? ข้าจะช่วยบีบไหล่ให้ท่าน” ซานเป่าอาสา นางเขยิบไปข้างหลังมารดา บีบนวดไหล่ให้ มือของซานเป่าไม่ใหญ่ทว่าแข็งแรง ยามบีบลงไปได้กำลังของมือพอเหมาะพอเจาะ ทั้งคู่พากันเดินไปที่ประตู
“ท่านแม่ อาจารย์ชอบสุรา พวกเราไปดูโรงทำสุราชุนเหมยกันเถอะ” วันเกิดของตู้เย่ใกล้เข้ามาแล้ว ซานเป่าจึงคิดเตรียมของขวัญให้แก่เขา ตู้เย่เติบโตขึ้นมาในองค์กรนักฆ่า เขาไม่รู้วันเกิดของตน เมื่อซานเป่าถาม เขาก็ไม่สามารถบอกได้ ซานเป่าจึงให้เขาเกิดวันเดียวกันกับนางเพื่อที่จะฉลองวันเกิดด้วยกัน
ผ่านไปหลายวันซานเป่าใช้สมองคิดหาของขวัญให้เขา ในที่สุดนางจึงได้ตัดสินใจที่จะให้สุราเป็นของขวัญวันเกิดให้เขา ในช่วงหลายปีทีผ่านมานี้ซานเปาเก็บเงินค่าขนมของตนได้มาก แต่สุราชุนเหมยนั้นหายาก พวกเขาจึงต้องหาโรงบ่มสุรา นางจึงขอความช่วยเหลือจากถังหลี่ แน่นอนว่าถังหลี่ยินดีที่จะช่วยบุตรสาวอยู่แล้ว
ทั้งคู่จึงพากันขึ้นรถม้าไปที่โรงบ่มสุรา ถังหลี่รู้จักคนมากมาย นางจึงซื้อสุราชั้นดีที่สุดจากโรงหมักสุราชุนเหมย
ซานเป่าอารมณ์ดี นางกอดขวดสุราไว้ในอ้อมแขน ตั้งใจจะซ่อนสุราเอาไว้เพื่อให้อาจารย์ของนางประหลาดใจ
รถม้าที่แล่นมาหยุดอย่างกะทันหัน ซานเป่าเปิดม่านออกไปมอง เห็นกลุ่มคนกำลังทุบตีชายผู้หนึ่งแล้วฟาดเขาด้วยแส้ ชายคนนั้นฟุบลงกับพื้น แส้ถูกฟาดลงบนหลังของเขา ทิ้งคราบเลือดเอาไว้ เขาไม่ปริปากร้องออกมาเลย ซ้ำยังปล่อยให้คนเหล่านั้นเอาแส้ฟาดตนเองอยู่เช่นนั้น เลือดจากหลังของเขาไหลเป็นทาง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงได้ถูกทุบจนตายเป็นแน่
ผู้คนต่างพากันหลบอยู่ห่างๆ ซานเป่าขมวดคิ้ว นางทนเห็นฉากนี้ต่อไปไม่ไหว เด็กหญิงยื่นขวดสุราให้มารดา
“ท่านแม่ช่วยถือเอาไว้ให้ข้าที” ถังหลี่รับขวดสุรามาจากบุตรสาวส่วนซานเป่ากระโดดลงจากรถม้าเดินนำหน้าไปทันที
“หยุดนะ!” นางตะโกนเสียงดัง คนเหล่านั้นไม่หยุดมือ ซ้ำยังทั้งฟาดแส้และทุบตีไม่ยั้ง จนหลังของชายผู้นั้นงอลงไปกับพื้น เขาครวญครางออกมาอย่างเจ็บปวด
“หากพวกเจ้าทุบตีเขาอีกครั้ง เขาคงจะตายด้วยน้ำมือของพวกเจ้า” ซานเป่าพูดอย่างโมโห นางไม่มีทางเลือกนอกจากกระชากแส้มาจากผู้ที่อยู่ใกล้มือสุด จากนั้นก็เหวี่ยงแส้ กวาดเอาแส้ของคนเหล่านั้นกระชากมาไว้ในมือของนาง คราวนี้สายตาทุกคู่หันไปหาซานเป่า หนึ่งในนั้นดูเหมือนเป็นพ่อบ้านและเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนเหล่านี้
“คุณหนู คนผู้นี้เป็นทาสในจวนโหวของเรา เขาทำผิด เราจึงต้องสั่งสอนบทเรียนให้เขา คุณหนูอย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยกับเรื่องภายในจวนผิงหยางโหวของเราเลย
ทาส? นางรู้ว่าทาสโดยทั่วไปเป็นคนต่างแคว้น พวกเขาเทียบเท่ากับเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของครอบครัวเจ้านาย พวกเขาสามารถโดนลงโทษและถูกดุด่าได้โดยไม่มีการต่อต้าน บางคนอาจจะมีค่าน้อยกว่าสัตว์เลี้ยงในบ้านด้วยซ้ำ
“เหตุใดไม่ลงโทษต่อเล่า?” เสียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากเกี้ยวที่จอดอยู่ข้างๆ ซานเป่ามองไปที่เกี้ยวหลังนั้น จากนั้นก็มองชายที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรวนั้น นางขมวดคิ้ว หากเขายังโดนฟาดต่อไปอีก เขาคงจะต้องตายอยู่ตรงนี้เป็นแน่ ทาสผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองซานเป่า เขาเป็นเด็กหนุ่ม มีใบหน้าตอบ ผิวคล้ำ ดวงตาของเขาจับจ้องมองซานเป่าอย่างมึนงง จากนั้นเขาก็ขดตัวเตรียมรับแส้อีกครั้ง
ใบหน้าของพ่อบ้านซีดลง เขารับคำบราวนี่ออนไลน์
“ขอรับ” พ่อบ้านมองไปที่ซานเป่า
“คุณหนู ท่านช่วยคืนแส้ให้พวกเราด้วยเถอะ”
“ไม่ต้องขอร้องนาง แย่งแส้กลับคืนมาให้ได้ สอนบทเรียนให้นางด้วย” เด็กหนุ่มผู้อยู่ในเกี้ยวพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา คนเหล่านั้นไม่พูดสุภาพอีกต่อไป พวกเขาหันกลับไปทำท่าจะคว้าแส้มาจากมือของซานเป่า เป็นธรรมดาที่นางย่อมไม่คืนแส้ให้อยู่แล้ว นางหลบการโจมตีจากคนเหล่านั้นพลางตะโกนคุยกับเด็กหนุ่มที่อยู่ในเกี้ยวไปด้วย
“แม้ว่าเขาจะเป็นทาส แต่เขาก็มีชีวิตจิตใจ เจ้าจะฆ่าเขาแบบนี้ไม่ได้”
“เจ้ามันไร้เหตุผล คิดฆ่าคนที่ไร้หนทางสู้!” ซานเป่าไม่หยุด ดวงตาของนางลุกเป็นไฟยามที่จ้องมองเด็กหนุ่มที่อยู่ในเกี้ยวผู้นั้น
“หนวกหู เจ้ารนหาที่ตาย” ผู้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยวหมดความอดทน น้ำเสียงเขามีเจตนาฆ่าขึ้นมา เขายกมือขึ้น แม้จะเห็นได้ไม่ชัดเจนแต่ก็พอรู้ว่าเป็นคันธนูและลูกศร เขายกขึ้นเล็งไปที่ซานเป่า
ถังหลี่ลงมาจากรถม้า นางมองไปที่บุตรสาว เมื่อลูกธนูพุ่งตรงมายังซานเป่า ถังหลี่กระโดดคว้าตัวซานเป่าหลบวิถีลูกธนูทันที ลูกธนูอีกดอกพุ่งตรงมายังซานเป่าอีกครั้ง ถังหลี่คว้าบุตรสาวหลบ ผู้คนที่อยู่ใกล้พากันวิ่งหนีอลหม่าน
เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ในเกี้ยวดูเหมือนจะบ้าคลั่งไปเสียแล้ว เขาถือคันธนูเล็งยิงไปที่ซานเป่าโดยไม่สนใจว่านี่เป็นใจกลางเมืองหลวง ลูกธนูอาจจะไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้
เมื่อเห็นลูกธนูเฉี่ยวไปโดนผู้อื่น ถังหลี่ก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดลอยไปที่ข้างเกี้ยว ยื่นมือไปคว้าคนที่อยู่ด้านในเกี้ยวออกมา จากนั้นจึงแย่งลูกธนูและหน้าไม้ออกจากมือเด็กหนุ่มด้วยความว่องไว นางเหวี่ยงเขาลงไปกองกับพื้น
เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี ผิวซีดเซียวดูเหมือนคนป่วย บ่าวรับใช้รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้นจากพื้น
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?” เขายิ้มอย่างเย็นชา จ้องถังหลี่ด้วยดวงตาสีเข้ม
ใคร? ก็แค่สัตว์ร้ายตัวเล็กที่ชอบทำร้ายผู้อื่น
ถังหลี่ไม่กลัว!
“ท่านผู้นี้คือท่านโหวน้อยแห่งจวนผิงหยาง” พ่อบ้านเอ่ยประกาศออกมา “เจ้ากล้ามากที่เข้ามาทำร้ายนายน้อยของพวกเรา!”
ผิงหยางโหว สกุลหลู?
ย้อนกลับไปเมื่อก่อน สกุลหวัง องค์หญิงใหญ่ และสกุลหลูได้ร่วมกันใส่ร้ายสกุลเซียว ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ไม่อยู่แล้ว สกุลหวังสูญเสียอำนาจ มีเพียงสกุลหลูเท่านั้นที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่ ต่อให้สกุลหลูทำตัวต่ำต้อยเพียงใด อิทธิพลของพวกเขาก็ยังคงอยู่ สกุลหลูยังเป็นที่โปรดปรานและไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ไม่ใช่น้อย ถังหลี่อยู่เมืองหลวงมานานแล้วก็จริง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับคนสกุลหลู
นางมองไปที่เด็กหนุ่ม “ท่านโหวน้อบแห่งผิงหยาง เพิกเฉยต่อกฎหมายต้าโจวและทำร้ายผู้บริสุทธิ์กลางท้องถนนได้ด้วยหรือ?”