เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 639 ทาสอู๋ซาน
บทที่ 639 ทาสอู๋ซาน
ซานเป่าเดินไปหาผู้คนที่โดนลูกหลงจากการยิงธนูของเด็กหนุ่ม นางห้ามเลือดให้เขาชั่วคราว จากนั้นจึงได้กำชับให้คนในครอบครัวของเขารีบพาเขาไปโรงหมอทันที
ท่านโหวน้อยแห่งจวนผิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจว่า
“ทาสเป็นของข้า ข้าไม่ได้ละเมิดกฎหมายต้าโจว หากข้าจะฆ่าเขาก็ย่อมได้ เหตุใดเจ้าต้องเข้ามาสอดด้วย ? ข้าแค่อยากสอนบทเรียนไม่ให้เจ้าเข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่นเท่านั้น ลูกธนูที่เฉี่ยวโดนคนอื่นถือว่าเป็นอุบัติเหตุไม่ได้ตั้งใจ”
ว่าแล้วเขาก็หันไปมองพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เอาเงินไปให้คนที่บาดเจ็บ บอกขอโทษเขาแทนข้าด้วย”
ที่จริงแล้วเขาไม่คิดว่าตนเองมีความผิดเลยแม้แต่น้อย
“ต่อให้เป็นทาสก็ยังนับว่าเป็นหนึ่งชีวิต ท่านตั้งใจจะทุบเขาให้ตายกลางถนนอย่างไร้ปรานีหรือ?” ถังหลี่ยังคงตั้งคำถามกับท่านโหวน้อยผู้นี้อย่างไม่ลดละ เมื่อได้ยินดังนั้นเขาตอบว่า
“ทาสอู๋ซานผู้นี้มีพละกำลังแข็งแกร่ง เขาจะถูกเฆี่ยนตีให้ตายด้วยแส้ไม่กี่ทีได้อย่างไร? แต่ตัวเจ้าเองเข้ามาสอดเรื่องผู้อื่นอาจจะตายได้อย่างไม่รู้ตัว!”
สายตาของเด็กหนุ่มจ้องไปที่ซานเป่าราวกับกระหายเลือด ถังหลี่เข้ามายืนขวางบุตรสาวเอาไว้ นางโกรธมากจนอยากเอาชนะเจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยผู้นี้
มนุษย์ประเภทนี้มีความคดโกงอยู่ในกระดูก เขาจะเป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นชีวิตผู้อื่นเหมือนมดปลวก ทุบตีทำร้ายคนไร้ทางสู้จนปางตายเพราะเขากลัว…
ถังหลี่อยากสั่งสอนเขา แต่มีเหตุผลที่ทำให้นางลังเล แม้ถังหลี่จะไม่เคยพบกับคนสกุลหลู แต่นางรู้จักคนในสกุลหลูเป็นอย่างดี มีผู้อาวุโสในสกุลหลูเป็นขุนนางในราชสำนัก หลูเกอเป็นราชเลขาธิการซึ่งมีอำนาจพอๆ กับต้วนโส่วฝู ต้วนโส่วฝู่เป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อราษฎร บางครั้งความคิดเห็นของเขาไม่สอดคล้องกับฮ่องเต้ เขากล้าวิจารณ์และทูลถวายคำแนะนำแก่ฝ่าบาท บางจึงทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย แต่หลูเกอผู้นี้กลับมีความเก่งกาจในการคาดเดาน้ำพระทัยของฮ่องเต้ แม้จะไม่มีคุณงามความดีเท่าต้วนโส่วฝู่ก็ตามที แต่กลับเป็นที่โปรดปรานไม่น้อย
หลูโหวเป็นบุตรชายคนโตของหลูเกอ เขาเชี่ยวชาญเก่งกาจทางทหาร แต่ภายหลังได้รับบาดเจ็บจากการทำศึกจึงได้แต่งงานกับองค์หญิง นายน้อยผู้นี้น่าจะเป็นบุตรชายของท่านหลูโหวและองค์หญิง
หากนางทุบตีนายน้อยผู้นี้ก็เท่ากับนางได้ล่วงเกินท่านหลูเกอ
แม้ว่าสกุลเซียวจะมีความแค้นอยู่กับสกุลหลู แต่นางก็ยังไม่มีความกล้าที่จะทำให้เขาขุ่นเคือง
ทันใดนั้นมีกลุ่มคนผู้หนึ่งตรงเข้ามาหา
“เสี่ยวโหว ท่านอยู่ที่นี่เอง ท่านเดินทางมาจากนอกเมืองตามหมายกำหนดควรจะถึงจวนโหวแล้ว ท่านโหวและฮูหยินรอท่านอยู่ที่จวนนานแล้วไม่เห็นท่านมาถึงเสียที จึงได้ออกคำสั่งให้บ่าวมาดูขอรับ” ผู้ที่มาใหม่กล่าวด้วยท่าทางร้อนใจ
เขาเป็นคนสนิทของหลูโหว ชายผู้นั้นมองทาสที่นอนอยู่กับพื้น จากนั้นจึงได้มองพ่อบ้าน
“เกิดอะไรขึ้น?” พ่อบ้านรีบราบงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าเขาย่อมรายงานเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อนายน้อยของเขา
เขากล่าวว่า ท่านโหวน้อยกำลังสั่งสอนทาสอู๋ซาน แต่ถังหลี่และซานเป่ากลับเข้ายุ่งวุ่นวาย ทำให้นายน้อยโกรธจนทำร้ายผู้คนอย่างไม่ตั้งใจ
ถังหลี่พูดขึ้นว่า
“ทาสนั่นอาจจะถือได้ว่าเป็นสมบัติส่วนตัวของเจ้าของ ต่อให้ถูกเฆี่ยนตีจนตายก็ไม่นับว่าเป็นการละเมิดกฎของต้าโจว แต่นายท่านหลูเกอเป็นคนซื่อตรงและมีจิตใจดี เขามีเมตตาแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า หากเขารู้ว่านายน้อยไม่สนใจความเป็นความตายของทาส..เรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป…เกรงว่าจะทำให้ชื่อเสียงของท่านหลูเกอจะเสียหาย”
ถังหลี่พอจะรู้พฤติกรรมของหลูเกอจากคำพูดของเว่ยฉิงอยู่บ้าง ไม่ว่าข้างในเขาจะเป็นคนอย่างไร แต่ภายนอกเขาแสดงออกว่าเป็นใจกว้าง ใจบุญ เขามีชื่อเสียงที่ดีในหมู่ผู้คนทั่วไป
แต่สัตว์ร้ายผู้นี้กลับไม่มีความเป็นมนุษย์เลย ถังหลี่จึงได้แต่เอาชื่อปู่ของเขามาขึ้นมาขู่บราวนี่ออนไลน์
เมื่อเห็นว่าสัตว์ร้ายตนนี้ยังมีความบ้าคลั่งอยู่ นางคิดว่าคำพูดของตนอาจจะช่วยไม่ให้เขาทุบตีทาสจนตายยามที่กลับไปยังจวนอู่โหว
ผู้ที่มาเป็นคนสนิทข้างกายของท่านโหว เขาจึงรู้ดีว่าหลูเกอเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตนเป็นอย่างมาก เขารีบขอโทษถังหลี่ หลังจากนั้นจึงกล่าวว่านายน้อยของตนมีสุขภาพไม่ค่อยดี พักฟื้นอยู่ที่ชานเมืองมาเป็นเวลานาน หากมีโทสะเขาจะควบคุมอารมณ์ของตนไม่ค่อยได้ หวังว่าถังหลี่จะยกโทษให้
นายน้อยมีทีท่าหงุดหงิดไม่พอใจเมื่อเห็นผู้ชายคนนี้กล่าวขอโทษถังหลี่ เขาระงับอารมณ์ จากนั้นจึงได้เข้าไปนั่งในเกี้ยวอีกครั้ง
“นำทาสอู๋ซานกลับไปด้วย!” น้ำเสียงเย็นชาดังออกมาจากภายในเกี้ยว จากนั้นบ่าวจึงได้หามเกี้ยวเดินจากไป
ทาสอู๋ซานถูกบ่าวสองคนลากออกไป ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเลือด ศีรษะตกห้อย ราวกับไร้วิญญาณดูแล้วน่าเวทนามาก
ซานเป่ามองทาสคนนั้น นางไม่สบายใจ
“ท่านแม่ เขาน่าสงสารมาก” ถังหลี่ถอนหายใจเบาๆ แม้ว่านางจะเป็นปลาหลี่นำโชค แต่มีเรื่องราวหลายอย่างที่นางไม่อาจจะลงไปจัดการได้ มีคนมากมายที่นางไม่สามารถยื่นมือไปช่วยได้ เช่นทาสอู๋ซานผู้นี้เป็นต้น
กฎของต้าโจวนั้น ผู้เป็นนายมีอำนาจที่จะฆ่าทาสของตนได้ นางไม่อาจต่อต้านกฎของต้าโจวได้ หากนางช่วยทาสอู๋ซานนั่นเท่ากับนางไม่ยอมรับในกฎหมายของต้าโจว และจะทำให้ผู้คนตำหนิได้ เรื่องนี้หากรู้ไปถึงพระเนตรพระกรรณของฝ่าบาทก็จะกลายเป็นว่านางใช้อำนาจในทางมิชอบ ตอนนี้สามีของนางกำลังเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท รวมไปถึงบิดาและพี่ชายที่มีอำนาจในราชสำนัก ดูเผินๆ แล้วเหมือนกับนางเป็นฮูหยินที่มีเกียรติยศและมีความอำนาจอย่างหาตัวจับยาก แต่ถังหลี่รู้ดีว่านางกำลังเดินอยู่ริมขอบหน้าผา สักวันอาจกระตุ้นให้ฝ่าบาทเกิดความระแวงแคลงใจขึ้นมาได้ นางจึงต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้สามีของตนเดือดร้อน อย่าว่าแต่ทาสเลย คนเหล่านี้ที่จริงแล้วเป็นคนมาจากแคว้นอื่น บางคนเป็นเชลยสงคราม บางคนก็ถูกนำมาขาย พวกเขาถูกทำตราประทับและถูกขายเป็นสินค้า
ทาสอู๋ซานเป็นทาสที่หาได้ยากและมีค่าเป็นอย่างยิ่ง ลักษณะเด่นที่สุดของทาสอู๋ซานคือ เขามีพละกำลังมหาศาลและมีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง พวกเขาทนไม้ทนมือ ง่ายต่อการถูกข่มเหง รังแก เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ที่ดีที่สุด แม้แต่ในเมืองหลวง ก็เริ่มนิยมที่จะซื้อทาสอู๋ซานมาไว้ในครอบครัวเพื่อเป็นการอวดสถานะของตน
“ท่านแม่ หากไม่มีทาสคงจะดีมาก” ซานเป่าพึมพำ
“แม่เคยอยู่ในที่ที่ไม่มีทาส ผู้คนทุกคนล้วนมีความเท่าเทียมกัน”
“มีสถานที่ดีๆ เช่นนี้ด้วยหรือเจ้าคะ ท่านแม่ ข้าอยากเห็นเหลือเกิน” ดวงตาซานเป่าเต็มไปด้วยความโหยหา
“หากมีโอกาสแม่จะพาเจ้าไปดู” ซานเป่าพยักหน้ารับแต่เป็นเพราะเรื่องของทาสอู๋ซานผู้นั้นทำให้นางเกิดความหดหู่ ไม่รู้ว่ากลับไปที่จวนแล้ว เขาจะเป็นอย่างไร…
ถังหลี่หวังว่าคำพูดของตนน่าจะช่วยชีวิตคนเอาไว้ได้บ้าง
…
ที่หน้าประตูจวนผิงหยางโหว
สามีภรรยาอายุประมาณสามปี กำลังยืนรออยู่หน้าประตูจวน นั่นเป็นท่านผิงหยางโหว หลูอัน และองค์หญิงอันเยว่
เมื่อวางเกี้ยวลง เด็กหนุ่มใบหน้าซีดเซียวเพราะความเจ็บไข้ได้ป่วยก้าวออกมาจากเกี้ยว องค์หญิงเห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินมาหาบุตรชายอย่างมีความสุขทันที
“ซวนเอ๋อร์” องค์หญิงอันเยว่ประหลาดใจ นางมองสำรวจบุตรชาย ตั้งแต่หัวจรดเท้า
บุตรชายของนางมีชื่อว่าหลูเสวี่ยน เขามีสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่เกิด นักบวชได้ทำนายทายทักให้ส่งเขาออกไปเลี้ยงดูที่นอกจวนจนกว่าจะอายุสิบห้าปีถึงจะได้กลับมาเมืองหลวง ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หลูเสวี่ยนจึงได้ถูกเลี้ยงดูอยู่ในวัดจนกระทั่งเขาอายุได้สิบห้าปีจึงได้กลับไปยังจวน
หลูโหวและฮูหยินรักเขามากไปเยี่ยมเขาบ่อยครั้ง
“ท่านพ่อ ท่านแม่” หลูเสวี่ยนเอ่ยทักทายบิดมารดาอย่างสุภาพ ตอนนี้หน้าตาเขาไม่ได้ดุร้ายเกรี้ยวกราดแต่อย่างใด
“เจ้าเป็นอะไร? เหตุใดหน้าซีดนัก? แล้วเหตุใดถึงได้มาช้าถึงป่านนี้?” องค์หญิงอันเยว่ ถามอย่างเป็นห่วง
“ไปคุยกันข้างในเถอะ” หลูอันพูด ทั้งสามจึงได้เดินเข้าไปในจวนพร้อมกัน หลูเสวี่ยนจึงได้เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องถนนให้บิดามารดาฟัง
“ทาสอู๋ซานคนนั้น ทำลายข้าวของของข้า ข้าโกรธมากจึงได้ให้บ่าวรับใช้ทุบตีและดุด่าเขาสองสามครั้ง มีผู้หญิงคนหนึ่งกับบุตรสาวของนางออกมาห้ามข้าไม่ให้สั่งสอนทาส นางต่อสู้กับบ่าวรับใช้ แม่ของเด็กผู้หญิงคนนั้นยังกระชากตัวข้าออกมาจากเกี้ยวแล้วเหวี่ยงข้าลงกับพื้นถนน” หลูเสวี่ยนถกแขนเสื้อให้มารดาดูแผลถลอกที่แขนของเขา ผิวหนังมีคราบเลือดติดอยู่ จู่ๆสีหน้าขององค์หญิงอันเยว่ก็เปลี่ยนไป
“พวกนางเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าได้อย่างไร? มารังแกบุตรชายของข้าถึงเพียงนี้ คอยดูเถอะจะได้เห็นดีกัน!”
หลูอันถามคนสนิทที่ส่งไปรับบุตรชาย
“เจ้ารู้จักตัวตนของแม่ลูกคู่นั้นหรือไม่?”
“เป็นภรรยาและบุตรสาวของอู่โหว เจ้ากรมอาญาขอรับ” เขาตอบ
“ภรรยาของอู่โหว เป็นบุตรสาวสกุลกู้..” หลูอันขมวดคิ้ว มองไปที่องค์หญิงอันเยว่
“ฮูหยิน ช่างเถิด เบื้องหลังของสตรีผู้นั้นไม่ใช่แค่เจ้ากระทรวงอาญาเท่านั้น แต่ยังมีสกุลกู้รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้แล้วบุตรชายของนางทั้งสองคน ยังอยู่ในสำนักศึกษาหลวงอีกด้วย อีกไม่นานพวกเขาน่าจะได้เข้าร่วมสภาขุนนาง เราคงล่วงเกินไม่ได้ มีแต่จะต้องหลีกเลี่ยงหลบทางให้นาง”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พวกเขาสองแม่ลูกจะมารังแกบุตรชายของข้าเยี่ยงนี้ได้อย่างไร? ไม่ได้ข้าจะไปฟ้องเสด็จพี่” องค์หญิงอันเยว่กล่าวอย่างโกรธเคือง นางไม่ได้เห็นรอยยิ้มลึกลับที่มุมปากของบุตรชายที่น่าสงสารของนาง