เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 644 จุดหมายในการมีชีวิต
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 644 จุดหมายในการมีชีวิต
บทที่ 644 จุดหมายในการมีชีวิต
ตอนนี้เว่ยฉิงให้คนสอบสวนหลูเสวี่ยนจบแล้ว หลังจากที่ฟังรายงานของลูกน้อง ความคิดเดียวที่มีคือ เด็กคนนั้นเป็นสัตว์ร้ายที่ถูกปล่อยออกมาเพ่นพ่านให้อยู่ภายยอก
“เจ้าปีศาจน้อยตัวนี้ถูกขังอยู่ในวัด กินอาหารมังสวิรัติ ถูกให้ท่องคัมภีร์ทั้งวัน แต่สิ่งที่เขาทำนั้น ช่างผิดมนุษย์มนาทั่วไป เขาข่มเหง ปลิดชีวิตผู้คนไปมากมาย คนที่ถูกเขาทรมานจนตายคือทาส…ตามกฎหมายของต้าโจวระบุว่า บ่าวรับใช้ที่อยู่ในบ้านไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าตามอำเภอใจ แต่กฎหมายทาสแตกต่างออกไป คนพวกนี้มีค่าเท่ากับสัตว์ หากพลั้งมือฆ่าไปก็ไม่ใช่เรื่องผิด”
ดวงตาของเว่ยฉิงฉายโทสะ เด็กสารเลวไม่สนใจชีวิตของมนุษย์ ที่แย่กว่าก็คือมันรู้จักกฎหมายเป็นอย่างดี จึงทำทุกทางที่จะรอดพ้นช่องโหว่ของกฎหมายไปได้
หลังจากที่สอบสวนแล้วเขาก็ไม่สามารถเอาผิดไอ้เด็กสารเลวผู้นี้ได้
ถังหลี่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น นางไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กหลูเสวี่ยนจะฉลาดแกมโกงเช่นนี้ นางคิดถึงตอนที่หลูโหวพาหลูเสวี่ยนมาขอโทษ เขาช่างไร้สำนึก บางครั้งคนเลวก็ไม่ใช่คนน่ากลัว คนที่น่ากลัวคือคนเลวที่ฉลาดแกมโกงต่างหาก
“ที่นี่เป็นเมืองหลวง เขาอยู่ในจวนผิงหยางโหว อีกทั้งนายท่านหลูเป็นคนที่ยึดมั่นในชื่อเสียงเกียรติยศของตัวเอง เขาย่อมไม่ปล่อยให้หลูเสวี่ยนทำตามใจตัวเองได้ ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรผู้บริสุทธิ์ได้อีกแล้ว” ถังหลี่กล่าว เว่ยฉิงพยักหน้ารับ
เขาพยายามหาข้อผิดพลาดบางอย่างเพื่อที่จะสั่งสอนไอ้สารเลวน้อยผู้นี้ เพื่อให้ภรรยาและซานเป่าของเขาโล่งอก สบายใจ แต่ตอนนี้เขายังหาความผิดของหลูเสวี่ยนไม่ได้ เมื่อไม่สามารถระบายความโกรธแค้น เขาจึงผิดหวัง
“ข้าคงต้องพูดเช่นเดิม ในไม่ช้าเขาจะตายเพราะความผิดที่เขาก่อ และเขาจะต้องได้รับผลกรรมไม่ช้าก็เร็ว อย่าพูดถึงเขาเลย อัปมงคลปาก” ถังหลี่กล่าว
“แล้วทาสอู๋ซานเล่า?
“เกือบหายดีแล้ว ตอนนี้ซานเป่าตั้งชื่อเขาว่าหวังหยู” ถังหลี่พูด
“ลืมความโศกเศร้าและความทุกข์ในอดีตที่ผ่านมา….ชื่อที่ซานเป่าของเราตั้งให้เขาน่าสนใจมาก ข้าหวังว่าชีวิตของเขาจะเป็นเช่นนั้น”
“เขาจะเป็นตามที่เจ้าหวัง” เว่ยฉิงกล่าว
ใครก็ตามที่เจอภรรยาของเขาชีวิตจะดีขึ้นเรื่อยๆ
…..
จวนผิงหยางโหว
เรือนที่หลูเสวี่ยนอยู่ใหญ่โตกว้างขวาง มีบ่าวรับใช้มากมาย องค์หญิงอันเยว่รู้สึกผิดที่บุตรชายของนางต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นอกบ้านมาหลายปี นางจึงสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้เขา ที่มุมหนึ่งของจวนมีห้องเล็กๆ ทาสรับใช้คนหนึ่งกลับมาพร้อมกับหลูเสวี่ยน ทาสคนนี้เป็นคนที่สนิทที่สุดของเขาอีกด้วย เขารู้ดีว่าเจ้านายตัวเองเป็นคนแบบไหน เขากลัวหลูเสวี่ยนมาก
หลูเสวี่ยนสั่งให้เขาอยู่ที่นี่หากบิดามารดาของเขาได้ยินเสียงเข้า หลูเสวี่ยนจะไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน ประตูของห้องจะปิดตลอดทั้งวัน ราวกับว่ามันซ่อนความลับบางอย่างอยู่
เมื่อหลูเสวี่ยนเข้าไปในเรือนของตน บ่าวรับใช้รีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาย่ำแย่มาก ตอนนี้บิดาของเขากำลังจับตามองหลูเสวี่ยนอย่างใกล้ชิด เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาจะทำอะไรพวกคนใช้ พ่อของเขาจะเรียกเขาไปตำหนิทันที ทำให้เขาหดหู่มาก เมื่อไม่สามารถระบายมันออกมายิ่งให้เขาหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
“ท่านโหวน้อย!” หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคนท่าทางดูซื่อสัตย์ รีบเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าที่ประจบสอพลอ หลูเสวี่ยนพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปข้างใน ชายคนนั้นรีบตามเขาไปทันที
ในห้องนั้นทั้งเย็นและชื้นจนน่าขนลุก มีบ่อน้ำเล็กๆ อยู่ข้างใน มีงูอยู่หลายตัว ชายคนนี้คือคนเพาะพันธุ์งูที่หลูเสวี่ยนพาตัวมาจากข้างนอก ก่อนจะแอบพาเขาเข้ามาในจวนเงียบๆ ทั้งๆ ที่คนทั่วไปเมื่อเห็นสัตว์เลื้อยคลานจะขนลุกด้วยความขยะแขยง ทว่าหลูเสวี่ยนกลับมองด้วยความตื่นเต้น เขายื่นมือออกไปหางูพวกนั้นแววตาเป็นประกาย
“เด็กๆ”
……
ตอนนี้ร่างกายของหวังหยูฟื้นตัวแล้ว แต่ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากซานเป่าเขาจะอยู่แต่ในห้องทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน เมื่อนางไปหา ดวงตาชองเขาจะเปล่งประกายแสดงความดีใจออกมาทุกครั้ง
ซานเป่ามองหวังหยู เห็นว่าตอนนี้เด็กหนุ่มเริ่มมีเนื้อมีหนังมากขึ้น หวังหยูมีร่างกายสูงใหญ่กว่าซานเป่า ใบหน้าของเขาคมชัด ไหล่กว้างดูแข็งแรงไม่ผอมโซเหมือนแต่ก่อน ซานเป่ารู้สึกว่าตัวเองประสบผลสำเร็จในการเลี้ยงดูเขา
หวังหยูจะค้อมหัวลงเสมอเมื่อพูดคุยกับซานเป่า ถึงท่าทางของเขาจะดูเงอะงะแต่เห็นได้ว่าเขาเชื่อฟังซานเป่ามาก
“นายท่าน”
“เหตุใดเจ้าไม่ออกไปเดินเล่นเล่า ไม่เบื่อหรือ?” ซานเป่าถาม
ความจริงแล้วการออกไปข้างนอกสำหรับหวังหยูออกจะแปลกไปสักหน่อย ประการแรกเพราะเจ้านายไม่ได้สั่ง ประการที่สองเพราะเขากลัว…
เขากลัวผู้คนที่อยู่ด้านนอก กลัวทุกอย่าง มีแค่ในห้องนี้หรือที่ๆ เจ้านายของเขาอยู่ด้วยเท่านั้นที่หวังหยูจะรู้สึกปลอดภัย
“เจ้านายอยากให้ข้าออกไปข้างนอกหรือไม่ขอรับ” หวังหยูถาม เขาจ้องมองซานเป่าด้วยดวงตาสีเข้ม แม้เขาจะอยากอยู่ในห้องนี้มากกว่า แต่ถ้าเจ้านายสั่งเขาจะเชื่อฟัง
“หวังหยู เจ้าเป็นคนนะ เจ้ามีความคิดเป็นของตัวเอง ตอนนี้เจ้าอยากออกไปข้างนอกหรือไม่?” หวังหยูเปิดปาก แต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ เขายังไม่คุ้นชินกับความคิดของตัวเอง
“หวังหยูบอกข้าสิว่าเจ้าต้องการหรือไม่?”
“ไม่..ไม่ขอรับ ข้าไม่ต้องการ” เขาพูดติดอ่าง
เขาอยากจะรอเจ้านายอยู่ในห้องนี้ ในอดีตเขาจะถูกเจ้านายขังไว้ที่ๆ หนึ่งเสมอ ยามใดที่เจ้านายนึกถึงเขาได้ ก็จะมาหาเขา ทุกครั้งที่เจ้านายมาจะทำให้เขาหวาดกลัว เพราะนั่นหมายถึงการทรมานที่เลวร้ายกว่าความตาย แต่ตอนนี้ต่างออกไป เขาตั้งตารอให้เจ้านายมาหา เขาชอบอยู่ในห้องเพราะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
“ก็ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องออกไป” ซานเป่าพูด
มุมปากของหวังหยูขยับขึ้นเป็นรอยโค้งดูงุ่มงาม แต่ซานเป่ารู้ว่านั่นคือรอยยิ้ม
แค่เรื่องเล็กน้อยที่เขาเป็นคนเลือกเองก็ทำให้หวังหยูมีความสุขแล้ว ที่น่าเศร้าคือเขาไม่รู้จักการยิ้ม เมื่อซานเป่าเจอถังหลี่นางจึงเล่าให้มารดาฟัง
“ท่านแม่ ข้าเคารพความคิดของเขา ข้ารู้ว่าเขาหวาดกลัวการออกไปข้างนอก จึงไม่อยากบังคับ แต่ข้ารู้สึกว่าการอยู่แต่ในห้องจะไม่ค่อยดี ทำให้เขาขาดชีวิตชีวาราวกับเป็นหุ่นตัวหนึ่ง ตอนที่ข้าเห็น ข้ารู้สึกโกรธ เขายังเด็กไม่ควรเป็นเช่นนี้เขาควรจะเหมือนเด็กหนุ่มในนิทาน ที่ใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสและขี่ม้าอย่างมีชีวิตชีวา”
ซานเป่าพูดด้วยความรู้สึกทุกข์ใจ
ถังหลี่ครุ่นคิด
ซานเป่ายังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้น นางรู้สึกสงสารจึงอยากทำดีกับหวังหยู ความคิดของนางเรียบง่ายมาก แต่ทว่าจิตใจของผู้คนล้วนมีความซับซ้อน
หวังหยูถูกทารุณมานานมากเกินไป เขาคิดว่าโลกใบนี้มีแต่ความโหดร้ายจึงกลัว สำหรับเขาแล้วซานเป่าอาจจะเป็นเพียงแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิต มีเพียงแสงนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขารู้สึกอบอุ่น เขาจึงอยากอยู่ใกล้ๆ นาง เมื่อไหร่ที่ห่างซานเป่า เขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย พอมองเช่นนี้แล้ว หวังหยูคล้ายกับตู้เย่มาก
ในตอนแรกตู้เย่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเหตุใด เขาไม่มีเป้าหมายในการใช้ชีวิต ยิ่งทำให้เขาไร้ชีวิตชีวา ถังหลี่พูดถึงความคิดตัวเอง หัวเล็กๆ ของซานเป่ากำลังสับสน ก่อนจะฉุกคิดอะไรบางอย่าง
“เช่นนั้นก็ถึงเวลาค้นหาเป้าหมายแล้ว!”
“ใช่แล้ว เมื่อมีเป้าหมายในชีวิตก็จะมีความหวัง ถ้าไม่มีชีวิตจะไร้ความหมาย”
“แล้วเราควรหาอะไรเป็นเป้าหมายของเขาดีล่ะ?” ซานเป่าเอามือจับคางของตนอย่างครุ่นคิด
“ให้เขาเรียนศิลปะการต่อสู้แล้วเป็นองครักษ์ให้กับลูกสิ” ถังหลี่แนะนำ
หวังหยูมีความแข็งแรง มีสมรรถนะร่างกายที่ดี หากได้รับการฝึกสอนเขาจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านการต่อสู้เป็นอย่างมาก.. หากหวังหยูมีเป้าหมาย ส่วนซานเป่าก็จะได้องครักษ์ชั้นยอด นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกหรือ?