เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 654 การพิจารณาคดีของหลูเสวี่ยน
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 654 การพิจารณาคดีของหลูเสวี่ยน
บทที่ 654 การพิจารณาคดีของหลูเสวี่ยน
นายท่านหลูเกอมอบตัวหลานชายให้กับเจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่
“เอาตัวเจ้าเด็กเกเรนี่ไปที่ศาลต้าหลี่เสีย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรสกุลหลูจะยอมรับมัน” หลูเกอกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย
“ไม่ต้องกังวลขอรับ ศาลต้าหลี่จะพิจารณาคดีนี้ให้เป็นธรรมอย่างที่สุด” เจ้าหน้าที่กล่าว พวกเขานำตัวหลูเสวี่ยนออกไป ดวงตาขององค์หญิงอันเยว่แดงก่ำ นางต้องการตามบุตรชายไป
“องค์หญิง..” หลูอันจับแขนของนางไว้ นางหันกลับมามองสามีอย่างเดือดดาล
“ท่านไม่สนใจเลยหรือว่าเสวี่ยนเอ๋อร์จะเป็นจะตายอย่างไร?”
“เสวี่ยนเอ๋อร์เป็นบุตรชายของข้า แน่นอนว่าข้าย่อมใส่ใจเขา” หลูอันกล่าว องค์หญิงอันเยว่เดินหนีจากเขาไปทันที นางไม่สนใจสามีของตัวเองอีก นางรีบตามบุตรชายไปทันที หลูเกอมองไปยังบุตรชาย
“เหตุใดไม่รีบตามไปดูแลภรรยาของเจ้า” ความหมายในคำพูดของบิดาของเขานั้นชัดเจนมาก เขาต้องการให้หลูอันดูแลไม่ให้องค์หญิงอันเยว่ก่อความวุ่นวายแล้วทำลายชื่อเสียงของสกุลหลู ผิงหยางโหวรีบตามไปทันที
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของหลูเกอทำให้คนทั่วไปชื่นชมที่เขามีความเที่ยงธรรมเช่นนี้ เมื่อหลูเกอกลับเข้าไปในจวน เขายืนรดน้ำดอกไม้ที่ตัวเองปลูกไว้ด้วยท่าทีสงบ แม้สีหน้าจะไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แต่ในแววตามีร่องรอยของความเย็นชา
“ครั้งนี้สกุลอู่ล้ำเส้นมากไปแล้ว…”
“ทาสหรือ…ไม่เข้าท่า..”
เขาพึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของชายชราไม่อาจคาดเดาได้ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
….
เมื่อถังหลี่ได้รับการติดต่อจากศาลต้าหลี่ว่าตอนนี้ผู้ต้องหามาถึงแล้ว กำลังจะได้รับการพิจารณาคดีในข้อหาพยายามฆ่าหวังหยู นางจึงพาซานเป่าไปที่ศาลต้าหลี่ทันที
เดิมทีหวังหยูก็ควรไปเช่นกัน แต่เพราะเขาบาดเจ็บสาหัสทำได้เพียงนอนนิ่งๆ
ถังหลี่กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ จึงไม่อยากให้เขาไป นางให้เจ้าหน้าที่มายืนยันอาการบาดเจ็บของหวังหยูเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามทั้งพยานและหลักฐานสำคัญก็เพียงพอแล้วที่จะลงโทษหลูเสวี่ยน
ถังหลี่และซานเป่ามาถึงที่ด้านนอกของศาลต้าหลี่ด้วยรถม้า นางจับมือบุตรสาวเข้าไปด้านในศาล ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว ที่ด้านนอกของศาลต้าหลี่เต็มไปด้วยชาวบ้านที่มาดูการพิจารณาคดี
หญิงสาวจับมือของซานเป่าแล้วฝ่าฝูงชนเข้าไป ทันทีที่พวกนางเข้าไปสายตาที่น่ากลัวจับจ้องมายังทั้งสองทันที ถังหลี่เห็นว่าหลูเสวี่ยนกำลังจ้องมองอยู่ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เขาผอมมาก เมื่อเขาถอดหน้ากากที่เปราะบางอ่อนแอของตนออก สีหน้าของเขาดุร้ายเยี่ยงอาชญากร ยิ่งทำให้ถังหลี่รู้สึกไม่สบายใจ นางพยายามซ่อนซานเป่าไว้ที่ด้านหลังของตัวเอง
“ท่านแม่ ข้าไม่กลัวเขา” ซานเป่าเอ่ยขึ้น
ดวงตาที่สดใส แน่วแน่ของซานเป่ามองตรงไปที่หลูเสวี่ยน เหมือนเขาเป็นแค่หนูสกปรกในคูน้ำคลำที่เน่าเหม็น
เมื่อโจทย์และจำเลยมาถึงที่ศาลแล้วไม่นานผู้รับผิดชอบในคดีก็มาถึงลานพิจารณาคดีเช่นกัน
ด้วยสถานะที่สูงส่งของหลูเสวี่ยน ผู้ที่ควรรับผิดชอบในการพิจารณาคดีครั้งนี้คือกู้หวนเนี่ยน แต่เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาเพราะเขาเป็นพี่ชายของถังหลี่ ผู้ที่รับผิดชอบในคดีนี้จึงเป็นคนอื่นแทน
และแล้วการพิจารณาคดีก็เริ่มขึ้น ทั้งพยานและหลักฐานทุกอย่างบ่งชี้ว่าหลูเสวี่ยนพยายามฆ่าหวังหยู ทำให้เด็กหนุ่มต้องกัดฟันสารภาพออกไป เขาไม่คิดมาก่อนว่าหวังหยูจะมีทะเบียนบ้าน นอกจากนี้แม้ว่าหวังหยูจะมีทะเบียนบ้านหรือไม่ก็ตาม แต่สกุลหลูก็สมควรปกป้องเขาไม่ใช่หรือ?
ใครจะคิดว่าวันหนึ่งหลูเสวี่ยนจะโดนคดีเพียงเพราะทุบตีทาสที่มีค่าน้อยกว่าสัตว์เลี้ยงในบ้านเสียอีก
หลูเสวี่ยนตกต่ำมาถึงจุดนี้ เพราะเขาประเมินสถานะตัวเองในสกุลหลูสูงเกินไป ในทางกลับกันเขาก็ประเมินสกุลอู่ต่ำเกินไปเช่นกัน จากกฎหมายของต้าโจวระบุว่าถ้าทำร้ายทาสของผู้อื่นจนบาดเจ็บหรือพยายามฆ่า จะมีโทษจำคุกหนึ่งปีครึ่งและโบยยี่สิบไม้ ร่างของหลูเสวี่ยนทรุดลงทันที
หนึ่งปีครึ่ง…
เขาจะทนได้อย่างไร หลังจากที่ได้รับโทษในครั้งนี้ประวัติของเขาคงจะด่างพร้อย ชีวิตเขาจบสิ้นแล้วเพียงเพราะทาสชั้นต่ำแค่คนเดียวเท่านั้น!
ดวงตาขององค์หญิงอันเยว่เป็นสีแดงนางอยากเข้าไปขวางเสียตอนนี้ องค์หญิงอันเยว่ไม่สนใจชื่อเสียงของสกุลหลูและไม่สนใจกฎหมายของต้าโจวด้วย นางไม่อยากให้บุตรชายต้องทรมานเช่นนั้น ยี่สิบไม้กับจำคุกปีครึ่งหรือ? บุตรชายของนางจะทนได้อย่างไร แต่แล้วร่างของนางก็ถูกสามีจับเอาไว้แน่น
“องค์หญิงใจเย็นก่อน นี่คือศาลต้าหลี่ เราต้องมีวิธีอื่นที่ช่วยเสวี่ยนเอ๋อร์ได้แน่นอน” หลูอันกระซิบ
องค์หญิงอันเยว่ข่มใจตัวเองไว้ ทันใดนั้นบุตรชายของนางหันมามอง ท่าทีขององค์หญิงอันเยว่เปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยนนุ่มนวล
“ไม่ต้องกลัวจะเสวี่ยนเอ๋อร์ แม่อยู่ที่นี่ แม่จะช่วยลูกเอง” แต่สายตาที่หลูเสวี่ยนมองมากลับเต็มไปด้วยความตำหนิราวกับนางเป็นคนที่ไร้ประโยชน์
องค์หญิงอันเยว่ตัวชา เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าบุตรชายของตนเองเป็นคนแปลกหน้า
หลูเสวี่ยนถูกนำตัวไปลงโทษ เสียงไม้ที่กระหน่ำฟาดบุตรชายลงไปในแต่ละครั้งราวกับหวดไปที่กลางใจขององค์หญิงอันเยว่
ความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง เมื่อนางเห็นถังหลี่ นางจึงซ่อนความเกลียดชังอีกต่อไปไม่ไหว
“เหตุใดเจ้าต้องผลักให้บุตรชายข้าไปถึงทางตันเช่นนี้ด้วย? ” องค์หญิงอันเยว่จ้องถังหลี่ นางกลับมองตอบอย่างใจเย็น
“ไม่ใช่เพราะข้า เขาเป็นเช่นนี้เพราะการกระทำของเขา เขาสมควรได้รับและชดเชยในสิ่งที่เขาทำลงไป”
“บุตรชายของท่านทำผิด จากหัวอกคนเป็นแม่ท่านไม่คิดถึงปัญหาของเขาเลย เอาแต่โทษเหยื่อ ท่านไม่คิดว่าตนเองกำลังวางเกวียนไว้ที่หน้าม้า[1]หรือ?” ถังหลี่เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลู่เสวี่ยนจึงเป็นเด็กที่มีนิสัยเช่นนั้น
“เขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เป็นเพราะท่านรักและตามใจเขามากจนทำให้เขาไม่รู้จักผิดไม่รู้จักถูก ทำให้เขาไม่มีหัวใจที่จะมองเห็นคุณค่าชีวิตมนุษย์ด้วยกัน สุดท้ายแล้วทุกอย่างในตอนนี้ก็มาจากบาปที่เขาเป็นคนก่อขึ้นมาเอง” ถังหลี่พูดย้ำ หลังจากนั้นไม่ว่าองค์หญิงอันเยว่จะเข้าใจหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่นาง หญิงสาวจับมือของซานเป่าจากไป
องค์หญิงอันเยว่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่เช่นนั้น บุตรชายของนางถูกเลี้ยงที่นอกจวนมาตั้งแต่ยังเล็ก นางมักจะไปเยี่ยมเยียนและพำนักอยู่กับเขาเป็นเวลาหลายเดือน ทว่าในหัวใจนางยังรู้สึกผิดกับบุตรชายเสมอ เวลาเขาทำผิดนางจึงไม่เคยตำหนิซ้ำยังช่วยเหลือเขาในการแก้ปัญหา
นางผิดหรือ?
ไม่ นางทำถูกแล้ว!
บุตรชายของนางคือสมบัติล้ำค่า เขาทนทุกข์มามาก ทำให้นางใจดีกับเขาเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้บุตรชายของนางยังเลือดไหล ทั้งยังบาดเจ็บสาหัส เขามีสถานะสูงส่งถึงเพียงนี้..
“ข้าอยากเข้าวังหลวงเพื่อขอเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้”
องค์หญิงอันเยว่นั่งรถม้าเข้าไปที่วังหลวง แต่ฮ่องเต้มีภารกิจ นางจึงได้แต่รออยู่ด้านนอก บังเอิญเหลือเกินที่หวังกุ้ยเฟยได้นำน้ำแกงมาถวายให้ฮ่องเต้พอดี
เมื่อเห็นสีหน้าขององค์หญิงอันเยว่ ทำให้หวังกุ้ยเฟยถามไถ่อย่างเป็นห่วง แม้องค์หญิงอันเยว่จะไม่ได้ใกล้ชิดกับหวังกุ้ยเฟยมากนัก แต่ในยามนี้จิตใจของนางเต็มไปด้วยความขมขื่น เมื่อมีคนมาถามไถ่นางจึงระบายออกไปจนหมดสิ้น
“เสวี่ยนเอ๋อร์เพียงแต่โมโหจึงต้องการระบายความโกรธออกมา บุตรชายข้าจับทาสมาสั่งสอน แต่สกุลอู่กลับร้องเรียนไปที่ศาลต้าหลี่ ตอนนี้เขาโดนตัดสินโทษด้วยการจำคุกและโบย!” องค์หญิงอันเยว่กล่าว
แม้ว่าหวังกุ้ยเฟยจะอยู่แต่ในวังหลัง ทว่านางรู้ทุกการเคลื่อนไหวภายนอกวังเป็นอย่างดี ความขัดแย้งระหว่างสกุลอู่และสกุลหลูสร้างความบันเทิงให้แก่นางมาก
“เสวี่ยนเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอ..เขาจะทนได้อย่างไรกัน” หวังกุ้ยเฟยดูเป็นทุกข์ร้อน
“ในห้องขังทั้งหนาวเหน็บและเย็นชื้น…ช่างน่าสงสาร” ดวงตาขององค์หญิงอันเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดง
“เสวี่ยนเอ๋อร์ไม่เคยต้องทนทรมานเช่นนี้เลยตั้งแต่เกิดมา”
“เพียงเพราะทาสคนนั้น เขาจึงต้องโดนจำคุก เป็นเพราะผู้พิพากษาศาลต้าหลี่เป็นพี่ชายของฮูหยินอู่ อย่างไรเสียผู้ตัดสินคดีย่อมเอียงเอนไปทางนางอยู่แล้ว” หวังกุ้ยเฟยกล่าวต่อ องค์หญิงอันเยว่กำมือแน่น
“ใช่..หากเป็นคนอื่นเขาคงจะปกป้องบุตรหลาน ทว่าสกุลหลูกลับละเลยเสวี่ยนเอ๋อร์ ในเมื่อเขาไม่ใส่ใจย่อมเป็นข้าที่จะใส่ใจเอง เพราะเขาเป็นบุตรชายของข้า!”
“ถึงสกุลหลูจะไม่ปกป้ององค์หญิง แต่ไม่ใช่กับฝ่าบาทแน่นอน พระองค์จะทรงปกป้องท่านไม่ว่าใครก็จะมารังแกผู้ที่เป็นราชนิกุลไม่ได้” หวังกุ้ยเฟยกล่าว
ในตอนนั้นเองประตูท้องพระโรงเปิดออก มีขุนนางหลายคนเดินออกมา ไม่นานนักขันทีก็เข้ามาเชิญองค์หญิงอันเยว่เข้าไปด้านใน หวังกุ้ยเฟยมองไปที่แผ่นหลังขององค์หญิงอันเยว่แล้วยิ้มจางๆ
ดูเหมือนว่านายท่านหลูเกอที่อ่อนโยนจะเจ้าเล่ห์ไม่น้อย เขาไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ
หาก..หลู่เสวี่ยนเสียชีวิตล่ะ?
อย่างไรเขาก็เป็นหลานชายของหลูเกอ เป็นไปไม่ได้หลูเกอจะทนมองเฉยๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังกุ้ยเฟยล้ำลึกมากขึ้น
นางรู้ดีว่า ด้วยนิสัยของถังหลี่ไม่ช้าก็เร็วย่อมสร้างปัญหาแน่นอน ครั้งนี้ก็เช่นกัน นางจะนั่งบนภูดูเสือกัดกัน แล้วค่อยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพวกเขา
[1] คือการทำสิ่งต่าง ๆ ตามลำดับที่ผิด เพราะโดยปกติแล้ว ม้าต้องลากเกวียน