เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 656 งานเลี้ยงครบหนึ่งขวบ
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 656 งานเลี้ยงครบหนึ่งขวบ
บทที่ 656 งานเลี้ยงครบหนึ่งขวบ
เวลาผ่านไปปีครึ่งแล้วที่สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งมาทำงานที่ฮั่นหลิน เด็กหนุ่มทั้งสองเป็นเด็กหน้าตาดี เดินไปไหนมาไหนด้วยกันดูแล้วเป็นที่เจริญหูเจริญตา สายตาของผู้คนมักจะจับจ้องให้ความสนใจเขาอยู่เสมอ แม้กระทั่งเด็กสาวๆที่มาดักรอพวกเขาอยู่หน้าสำนักฮั่นหลิน
ทุกคนที่อยู่ในสำนักฮั่นหลิน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างอิจฉา ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ รูปร่าง หน้าตา มารยาทงดงาม ขยันขันแข็ง หนทางแห่งหน้าที่การงานดูสว่างไสว เสียอย่างเดียวที่เป็นบุตรของผู้อื่นไม่ใช่ของพวกเขา
เด็กหนุ่มทั้งสองคนไม่ค่อยลาหยุด หัวหน้าของเขาจึงอดประหลาดใจไม่ได้
“พรุ่งนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดครบหนึ่งขวบของน้องสาวและน้องชายของข้าขอรับ” เว่ยจื่ออั๋งกล่าว
“พวกเราจึงขอลาหยุดหนึ่งวันเพื่อฉลองวันเกิดให้พวกเขาขอรับ” สวี่เจวี๋ยเสริมขึ้น
หากดูจากนามสกุลของทั้งสองคนแล้วเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยไม่ใช่บุตรชายในสายเลือดของสกุลอู่ แต่เขาได้ยินมาว่าครอบครัวนี้รักใคร่ปรองดองกันเป็นอย่างดี นี่คงจะเป็นเรื่องจริง ยามที่ทั้งเด็กหนุ่มทั้งคู่พูดถึงน้องฝาแฝด ใบหน้าของพวกเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่รักน้องฝาแฝดของเขามากจริงๆ ซางเฟิงตอบตกลงอนุญาตให้ทั้งสองคนมีวันหยุดได้หนึ่งวัน
“ขอบคุณขอรับใต้เท้า” ชายหนุ่มทั้งสองโค้งคำนับให้
ที่ร้านหนังสือ
เว่ยจื่ออี้ถือหนังสือเล่มหนึ่งที่มีหน้าปกสวยงาม เมื่อเปิดออกจะเห็นว่าทุกหน้าของหนังสือเล่มนี้มีภาพวาดสัตว์น้อยแสนน่ารัก นี่เป็นของขวัญที่เขาตั้งใจจะมอบให้น้องชายและน้องสาวของเขา เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ฝีมือของเว่ยจื่ออี้คนเดียว แต่ยังเป็นผลงานของสหายทางจดหมายของเด็กหนุ่มอีกด้วย
ในตอนแรกเพื่อนเขาคนนี้ดูเหมือนจะประสบปัญหาวุ่นวายในชีวิต เขาจึงเขียนนวนิยายที่มีเนื้อหาค่อนข้างแปลกออกไปจากท้องตลาด จากนั้นจึงได้นำมาขายที่ร้านของเว่ยจื่ออี้เพื่อแลกกับเงิน เด็กหนุ่มสนใจเนื้อหาที่เขาเขียนมาก หลังจากนั้นพวกเขาจึงได้ผูกมิตรคบกันเป็นสหาย
แม้เว่ยจื่ออี้จะต้องการพบสหายคนนี้มากเพียงใดก็ตาม แต่ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะไม่อยากเปิดเผยตัวตนมากนัก
เมื่ออีกฝ่ายเสนอให้เขียนจดหมายพูดคุยกันเว่ยจื่ออี้จึงได้ตอบตกลง
ทั้งสองแลกเปลี่ยนเรื่องราวผ่านทางจดหมายหลายอย่าง สารทุกข์สุขดิบ เรื่องราวของสหายจื่ออี้คนนี้ทั้งแปลกประหลาดและดูลึกลับ แม้กระทั่งรูปแบบในการเขียนของเขาดูทั้งแข็งแกร่งและทรงพลัง ภาพลักษณ์ในหัวของเว่ยจื่ออี้ สหายของเขาผู้นี้จึงเป็นชายหนุ่มที่ดูเก่งกาจอาจหาญ
เมื่อเว่ยจื่ออี้อยากเตรียมของขวัญให้กับน้องฝาแฝดทั้งสอง สหายของเขาจึงเสนอให้วาดหนังสือภาพให้เด็กๆ เว่ยจื่ออี้เห็นว่าเป็นความคิดที่ดีมาก แต่เมื่อลงมือทำเขาพบว่าตัวเองไม่มีเวลามากพอที่จะวาดภาพออกมาได้
สหายของเขาจึงได้อาสาวาดให้ ในตอนแรกเว่ยจื่ออี้คิดว่าภาพวาดของเขาคงจะเป็นนกอินทรี หรือสัตว์ดุร้าย แต่ทว่ากลับเป็นรูปสัตว์น่ารักที่เหมาะสมกับเด็กๆ
สหายของเขาผู้นี้แม้จะเป็นคนที่เก่งกาจ แต่ก็ยังมีความไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อย เด็กหนุ่มคลี่ยิ้ม เขาวางหนังสือภาพลงในห่อผ้าอย่างระมัดระวัง เว่ยจื่ออี้เขียนจดหมายเล็กๆวางไว้ใต้กระถางดอกไม้ที่ขอบหน้าต่างก่อนจะออกจากร้านไป ไม่นานหลังจากที่เว่ยจื่ออี้จากไป ฝนก็เริ่มตกลงมา ร่างเพรียวบางร่างหนึ่งยืนถือร่มอยู่ที่นอกหน้าต่าง จดหมายฉบับนั้นถูกดึงออกไป
“ขอบคุณแทนน้องสาวและน้องชายของข้าด้วย”
เมื่ออ่านจบใบหน้าที่เห็นเพียงครึ่งล่างก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม
….
จวนอู่โหว
ซานเป่าหยิบมีดสองเล่มออกมาจากแขนเสื้อของตัวเองนางยื่นให้กับหวังหยู
“สวยหรือไม่?”
หวังหยูมองอย่างพิจารณาแล้วพยักหน้ารับ
“ข้าเตรียมของสิ่งนี้ให้มู่เป่า เงินเก็บของข้าหายหมดเลย” ซานเป่าว่าบราวนี่ออนไลน์
“ข้าต้องอดขนมไปหนึ่งเดือน”
ซานเป่าพึมพำแต่นี่เป็นของขวัญวันเกิดของมู่เป่า หวังหยูหยิบเงินส่วนตัวของเขามอบให้กับเจ้านาย เขาเป็นทาสในบ้านจึงมีเงินเดือนทุกเดือน
“ไว้ซื้อขนม” หวังหยูกล่าว
วันเกิดมาถึงในพริบตา
ถังหลี่และเว่ยฉิงตื่นแต่เช้า ที่จวนอู่โหวเริ่มวุ่นวาย แขกคนแรกที่มาถึงเป็นฮูหยินกู้และฝางเหมี่ยวลูกสะใภ้คนโต พร้อมกับพี่ชายของนางกู้หวนเนี่ยน ในอ้อมแขนของฝางเหมี่ยวมีเด็กทารกจ้ำม่ำคนหนึ่ง เด็กน้อยเป็นบุตรชายของกู้หวนเนี่ยนและฝางเหมี่ยว เขาอายุได้สี่ห้าเดือนแล้ว เป็นเด็กกล้าหาญไม่กลัวใคร ดวงตาของเด็กน้อยกลอกไปมาดูนั่นนี่อย่างตื่นเต้น
เมื่อถังหลี่ได้ยินว่าพวกเขามาถึงแล้วนางรีบไปทักทายต้อนรับทันที ถังหลี่พูดคุยกับมารดาและฝางเหมี่ยวได้สองสามคำจากนั้นนางจึงเข้าไปกอดหลานชาย
เด็กเล็กๆมักจะชอบถังหลี่ หลานชายของนางซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของท่านอาของตน ราวกับไม่ยอมจากไปง่ายๆ เมื่อกู้หวนเนี่ยนเข้ามาอุ้ม เด็กน้อยก็ร้องไห้จ้าออกมาทันที สุดท้ายฝางเหมี่ยวต้องเข้ามาปลอบโยนบุตรชาย ไม่นานหลังจากนั้นกู้หวนจิ่นและองค์หญิงจิ้งชูก็มาถึง
องค์หญิงจิ้งชูคุ้นเคยกับจวนอู่โหวเป็นอย่างดี เมื่อนางมาถึง หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปเล่นกับมู่เป่าและถังเป่าทันที ความชื่นชอบของนางคือการกลั่นแกล้งมู่เป่าด้วยขนม นางหลอกล่อให้เด็กน้อยทำท่าตลกๆ หลังจากที่แกล้งมู่เป่าจนพอใจแล้ว องค์หญิงจิ้งชูเบนเป้าหมายไปกลั่นแกล้งถังเป่าแทนแต่ทว่าเด็กหญิงไม่หลงกลนาง ถังเป่าหันก้นให้จิ้งชูดูแทน
“ยัยตัวแสบ” องค์หญิงจิ้งชูหัวเราะออกมา
ไป่มู่หยางกับตันเหนียงก็มาถึงเช่นกัน นางมอบของขวัญเป็นเสื้อผ้าเด็กที่นางตัดเย็บด้วยตัวเอง ฮั่วจีว์มาสายที่สุด อีกทั้งยังมาคนเดียวไร้คู่เหมือนเช่นเดิม ชายหนุ่มจึงไปขลุกอยู่กับหลานชายอย่างเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยแทน
ถังหลี่กับเว่ยฉิงอาบน้ำให้เด็กน้อยทั้งสองคน พวกเขาสวมเสื้อผ้าใหม่ จากนั้นจึงได้อุ้มเด็กแฝดไปยังห้องโถงด้านหน้าซึ่งมีแขกเหรื่อมากมาย
มู่เป่ากลอกดวงตาดำขลับไปมาอย่างสงสัย เขาชอบความตื่นเต้นโดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาเช่นนี้
เว่ยฉิงสอนให้เด็กน้อยเรียกขานผู้คน มู่เป่าส่งเสียงเรียกตามบิดาอย่างน่าเอ็นดู ทำให้ใครๆ หลายคนหลงรักเขาในทันที
ส่วนถังเป่ากลับนอนอย่างขี้เกียจอยู่ในอ้อมแขนของถังหลี่ เมื่อถังหลี่บอกให้นางเรียกใครบางคน เด็กน้อยก็ทำตามอย่างว่าง่าย การออกเสียงที่ชัดเจนกว่ามู่เป่าทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ
หลังจากเรียกตามมารดาหลายครั้งดวงตาของนางก็ปรือคล้ายจะง่วงนอน
“ความจริงนางยังไม่ง่วงหรอก แต่นางไม่อยากให้เรายุ่งด้วยเลยแกล้งทำเป็นง่วงนอน” องค์หญิงจิ้งชูเปิดโปงหลานสาวอย่างไม่ไว้หน้า
“ถังถัง ถังเป่าเหมือนเจ้ามากเลย ยัยตัวแสบน้อย” ถังหลี่ยิ้มเมื่อได้ฟังคำพูดขององค์หญิงจิ้งชู
“เช่นนั้นข้าจะถือว่าเจ้าชมข้าและถังเป่า”
“ถังเป่ากับมู่เป่าของเรามีความสุขมากเลยสินะ มีคนมากมายมาหลงรักเช่นนี้” ถังหลี่กวาดสายตามองไปรอบๆ
ตอนนี้ในห้องโถงมีโต๊ะขนาดใหญ่วางอยู่บนโต๊ะมีสิ่งของมากมายทั้งพู่กัน หมึก ดาบ ลูกคิด เข็มด้าย รวมถึงตำราเรียน
“ถังเป่า มู่เป่า เจ้าเลือกของที่เจ้าชอบมาสิ” ถังหลี่พูด
ถังเป่านั่งอยู่เฉยๆ ไม่ยอมขยับในขณะที่มู่เป่าลุกไปหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมาแล้ววางลง พวกเขามองตามเด็กน้อยทั้งสองด้วยสายตาระทึก แม้จะกล่าวว่าเป็นแค่การเสี่ยงทาย เพราะจับสิ่งของขึ้นมาแล้วก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จกับสิ่งของที่หยิบขึ้นมาเสียเมื่อใด แต่โดยพื้นฐานแล้ว ทุกคนย่อมอยากให้อนาคตของเด็กทั้งคู่ออกมาดีงามเช่นกัน
ถังหลี่เริ่มกังวล นางมีความอยากรู้ตามประสามมารดาทั่วไป ว่าบุตรทั้งสองของนางจะเสี่ยงทายหยิบของอะไรขึ้นมาบ้าง