เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 657 การข่มขู่
บทที่ 657 การข่มขู่
ทุกคนมีความคิดของตัวเองอยู่ในใจ อย่างเช่น เว่ยจื่ออั๋งคิดว่าการอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เกิดปัญญา เขาจึงหวังให้มู่เป่าชอบอ่านตำราพันอักษรเหมือนเขา
กู้หวนจิ่นคิดว่าศิลปะการต่อสู้เป็นเรื่องดี สกุลกู้และสกุลอู่ต่างเป็นตระกูลร่ำรวยไม่ขัดสนเงินทองแต่อย่างใด หากหลานชายได้เรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวเอาไว้จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเขา
ฮูหยินซูกลับคิดว่าการเป็นหมอเป็นสิ่งที่ดี ในชีวิตนี้นางและหมอซูไม่ได้มีบุตรด้วยกัน คงจะดีไม่น้อยหากมู่เป่าหรือถังเป่าเป็นหมอเพื่อสืบทอดวิชาการแพทย์ของสกุลซูสืบไป
ส่วนตันเหนียง มีความเห็นว่าการเย็บปักถักร้อยเป็นงานฝีมือ อีกทั้งการปักผ้าเป็นเรื่องที่สนุกสนาน ถ้าถังเป่าชอบ นางยินดีที่จะถ่ายทอดวิชาให้
ในตอนนั้นเองมู่เป่าที่อยู่บนโต๊ะเอื้อมมือป้อมๆ ของตนไปคว้าเข็มและด้ายมาใส่ไว้ในกระเป๋าเล็กๆ ของตัวเอง ทำให้ตันเหนียงแปลกใจ นางไม่คิดว่าเด็กผู้ชายแบบมู่เป่าจะหยิบจับของแบบนี้ แต่ถ้าหากมู่เป่าชอบก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าจะเป็นเด็กชายหรือหญิง นางยินดีที่จะถ่ายทอดทุกอย่างให้
ทว่ามู่เป่าเป็นเด็กละโมบ ดูเหมือนว่าเข็มกับด้ายจะไม่เพียงพอสำหรับเขา เด็กชายคว้าเอาตำราพันอักษรมาไว้ในมืออวบอ้วนของตัวเอง
“มู่เป่าชอบอ่านหนังสือล่ะ” เว่ยจื่ออั๋งพูดอย่างมีความสุข
“ดูเฉลียวฉลาดแบบนี้ในภายหน้าต้องได้เป็นขุนนางอย่างแน่นอน” ฮูหยินกู้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าจะคอยปกป้องเขาเอง” สวี่เจวี๋ยพูดขึ้นมา
ในตอนที่มู่เป่าโตพอที่จะรับราชการได้อย่างน้อยก็น่าจะอีกสักสิบห้าหรือสิบหกปี ในตอนนั้นเขาคงเป็นขุนนางระดับสูงไปแล้ว
“ข้าด้วย” เว่ยจื่ออั๋งว่า
มู่เป่าคว้าเอาตำราพันอักษรใส่กระเป๋าของตัวเอง จากนั้นจึงคว้าดาบ ถุงยาและลูกคิดด้วยมือเล็กป้อมของเขา สุดท้ายแล้วกระเป๋าของมู่เป่าใส่ของอย่างอื่นต่อไปไม่ได้อีก เด็กชายจึงหยุดมือ
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง เจ้าก้อนแป้งต่อไปจะยึดอาชีพไหนกันแน่?
เว่ยฉิงหัวเราะเบาๆ เขายื่นมือไปตบก้นอวบอ้วนของบุตรชาย
“ข้ากล้าพูดได้เลยว่ามู่เป่าของเราจะเป็นคนเก่งรอบด้านแน่นอน”
พวกเขาหัวเราะพรืดใหญ่ออกมา ถังเป่ายังคงนั่งเกียจคร้าน จนเว่ยฉิงสะกิดที่แก้มของบุตรสาว
“สาวน้อยรีบหยิบสักอันหนึ่งเร็ว”
ทุกคนต่างครุ่นคิดว่าถังเป่าจะเลือกอะไร เด็กน้อยคนนี้ช่างขี้เกียจเหลือเกิน พวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่านางจะชอบอะไร ถังเป่ายื่นมือของตัวเองไปคว้ามู่เป่าที่กำลังคลานผ่านนางไป เด็กชายที่กำลังคลานไปข้างหน้าหันมามองอย่างสงสัย
เหตุใดเขาคลานต่อไม่ได้ล่ะ?
เมื่อหันกลับไปมู่เป่าเห็นว่าพี่สาวกำลังมองเขาอยู่
“พี่..พี่สาว” เด็กน้อยคลี่ยิ้มออกมา
“ถังเป่าจับมู่เป่าได้” ฝางเหมี่ยวพูดเสียงดัง
องค์หญิงจิ้งชูเดาะลิ้นของนางสองครั้ง
“ราชินีตัวน้อยแสนรู้จริงๆ แค่มีมู่เป่าเพียงคนเดียว ก็สบายแล้ว”
พวกเขาต่างนึกภาพที่มู่เป่ากลายเป็นวัวเป็นม้าให้กับพี่สาวตัวเองอยู่ในใจ ส่วนมู่เป่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เขาได้แต่คลี่ยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสาเท่านั้น การเสี่ยงทายจึงจบลงไปเช่นนั้น
ขั้นตอนต่อไปเป็นการสวมกุญแจอายุยืนและรองเท้าหัวเสือให้แก่เด็กๆทั้งสองคน
วันนี้แขกเหรื่อที่มาในงานล้วนแต่เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาและคนในครอบครัวเดียวกันทั้งสิ้น ในช่วงของงานเลี้ยงอาหารจึงเป็นกันเองและไม่ได้มีพิธีรีตองมากนัก ทุกคนพากันรื่นเริงและมีช่วงเวลาที่มีความสุข
หลังจากที่แขกเหรื่อกลับไปในช่วงบ่าย จวนอู่โหวก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เด็กน้อยทั้งสองเพลียและง่วงนอน ถังหลี่และเว่ยฉิงจึงได้กล่อมพวกเขาเข้านอน
“ฮูหยินเจ้าคะ” บ่าวผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาถังหลี่ เรียกนางเสียงเบา
ถังเป่าและมู่เป่ามีแม่นมสองคน พวกนางเป็นหลานสาวของแม่บ้านจวนอู่โหว ทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน และให้กำเนิดเด็กทารกด้วยกันทั้งคู่ คนหนึ่งชื่อฟูเหนียงอีกคนชื่อว่าหยุนเหนียง ฟูเหนียงเป็นคนมีความมั่นใจ ส่วนหยุนเหนียงเป็นคนขี้อาย ทั้งสองคนคอยดูแลเด็กน้อยอย่างเอาใจใส่และระมัดระวัง ทำให้ถังหลี่พอใจมาก ฟูเหนียงเป็นคนเก่ง เมื่อเด็กทั้งสองคนหย่านม ถังหลี่จึงได้มอบหน้าที่เลี้ยงดูเด็กทั้งสองให้นาง
เมื่อเห็นใบหน้าของฟูเหนียงดูจริงจังราวกับมีเรื่องใหญ่โต ถังหลี่ส่งเด็กทั้งสองคนให้กับเว่ยฉิง นางยืนขึ้นแล้วดินตามฟูเหนียงออกมานอกห้อง
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ถังหลี่ถาม
“ฮูหยิน เมื่อครู่ข้าได้พาผู้คนไปจัดการของขวัญที่มอบให้คุณหนูและนายน้อย ข้าพบของบางอย่างเจ้าค่ะ” ฟูเหนียงยื่นกล่องใบหนึ่งให้ถังหลี่
“มันเป็นของอัปมงคล ลองดูสิเจ้าคะ” แม้ว่าถังหลี่จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่นางก็รู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นว่าด้านในคือผ้าที่เปื้อนเลือด มีคนเอาผ้าเปื้อนเลือดมาให้เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบหนึ่งขวบแก่เด็กๆ ด้วยหรือ? มันคือคำสาปหรือการข่มขู่กันแน่? ดวงตาของถังหลี่ฉายแววเย็นยะเยือก ลูกๆ คือสมบัติล้ำค่าของนาง
ใครกันที่กล้ามาทำร้ายลูกของนาง ?
“ถูกส่งมาในกองของขวัญหรือ?”
“เจ้าค่ะ ข้าตรวจสอบแล้วกล่องใบนี้ไม่ได้อยู่ในรายการของขวัญเจ้าค่ะ
แขกที่มาในวันนี้ล้วนแต่เป็นญาติมิตรที่สนิทกันดังนั้นย่อมไม่ใช่ของขวัญจากพวกเขาเป็นแน่ อีกทั้งยังไม่ปรากฏในรายชื่อของขวัญ บางทีอาจจะมีคนเอาเงินมาติดสินบนคนในจวนอู่โหวเพื่อแอบยัดกล่องใบนี้เข้ามาในกองของขวัญก็เป็นได้ วันนี้มีคนไปมามากมาย จึงง่ายต่อการที่จะมีคนภายนอกลักลอบ
“มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง”
“เมื่อครู่ข้ากำชับคนอื่นว่าอย่าบอกใครแล้วมารายงานฮูหยินเจ้าค่ะ” ฟูเหนียงกล่า
“ทำได้ดีมาก” ถังหลี่กล่าว
นางไม่อยากให้งานวันเกิดที่แสนวิเศษของลูกๆ ถูกทำลายด้วยผ้าผืนนี้ และไม่อยากให้เรื่องราวแพร่กระจายจนกลายเป็นหัวข้อในวงสนทนาของคนอื่น
ถังหลี่จ้องไปที่ผ้า ..ใครกัน?
ในตอนนั้นเองมีมือมาวางบนไหล่ถังหลี่ เมื่อนางหันไปก็พบว่าว่าริมฝีปากของชายคนนั้นเม้มเข้าหากันแน่น เขาย่อมได้ยินบทสนทนาของพวกนาง เว่ยฉิงใช้มือเปล่าหยิบผ้าผืนนั้นมันดม
“ไอ้สารเลว..” เว่ยฉิงดูจริงจัง
“ฮูหยิน ข้าจะตามหาคนร้ายให้เจอ
เว่ยฉิงก็เหมือนถังหลี่ สำหรับเขาแล้วครอบครัวมีความสำคัญเหนืออื่นใด เมื่อมีเรื่องมากระทบกระทั่งครอบครัวของเขา เว่ยฉิงจะไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ เขาจะต้องสืบให้ถึงที่สุด
เว่ยฉิงนำกล่องและผ้าเปื้อนเลือดไปตรวจสอบ เพื่อสืบหาว่าใครเป็นคนให้กล่องนี้มา
เขาและภรรยาคิดแบบเดียวกันว่าไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งวันนี้เป็นวันมงคลของเด็กๆ ยังต้องแปดเปื้อนไปด้วยเรื่องเช่นนี้อีก
เว่ยฉิงเป็นถึงเจ้ากรมอาญาเขาจึงคุ้นเคยกับการสืบสวน ไม่นานนักก็พบคนที่นำกล่องเข้ามาวาง เขาเป็นบ่าวรับใช้ของจวนอู่โหว ซึ่งติดหนี้ที่บ่อนพนันเป็นจำนวนมาก มีคนมาหาเขาแล้วติดสินบนว่า หากเขานำกล่องใบนี้เข้าไปใส่ในกองของขวัญเขาจะได้รับเงินจำนวนหนึ่ง เว่ยฉิงถามถึงลักษณะของคนที่นำกล่องมาให้ เมื่อสืบจากเบาะแสภายในสองวันเขาก็ได้รับคำตอบ
“เป็นสาวใช้ข้างกายขององค์หญิงอันเยว่” เว่ยฉิงกล่าว
ถังหลี่ว่าแล้วว่าต้องเป็นนาง! ทั้งๆ ที่หลูเสวี่ยนได้รับโทษที่สมควรได้รับแล้ว แต่อันเยว่ยังตำหนิว่าเป็นความผิดของถังหลี่ ทั้งหมดนี้คงเป็นเพราะนางรู้สึกว่าบุตรชายของนางต้องทนทุกข์อยู่ในคุก นางจึงไม่อยากให้ถังหลี่มีความสุข
เหตุการณ์นี้ทำให้ถังหลี่โกรธมากในดวงตาของนางมีแสงเย็นวาบ ในเมื่อตอนนี้องค์หญิงอันเยว่ต้องการทำร้ายนาง นางก็จะตอกกลับ ตราบใดที่นางทำร้ายลูกๆ ของถังหลี่ หญิงสาวจะตอบแทนกลับไปเป็นสองเท่า นางคงไม่ใจดีปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแน่นอน!