เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 669 การตัดสินใจของถังหลี่
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 669 การตัดสินใจของถังหลี่
บทที่ 669 การตัดสินใจของถังหลี่
“องค์ชายหกยังมีชีวิตอยู่” ถังหลี่ยังมั่นใจ
“ข้าจะส่งคนไปตามหาเขา”
ถังหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่สามีของนางลงมือรวดเร็ว แต่หญิงสาวยังคงไม่สบายใจ นางนึกถึงเรื่องราวในอดีตตอนที่องค์ชายหกตกลงมาจากกำแพงสู่อ้อมแขนของนาง เด็กหนุ่มที่ตามติดเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเพื่อมากินข้าวที่บ้านสกุลอู่ เด็กหนุ่มที่อวดไม้ตีขนไก่อย่างภาคภูมิใจ
ที่จริงแล้ว เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ถังหลี่กลับจำได้อย่างชัดเจน หญิงสาวนอนไม่หลับ นางนอนคุยกับเว่ยฉิง ค่อนคืนผ่านไปคนในอ้อมแขนของเว่ยฉิงก็หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เมื่อชายหนุ่มเห็นว่านางหลับสนิทแล้วเขากดจูบที่หน้าผากของนางก่อนจะหลับตามไปเช่นกัน
หญิงสาวตกอยู่ในห้วงความฝัน นางพบเทียนเต๋าอีกครั้ง ในความฝันเทียนเต๋านั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีเกียจคร้าน
หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานถังหลี่เห็นเขาเปลี่ยนไปมาก ผมดกดำดูมีน้ำหนัก ตัวใหญ่ขึ้นและใบหน้าที่มีความสุข
“ลูกสาว เจ้ากำลังมองหาข้าอยู่หรือ?” เด็กหนุ่มมองถังหลี่
“นั่งลงสิ” เก้าอี้ตัวหนึ่งปรากกฎขึ้น ถังหลี่นั่งลงด้วยท่าทีสุภาพข้างเขา
“ข้าสังหรณ์ใจว่าเจ้าอยากพบข้า ข้าเลยมาหา” เด็กหนุ่มพูด
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?”
“ตอนนี้จ้าวจิ่งซวนเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่ถามตรงไปตรงมา
“ไม่ค่อยดี” เทียนเต๋าส่ายศีรษะไปมา หัวใจของถังหลี่เต้นถี่รัว
“เกิดอะไรขึ้นหรือ? เขามีชีวิตอยู่หรือไม่?”
“ยังมีชีวิตอยู่” ถังหลี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“แต่ยังคงมีอันตราย” หัวใจของนางทำงานหนักอีกครั้ง
“ตอนนี้สถานการณ์ของเขาเป็นอย่างไรบ้าง” ถังหลี่ถาม เทียนเต๋าหลับตาลงจากนั้นภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไป ตรงหน้าของนางมีจุดแสงกระจายอยู่ โดยที่จุดแต่ละจุดเป็นตัวแทนของผู้คน
ในบรรดาแสงที่สว่างที่สุดคือลูกสาวของเขา เว่ยฉิง และจ้าวชู… เดิมทีก่อนหน้านี้จ้าวชูเป็นจุดแสงที่สว่างสดใสมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับหมองลง แต่ดวงดาวที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดกลับเป็นของจ้าวจิ่งซวน เขาเป็นดาวจักรพรรดิที่เคยส่องแสงสว่างรองจากถังหลี่และเว่ยฉิง ตอนนี้ดาวดวงนั้นหรี่แสงลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลอยห่างไกลออกไป จ้าวจิ่งซวนกำลังตกอยู่ในอันตราย
เทียนเต๋าเงยหน้าขึ้นหันไปมองถังหลี่ด้วยใบหน้าจริงจัง
“ลูกสาว เจ้าอยากช่วยจ้าวจิ่งซวนจริงๆหรือ?” ถังหลี่พยักหน้า
“แม้ว่าจะนำภัยมาสู่ตัวเจ้าหรือ?”
หลังจากให้กำเนิดบุตรฝาแฝด ถังหลี่รักชีวิตของตัวเองมากขึ้น นางอยากมีเวลาที่จะได้เฝ้ามองเด็กๆเติบโตอย่างแข็งแรง ได้เห็นพวกเขาแต่งงานมีครอบครัว ….
แต่นางก็ไม่อาจทนมองดูจ้าวจิ่งซวนหายไปเช่นนั้นได้ จ้าวจิ่งซวนเป็นเด็กดี นางเชื่อว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีในภายหน้า ถังหลี่พยักหน้าอีกครั้ง
“ลูกสาว ครั้งนี้เจ้าต้องลงมือทำด้วยตัวเอง โชคปลาหลี่ของเจ้าจะสามารถช่วยให้เขามีชีวิตรอดได้”
“แต่ระหว่างการเดินทางนี้เจ้าจะตกอยู่ในอันตราย ต้องระวังตัวนะ”บราวนี่ออนไลน์
“ข้าจะเป็นคนนำเจ้าไปหาเขาเอง”
“ขอบคุณ” ถังหลี่กล่าวขอบคุณ ทำให้เทียนเต๋ารู้สึกตื้นตันขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ก็อย่างที่รู้กัน ลูกสาวของเขาชอบหลอกใช้เขาเสมอ ปกติแล้วผู้คนส่วนใหญ่จะเคารพเขา แต่ถังหลี่กลับไม่ใช่ ตอนนี้นางเห็นความสำคัญของเขาขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่?
“ในที่สุดเจ้าสำนึกได้ถึงความใจดีของข้าแล้วสินะ” เขาพูดพลางกอดอกด้วยน้ำเสียงเขินอาย
“การเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง บางครั้งต้องขู่ บางครั้งก็ต้องหลอกล่อ ชมเชย และตกรางวัลให้บ้างเป็นธรรมดา” ถังหลี่พูดเรียบๆ
“…” ยัยปลาหลี่ตัวนี้นี่ปฏิบัติกับเทียนเต๋าอย่างข้า ราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงของนางจริงๆ ช่างกล้านัก!
ถังหลี่ยิ้มแล้วหายตัวจากโลกนี้ไป
เมื่อเว่ยฉิงตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็สว่างแล้ว หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขากอดเอวเว่ยฉิงไว้แน่น นางลืมตาตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้ว
“ฮูหยินเหตุใดตื่นเช้าจัง?” เว่ยฉิงถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียแหบแห้ง
“สามี ข้าได้พบเทียนเต๋าแล้ว…เขาบอกข้าว่าจ้าวจิ่งซวนตกอยู่อันตราย หากข้าไปตามหาเขาเอง เขาถึงจะรอดชีวิตได้” คำพูดของภรรยาฟังดูมีอันตรายแอบแฝงอยู่ไม่น้อย หัวใจของเว่ยฉิงกระตุกวูบ
“ข้าจะไปกับเจ้า” ถังหลี่ยิ้มแล้วลูบหน้าเขา
“ไม่..เจ้าต้องอยู่ในเมืองหลวง”
เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับจ้าวจิ่งซวน จ้าวชูย่อมอาศัยจังหวะนี้ทำให้เมืองหลวงเกิดความวุ่นวาย สามีของนางจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อจัดการเขา ยิ่งไปว่านั้นคือลูกๆ..ถังหลี่จะรู้สึกสบายใจมากกว่าหากสามีของนางอยู่ที่บ้าน
เหตุใดเว่ยฉิงจะไม่เข้าใจความคิดของภรรยา? เขารู้ว่าการตัดสินใจของภรรยาย่อมถูกต้องและมีเหตุผล แต่เหตุผลพวกนี้เขาไม่อาจยอมรับได้…เหมือนกับว่าเขายอมให้นางตกอยู่ในอันตราย
เว่ยฉิงฝังใบหน้าของตัวเองไว้ที่คอของถังหลี่ เหมือนกับสุนัขตัวใหญ่ที่ไม่ยอมรับความจริง ถังหลี่ลูบศีรษะของเขา
“ไม่ต้องห่วงสามี ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน ข้าคือปลาหลี่นำโชคนะ” หญิงสาวประคองใบหน้าของสามีเอาไว้
“สามีท่านอยู่ดูแลสถานการณ์ที่เมืองหลวง ส่วนข้าไปหาจ้าวจิ่งซวนเราจะร่วมต่อสู้เคียงข้างไปด้วยกันดีหรือไม่?”
“ไม่ดี” เว่ยฉิงพูดด้วยความเศร้าโศก รอยยิ้มของถังหลี่กว้างขึ้นเมื่อเห็นท่าทีแบบเด็กๆ นางรู้ว่าเขาเป็นห่วงนางถังหลี่อบอุ่นวาบขึ้นมาในหัวใจ หญิงสาวจูบสามีเบาๆ จนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะจูบกลับ หลังจากถอนจูบ ปลายจมูกของพวกเขาคลอเคลียรินรดลมหายใจอุ่นๆ เข้าหากัน
“สามี ข้ามีลางสังหรณ์ว่าเมื่อเรื่องนี้ผ่านไป เราจะเห็นแสงตะวันกันแล้ว” ถังหลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ท่านเชื่อหรือไม่?”
“ข้าเชื่อ” เว่ยฉิงตอบรับ
…..
ยามเช้าที่สำนักฮั่นหลิน
เมื่อเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยมาถึงที่ห้องทำงาน เขาเห็นคนจากวังหลวงสองคนอยู่ที่ด้านหน้าประตู
“นายหญิงของข้าอยู่ด้านใน ได้โปรดรอสักครู่” เขาบอกเด็กหนุ่มทั้งสองคน
พวกเขายืนรออยู่ที่ด้านนอก ไม่นานนักเขาก็เห็นสตรีใส่ชุดชาววังผู้หนึ่งเดินออกมา ใบหน้าของนางงดงาม ทว่าดูเหมือนคนอดนอนติดกันหลายคืน นางมองมาที่เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยอย่างอ่อนโยน
“เจ้าคือเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยใช่หรือไม่? จิ่งซวนพูดถึงพวกเจ้าบ่อยครั้ง” เมื่อเห็นพวกเขาทำท่าสับสน นางจึงพูดต่อว่า
“ข้าเป็นมารดาของจิ่งซวน ข้าอยากมาดูที่ๆ เขานั่งทำงาน
พระสนมเหลียงประทับนั่งอยู่ที่โต๊ะของบุตรชายเป็นเวลานาน ทอดพระเนตรหนังสือที่เขียนด้วยลายมือของเขา จินตนาการภาพที่เขาทำงานหนักเพียงใดก่อนจะไปเหลียงโจว นัยน์ตาของพระสนมเหลียงเป็นสีแดงระเรื่อ เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเห็นเข้าก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
“พระสนม องค์ชายหกจะต้องไม่เป็นอะไรพะย่ะค่ะ” เว่ยจื่ออั๋งกล่าว นางผงกพระเศียรรับ
“ใช่! เขาจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน พวกเจ้าไปทำงานกันต่อเถอะ ข้าขอโทษที่มารบกวน” นางรีบออกไปจากสำนักฮั่นหลิน เมื่อสนมเหลียงขึ้นไปบนรถม้า นางอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา
“พระสนมจะเสด็จกลับวังหลวงเลยหรือไม่พะย่ะค่ะ?” พระสนมเหลียงจำบุคคลที่บุตรชายของนางพูดถึงอยู่บ่อยครั้งได้ เขาเล่าว่านางเก่งกาจ และเป็นหญิงที่มีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก น้ำเสียงของจิ่งซวนเต็มไปด้วยความยกย่องและชื่นชม
“ไปที่จวนอู่โหว” พระสนมเหลียงตัดสินพระทัย