เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 671 ออกเดินทาง
บทที่ 671 ออกเดินทาง
ถังหลี่คิดว่าซานเป่าเป็นเด็กที่มีเส้นทางเดินต่างออกไปจากเด็กผู้หญิงในยุคนี้ นางไม่ได้มีความสุขกับการเรียนเย็บปักถักร้อย ความสุขของนางคือการได้จับดาบออกไปสนามรบมากกว่า
คนอื่นอาจจะมองแม่ทัพหญิงเป็นวีรสตรีแต่ในฐานะแม่แล้วนางย่อมคำนึงถึงความปลอดภัยของซานเป่ามากที่สุด ถังหลี่จึงให้ซานเป่าฝึกศิลปะการต่อสู้กับตู้เย่ ซานเป่าฝึกฝนมาได้หลายปี ทักษะของนางดีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วบ้านก็เป็นสถานที่ที่นางไม่อาจเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้
ว่ากันว่าการอ่านหนังสือหลายพันเล่มยังไม่ดีเทียบเท่ากับการเดินทางหลายพันลี้ สมควรที่จะมีประสบการณ์โดยตรงจึงจะนับได้ว่าเป็นการเรียนรู้ นี่จะเป็นครั้งแรกที่ซานเป่าจะออกไปเผชิญกับโลกกว้างโดยมีนางคอยดูแลอย่างใกล้ชิด นั่นจะทำให้ถังหลี่ได้สบายใจขึ้น
อีกทั้งซานเป่ายังมีทักษะการต่อสู้ที่ดีจากตู้เย่ นางจะไม่เป็นภาระหรือตัวถ่วงแต่อย่างใด หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วถังหลี่ก็รู้สึกว่าเป็นไปได้ที่จะให้นางไปด้วย
หญิงสาวมองไปยังเด็กน้อยที่รอคอยด้วยสายตาคาดหวัง
“ตกลง”
เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา ดวงตาสีเข้มของซานเป่าก็เปล่งประกายแวววาวขึ้นทันที นางมีความสุขมาก
“ท่านแม่ใจดีที่สุด ข้ารักท่านแม่” ในขณะที่นางพูด ซานเป่าหอมแก้มมารดาซ้ายขวาไปด้วย
“แต่ว่า อาจารย์ของเจ้าต้องไปกับเจ้าด้วย” ถังหลี่พูดอีกครั้ง
ซานเป่าคิดว่าเงื่อนไขนี้ไม่ได้ยากเลย เพราะแม้ว่าอาจารย์จะไม่เต็มใจแต่ตราบใดที่นางออดอ้อนอาจารย์ของนางจะยอมทุกอย่าง
“ได้ ข้าจะไปหาท่านอาจารย์ตอนนี้”
ซานเป่าวิ่งไปหาตู้เย่อย่างตื่นเต้น เขากำลังนอนหลับพิงต้นไม้อยู่ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเย็นชา ซานเป่าหยุดชะงักจากนั้นจึงไปนั่งยองๆ อยู่ข้างกายเขา
“ท่านอาจารย์”
ตู้เย่ลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมา
“ท่านอาจารย์ ท่านแม่บอกว่าจะพาข้าไปหาประสบการณ์ ท่านควรไปกับข้าด้วย”
ตู้เย่กอดอกไม่พูดอะไร
“ท่านอาจารย์หากท่านไปด้วยศิษย์คนนี้จะรับใช้ท่านเอง แต่ถ้าท่านไม่ได้ไปกับข้า ท่านจะไม่เห็นหน้าข้าอีกหลายเดือนเลยนะเจ้าคะ” ซานเป่าพูดพร้อมกะพริบตาออดอ้อน แต่เขายังคงเงียบ
“อาจารย์ ถ้าท่านไปกับข้า ข้าจะซักเสื้อผ้าให้ท่านเป็นเวลาหนึ่งเดือน” ซานเป่าว่า
“สามเดือน”
“ตกลง” นางกัดฟัน ในขณะที่ตู้เย่ยิ้มจางๆ
ใจร้าย!
อาจารย์ของนางเหมือนไต้ซือในพระคัมภีร์จริงๆ
ซานเป่าอารมณ์ดีที่ได้ออกไปหาประสบการณ์ นางวิ่งไปเก็บสัมภาระอย่างมีความสุข ในตอนที่นางกำลังเก็บของอยู่นั่นเอง หวังหยูตามติดซานเป่าอย่างใกล้ชิด เมื่อนางจัดของเสร็จแล้วเด็กสาวมองไปรอบๆ สีหน้าครุ่นคิด
“มีอะไรอีกนะ..” ในเวลานี้หวังหยูเข้ามาใกล้ซานเป่ามากขึ้นจนบังสายตาของนาง เด็กหนุ่มโตขึ้นและสูงขึ้นมาก ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาจนไม่ว่าใครก็ไม่อาจมองข้ามเขาไปได้
ตอนที่ดวงตาของเจ้านายสบกับเขา หวังหยูกำมือแน่นแทบไม่รู้ตัว ร่างกายของเขาตึงเครียดและกังวล เขารู้ว่านางกำลังจะเดินทางไกลเขาจึงอยากจะไปกับนางด้วยแทนที่จะรอเจ้านายอยู่ที่บ้าน
หวังหยูรู้สึกว่าตัวเองนิสัยเสีย เขามีความเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เขาควรอยู่รอเจ้านายเฉยๆ
“หวังหยูเจ้าไปกับข้าเพื่อหาประสบการณ์แปลกใหม่ได้นะ”
หัวใจของหวังหยูเต้นแรง รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายของเด็กหนุ่ม เขาพยักหน้ารับอย่างเร็ว
….
ตอนนี้ถังหลี่เก็บของเกือบจะเสร็จแล้ว เว่ยฉิงเดินตามภรรยาราวกับหางเล็กๆ
“ฮูหยิน ข้าจะให้องครักษ์เงาสิบคนติดตามเจ้าไป” เว่ยฉิงว่า
ถังหลี่มองสามี เพราะการก่อกบฏขององค์หญิงใหญ่ในคราวก่อนทำให้พวกเขาต้องสูญเสียองครักษ์เงาไปจำนวนหนึ่ง ตอนนี้เหลือเพียงแค่สิบห้าคนเท่านั้นแต่สามีของนางจะให้ติดตามตัวเองถึงสิบ..
“สามี ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้คนมากมายขนาดนั้น ตอนนี้สถานการณ์ที่เมืองหลวงอ่อนไหวมาก ต้องใช้กำลังคนเพื่อเป็นแขนขาให้กับท่าน”
“ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าเจ้าอีกแล้ว”
ตัวเขาไม่มีค่า การแก้แค้นหรืออำนาจทุกอย่างไม่ได้สำคัญเท่าภรรยาของเขาเลย ถังหลี่ชะงักไปครู่หนึ่ง นางมองใบหน้าของสามี หัวใจพลันอบอุ่น
“ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการได้” เว่ยฉิงลูบหัวนาง เขาช่วยตรวจดูสัมภาระทุกอย่างของถังหลี่ว่ามีครบหรือยัง คันธนู หน้าไม้ ยารักษาแผล ต้องเอาเงินไปมากหน่อย..เพราะเงินเท่านั้นที่บันดาลทุกอย่างได้
เว่ยฉิงอยากจะยัดตัวเองของไปในห่อสัมภาระของภรรยาจริงๆ แต่เมื่อมองรูปร่างที่ใหญ่โตของเขา…ชายหนุ่มสลัดความคิดไร้สาระนี้ออกไป
หลังจากที่ทั้งสองเก็บของเสร็จแล้ว พวกเขาก็ไปหามู่เป่าและถังเป่าด้วยกัน
“แม่จะไม่อยู่สักพัก พวกเจ้าจะไม่เจอหน้าแม่อีกนานเลย แม่ได้แต่หวังให้พวกเจ้าสบายดี” ถังหลี่บีบแก้มนิ่มๆ ของลูกแฝดทั้งสองคน
มู่เป่าไม่เข้าใจคำพูดของมารดา เขาคิดว่านางกำลังเล่นด้วยจึงหัวเราะคิกคัก ส่วนถังเป่านั่งเกียจคร้าน แม้ใบหน้าของนางจะเฉยเมยแต่มือเล็กๆของเด็กหญิงเอื้อมไปดึงเสื้อของมารดาเงียบๆ ในความคิดของนางมีอยู่อย่างเดียวคือ ตราบใดที่ยังจับไว้แน่นๆ ท่านแม่ก็ไม่อาจไปไหนได้
ถังหลี่สังเกตมือเล็กๆ ในตอนที่กำลังอุ้มบุตรสาวขึ้นมา เมื่อมองใบหน้าอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา หัวใจของถังหลี่เกิดความอาวรณ์ นางคิดถึงลูกทั้งสองมาก มู่เป่ามองมารดาที่อุ้มพี่สาวไว้ในวงแขนด้วยสายตาไร้เดียงสา ไม่รู้อะไรเลย
“แม่จะรีบกลับ”
มู่เป่าหัวเราะคิกคัก
“กินให้มากแล้วก็นอนเยอะๆ นะ”
มู่เป่ายังคงหัวเราะ ในขณะที่ถังเป่ารู้สึกหดหู่ น้องชายของนางช่างโง่เขลานัก!
แม้จะไม่อยากจากลากัน แต่เมื่อถึงรุ่งเช้าพวกเขาก็ต้องออกเดินทางตามหมายกำหนดเวลาเดิม
ในตอนเช้าเมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น ถังหลี่สวมเสื้อคลุมหนาๆ ไว้ เผยให้เห็นใบหน้าที่เล็กๆ ของนางเท่านั้น ซานเป่า ตู้เย่และหวังหยู ตื่นมารอที่ห้องรับแขกแต่เช้า เมื่อเห็นหญิงสาวพวกเขาจึงเดินไปที่ประตูด้วยกัน
ที่ด้านนอกมีรถม้าจอดรออยู่ องครักษ์เงาหลายคนยืนอยู่ที่ด้านหลังจูงม้าเอาไว้ บ่าวรับใช้สองคนนำม้ามาให้ตู้เย่และหวังหยู
“ซานเป่า เจ้าขึ้นไปบนรถม้าก่อน” เว่ยฉิงลูบหัวของเด็กหญิง ก่อนที่ซานเป่าจะขึ้นรถม้าไป เว่ยฉิงจูงมือถังหลี่ไปที่มุมหนึ่งเขาจูบนางก่อนจะปล่อย ปลายจมูกของคนทั้งสองแนบชิดกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“ขอให้เจ้าเดินทางปลอดภัย” เว่ยฉิงว่า
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
หญิงสาวกัดฟันแล้วผละออกจากอ้อมแขนของเว่ยฉิง นางหันหลังขึ้นรถม้าไปโดยไม่หันกลับมามอง
“ไปเถอะ” เสียงของถังหลี่ดังออกมาจากรถม้า เมื่อรถม้าเคลื่อนที่องครักษ์หลายคนขี่ม้าตามไป เว่ยฉิงมองดูขบวนออกเดินทางไปจนลับสายตา แต่เขาก็ยังคงยืนมองอยู่เช่นนั้นสักพัก
ถังหลี่กับซานเป่าอยู่ในรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นออกไปหญิงสาวเปิดม่านรถม้ามองย้อนไปทางเดิม รถม้าเลี้ยวสองสามครั้ง หญิงสาวจึงไม่เห็นอะไร ทว่าถังหลี่ยังคงเฝ้ามองอยู่เช่นนั้น
ซานเป่ารู้ว่ามารดาของตัวเองไม่อยากแยกจากท่านพ่อ นางใช้เวลานานกว่าจะปิดม่านลง
เด็กหญิงเข้าไปกอดเอวของมารดาแล้วปลอบนางเงียบๆ ถังหลี่ลูบศีรษะของบุตรสาว คิดว่าอย่างน้อยการเดินทางในครั้งนี้ก็มีเจ้าตัวนุ่มนิ่มผู้นี้ไปกับนางด้วย การเดินทางที่ยาวนานคงไม่หดหู่เกินไปนัก