เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 680 ตกอยู่ในความสิ้นหวัง
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 680 ตกอยู่ในความสิ้นหวัง
บทที่ 680 ตกอยู่ในความสิ้นหวัง
ทันใดนั้นจ้าวจิ่งซวนทำท่าโกรธ กระโดดเข้าคว้าคออาฮวา
“ข้าเป็นคนนอกเผ่าเข้ามาที่นี่อย่างไม่ตั้งใจ พวกเขาสองคนต้องการจะจับข้าไปเผาทั้งเป็น ข้าเลยวางยาให้พวกเขาไร้เรี่ยวแรงและขู่ให้พวกเขาหาทางออกจากหมู่บ้านให้ข้า”
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านางเสีย”
จ้าวจิ่งซวนใช้กำลัง อาฮวาทำสีหน้าเจ็บปวด
อามู่เข้าใจเจตนาของเขา อาซวนต้องการตีตัวออกห่างจากพวกเขา ไม่ว่าคนในหมู่บ้านจะเชื่อหรือไม่ก็ตามที เขาได้แต่ต้องลองดู!
“อย่าทำร้ายน้องสาวของข้าเลย… ” อามู่แสดงความกังวล
“บอกให้พวกเขาถอยไป!” จ้าวจิ่งซวนเล่นตามบท
อามู่มองไปยังผู้นำหมู่บ้าน เขาเป็นชายวัยกลางคนใส่เสื้อคลุม
“ท่านพ่อมด ได้โปรดช่วยน้องสาวของข้าด้วยเถอะ” พ่อมดของหมู่บ้านจ้องเขม็ง จากนั้นจึงเบนสายตาไปยังทิศหนึ่ง เพียงครู่เดียวลูกธนูยาวพุ่งออกมาจากทิศนั้น ยิงตรงไปที่แขนของจ้าวจิ่งซวน แขนของเขาเจ็บแปลบจนต้องปล่อยมือจากอาฮวา เมื่อแขนคลายออกอามู่จึงได้ดึงตัวน้องสาวไป
ชาวบ้านรีบเข้ามาคุมตัวจ้าวจิ่งซวน
อามู่กอดอาฮวาไว้แน่น คุนเข้ามาเตะจ้าวจิ่งซวนอย่างแรง จากนั้นจึงได้ชายตาไปยังพี่น้องสองคนอย่างชั่วร้าย
อามู่กอดน้องสาวไว้ เขาจ้องตากลับอย่างไม่กลัวเกรง
จ้าวจิ่งซวนถูกพาตัวไป อามู่และอาฮวาถูกพากลับไปบ้านของพวกเขาเช่นกัน มีชาวบ้านคอยเฝ้าประตูเอาไว้
เมื่อพี่ชายและน้องสาวเข้าไปในห้อง ทันทีที่ประตูปิดอาฮวาร้องไห้ออกมา
“อาซวน..”
“อาซวนทำเช่นนี้เพื่อปกป้องพวกเรา หากเราปลอดภัยแล้วเราต้องหาทางช่วยเหลือเขา”
อาฮวาพยักหน้า นางย่อมรู้ดี ตามกฎของหมู่บ้าน หากผู้ใดรับคนภายนอกมาให้ที่พักพิงจะถูกชาวบ้านลงโทษ โดยการขว้างก้อนอิฐใส่ หากรอดชีวิตแสดงว่าเทพเจ้ายกโทษให้อภัยพวกเขาแล้ว
อาฮวาเดินไปที่หน้าต่าง มองชาวบ้านที่เฝ้าอยู่ข้างนอก
“แล้วตอนนี้เหตุใดจึงไม่เอาพวกเราขังคุกด้วยล่ะ? หรือคิดว่าพวกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา?”
อามู่รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคิดถึงสายตาของคุนที่มองน้องสาวของตน คุนเห็นอาซวนช่วยเหลืออาฮวา เขาเกลียดพวกเราสองพี่น้องมาก แล้วเหตุใดจึงไม่เปิดโปง?
หรือเขาจะมีแผนการอื่น?
“พี่ชาย เราจะช่วยอาซวนได้อย่างไร?”
“ขอข้าคิดดูก่อนนะ”
พวกเขายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย แล้วจะช่วยเหลืออาซวนได้อย่างไร? หากมีเขาแต่เพียงผู้เดียว เขาย่อมกล้าต่อสู้กับคนเหล่านั้นอยู่แล้ว แต่นี่มีน้องสาวอยู่ด้วย…
หัวใจชองอามู่จมดิ่ง หมดสิ้นความหวัง…
หากมีเทพเจ้าจริง ขอได้โปรดช่วยพวกเราสองพี่น้องด้วยเถอะ…
พี่ชายและน้องสาวมองหน้ากันอย่างจนปัญญาไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก
ย่างเข้าวันที่สอง
ผ่านไปหนึ่งคืนแล้วแต่เขายังหาทางแก้ปัญหาไม่ได้
วันรุ่งขึ้นคนมาพบพวกเขาเป็นคุนนั่นเอง คุนมองพวกเขา สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนามองไปยังอาฮวาอย่างโจ่งแจ้ง
อามู่ลุกขึ้นยืนจ้องหน้าเขาเขม็ง
“เจ้าต้องการช่วยเหลือคนนอกเผ่าผู้นั้นหรือไม่?” คุนถามขึ้นมา
อาฮวาเดินออกมาจากด้านหลังอามู่
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“อาฮวา ตราบใดที่เจ้าแต่งงานกับข้า ข้าจะขอร้องให้ท่านพ่อปล่อยเขาไป” อาคุนพูดข้อเสนอ อามู่ฉายความโกรธออกมาจากดวงตา
ที่คุนไม่ได้เปิดโปงพวกเขาเมื่อคืน คงเป็นเพราะต้องการจะเอาอาซวนมาข่มขู่ให้อาฮวาแต่งงานกับเขานั่นเอง
อามู่อยากลงมือ หากอาฮวาห้ามพี่ชายเอาไว้
“ความประสงค์ของเทพเจ้าต้องการเผาคนนอกทั้งเป็น หากพ่อมดของหมู่บ้านฟังเจ้าจะไม่ทำให้พระองค์ทรงพิโรธหรอกหรือ?” อาฮวาถาม
“ข้าจะขอให้ท่านพ่อวิงวอนต่อเทพเจ้าว่าให้ละเว้นคนแปลกหน้าผู้นี้เป็นกรณีพิเศษ ตราบใดที่เจ้ายอมแต่งงานกับข้า” คุนเดินเข้ามากระซิบจนใกล้ว่า
“อาฮวา…เจ้าลองคิดดูให้ดีนะ พรุ่งนี้คนแปลกหน้าผู้นั้นจะโดนเผาทั้งเป็น เขาจะตาย…หรือว่าข้ากับเจ้าจะแต่งงานกัน มีทางเลือกสองทาง เจ้าลองเลือกดูเอา!”
อาฮวาหลับตา น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย ยามที่นางลืมตาขึ้น สายตาของนางแน่วแน่ นางได้ตัดสินใจแล้ว
“เอาล่ะ ข้าจะให้พ่อมดของหมู่บ้านประกาศความประสงค์ของเทพเจ้าตอนที่พวกเรากราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว”
“อาฮวา!” อามู่ตะโกนอย่างตกใจ อาฮวาไม่สนใจอามู่ นางมองคุนราวกับรอคำรับรองจากเขา
คุนมองสาวสวยตรงหน้า หัวใจสั่นไหว เขาพยักหน้า
“ข้ารับรอง เสื้อผ้าของเจ้าสาวจะถูกส่งมาเร็วๆ นี้ เจ้าแต่งตัวให้สวยงามรอเป็นเจ้าสาวของข้าอย่างว่าง่ายเถอะ” หลังจากพูดจบ เขาหันหลังเดินจากไป
“อาฮวาเจ้าไปสัญญากับคนแบบนั้นได้อย่างไร?” ดวงตาของอามู่เต็มไปด้วยความโกรธ ทำให้ใบหน้าที่ดูดุร้ายของเขายิ่งไม่น่าดูมากขึ้น
“พี่ชาย เราไม่มีทางเลือกอื่น”
เมื่อคืนอาซวนเล่าให้ฟังว่า เขาจะจัดเรือนพร้อมบริเวณกว้างขวางให้นางและพี่ชายได้อยู่ พร้อมของกินและของใช้ไม่ให้ขาด จะพาพวกเขานั่งรถม้าไปเยี่ยมชมท้องถนนของเมืองหลวง พาพวกเขานั่งเรือล่องไปตามทะเลสาบ แนะนำให้พวกเขาได้รู้จักเพื่อนทั้งสองคนที่ฉลาดเฉลียวของเขา
อาฮวาฝันตามคำบอกเล่าของเขา
ทว่าตอนนี้ความฝันเหล่านั้นแตกกระจายเหมือนฟองสบู่ที่ถูกเป่าลอยหายไป
นางไม่สามารถที่จะมีชีวิตแบบนั้นได้ น้ำเสียงของอามู่อ่อนลง เขาดูไร้เรี่ยวแรงไปทันที
ใช่! ไม่มีทางเลือกอื่น..
พวกเขาเป็นปลาที่นอนรอความตายอยู่บนเขียง..
“พี่ชาย..ไม่เป็นไร ไม่สำคัญว่าข้าจะต้องแต่งงานกับใคร อย่าน้อยคุนก็เป็นลูกชายของพ่อมดหมู่บ้าน”
“คุนมันเป็นสัตว์ร้าย!” อามู่ยังโกรธแค้นไม่หาย
อาฮวาไม่ชอบคุนเลย หากนางแต่งงานกับคนเช่นเขา พลังชีวิตของนางจะถูกสูญหาย ชีวิตของนางจะเหมือนตกนรกทั้งเป็น
พี่ชายและน้องสาวนั่งกอดกันอยู่กับพื้น
“พี่ชาย ในโลกนี้ไม่มีเทพเจ้า คุนและพ่อมดประจำหมู่บ้านใช้เทพเจ้าเป็นเครื่องมือ พวกเขาเป็นคนที่ดูหมิ่นท่านมากที่สุดแต่ไม่มีใครกล้าลงโทษพวกเขาเลย”
“หากมีเทพเจ้าจริง ท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่ถูกลงโทษจนถึงตาย”
“หากมีเทพเจ้าจริง ท่านควรช่วยพวกเรา”
“อาซวน..ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้…” อาฮวาพึมพำออกมา
ในคุกที่มืดมิด
จ้าวจิ่งซวนนอนอยู่บนพื้น เขาเจ็บปวดระบมไปทั้งตัว ในหัวมีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา
แม่งเอ๊ย! ข้าจะตายแล้วใช่หรือไม่? จะต้องถูกไฟเผาทั้งเป็นแล้วสินะ.. หากเป็นเช่นนั้นเขาขอกัดลิ้นฆ่าตัวตายเสียเองยังจะดีกว่า
จ้าวจิ่งซวนพยายามกัดลิ้นตนเอง แต่มันเจ็บมากจนเขาทนไม่ไหว
การถูกเผาทั้งเป็นในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลเช่นนี้ ช่างไร้เกียรติและไม่สง่างามเอาเสียเลย
หากท่านแม่รู้ นางคงเสียใจมากเป็นแน่ แต่นั่นแหละหมู่บ้านนี้อยู่ห่างไกลเมืองหลวงมากแทบไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำ หากหาศพเขาไม่เจอ ท่านแม่อาจจะคิดว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องดีเช่นกัน
ประตูคุกถูกเปิดออก จ้าวจิ่งซวนลุกขึ้นนั่งอย่างไม่เต็มใจ เขามองดูคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นคนผู้นั้นอย่างชัดเจน เขาไม่รีรอที่จะทำท่ารังเกียจออกมา แล้วพูดเสียดสีว่า
“ข้าก็ว่าอยู่ว่า เหตุใดห้องถึงได้แคบลง เป็นเพราะมีไอ้หมูอ้วนเข้ามาในห้องนี่เอง”
คุนเตะจ้าวจิ่งซวนอย่างแรงจนเขาล้มลงกับพื้น เขาลุกขึ้นอีกครั้ง
“ไอ้หมูอ้วน! เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่เจ้าเตะเป็นใคร? ข้าไม่ใช่คนธรรมดา ข้าเป็นเจ้าชาย..”
ทั้งหมัดและเท้าประเคนลงบนตัวของจ้าวจิ่งซวนจนทำให้เขาต้องชะงักคำพูดลง
“เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ…กองทัพของต้าโจว…จะบุกเข้าบดขยี้หมู่บ้านของเจ้า..ข้าจะแขวนคอเจ้าราวกับหมูอ้วนตัวหนึ่ง….ข้าจะ..”
คุนทุบตีจ้าวจิ่งซวนจนเขาแทบจะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อ
“เจ้าจะไม่ถูกเผาทั้งเป็น”
จ้าวจิ่งซวนตกตะลึง เขาไม่มีทางเลือกจนต้องยอมเผยตัวตนของตนเองออกมา เดิมทีเขารู้ว่าหมู่บ้านที่ห่างไกลและไม่มีใครรู้จักเช่นนี้ อำนาจของฮ่องเต้ย่อมไม่มีผลอยู่แล้ว
แต่….
“อาฮวาตกลงจะแต่งงานกับข้าแล้ว”
คุนพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ จ้าวจิ่งซวนชะงัก
ให้ตายเหอะ! ไอ้หมูอ้วนตัวนี้เอาชีวิตเขาไปข่มขู่อาฮวา!
“ไอ้หมูอ้วน เจ้าอยากแต่งงานกับนางมากนักหรือ ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!” จู่ๆเขาก็มีเรี่ยวแรงฮึดสู้ขึ้นมา เขาใส่หมัดไม่ยั้งเข้าที่ร่างกายคุน แต่กลับไร้ผล ในที่สุดจ้าวจิ่งซวนล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง คราวนี้เขาขยับร่างกายแทบไม่ได้
คุนออกไป ประตูคุกถูกปิดมืดลงอีกครั้ง จ้าวจิ่งซวนนอนหงายมองเพดานด้านบน เขาไม่สบายใจ อึดอัดใจ มากกว่าตอนที่เขารู้สึกว่าตนเองจะต้องถูกไฟครอกตายเสียด้วยซ้ำ
อาฮวา …อาฮวา… เด็กสาวใสซื่อ ดวงตาเป็นประกายแวววาว นางควรจะได้แต่งงานกับผู้ชายที่นางรักใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แทนที่จะแต่งงานกับเจ้าหมูอ้วนตัวนั้น…แสงสว่างที่พร่าพรายในดวงตาของนางคงจะเลือนหายไปทีละน้อย…
อาฮวาช่วยเขา…เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จ้าวจิ่งซวนเกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้
เหตุใดเขาไม่เรียนตำราให้มาก เรียนรู้วรยุทธ์ให้หนักมากกว่านี้?
หากเขาเรียนหนักเก่งวรยุทธ์ผสมผสานวิชาทั้งบู๊และบุ๋นให้เข้ากันดี บางทีเขาอาจคิดแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้!
หากสวี่เจวี่ยและเว่ยจื่ออั๋งเจอสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาคงไม่ไร้ประโยชน์เหมือนตัวเขา
ปกป้องคนที่อยากปกป้องไม่ได้ มีแต่ต้องแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะดูแลคนที่สำคัญในชีวิตให้รอดพ้นจากอันตรายให้ได้ แทนที่จะต้องมีคนยอมเสียสละให้เขา
น่าเสียดายที่กว่าเขาเข้าใจในความจริงข้อนี้ ก็สายเกินไปเสียแล้ว
เขาต้องเติบโตขึ้น!
………….