เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 689 ถูกคุมขังในคุก
บทที่ 689 ถูกคุมขังในคุก
ถังหลี่และพรรคพวกพวกถูกพาตัวไปที่ยังที่คุมขัง สถานที่นั้นดูน่ากลัวจนน่าขนลุก แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน ก็พบกับจ้าวจิ่งซวนที่กำลังเอนร่างพิงกำแพงทำท่าราวกับหนุ่มเจ้าสำราญ
“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ได้โปรดนั่งลง อย่าได้เกรงใจ” จ้าวจิ่งซวนทำตัวประหนึ่งเป็นเจ้าบ้าน เขาเอ่ยปากแสดงความคิดเห็น
“คุกแห่งนี้ ค่อนข้างอบอุ่นดีกว่าห้องใต้ดินในหมู่บ้านอาหว่ามากนัก เสียแต่พื้นแข็งไปสักหน่อย หากมีหญ้าแห้งสักสองกองคงจะดีไม่น้อย”
คำพูดของเขาทำให้ซานเป่าและทุกคนพากันหัวเราะครืนออกมา เมฆครึ้มดำในใจสลายไป ทุกคนพากันหาที่เหมาะๆแล้วนั่งลงพักผ่อน
ถังหลี่จับมือบุตรสาวนั่งลงเช่นกัน จิตใจของนางสงบลง ชาวเมืองอวิ๋นเฟิงมีจิตใจที่ค่อนข้างชักจูงง่าย แค่คำพูดของเหยาคูเพียงไม่กี่คำก็ทำให้มองพวกเขาเป็นศัตรูไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชายหญิง เด็กเล็กหรือแม้แต่ผู้สูงวัยต่างพากันสาวเท้าเร่งรีบเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่พวกเขายังมีไพ่เด็ดอย่างเช่นหวังหยูอยู่อีกคน หากชีวิตพวกเขาตกอยู่ในอันตรายจริงๆ อาจจะต้องให้หวังหยูเผยฝ่าเท้าของเขาให้ทุกคนได้เห็น ยามที่ดอกบัวเพลิงทั้งสองปะทะกัน อาจใช้จังหวะที่ผู้คนพากันตกตะลึงสงสัย ฉวยโอกาสนั้นพากันหลบหนีไป แต่ไพ่ใบเด็ดนี้ย่อมสมควรจะเผยในยามที่เหมาะสมเท่านั้น
หากนำมาใช้ในเวลาที่ไม่เหมาะอาจจะเกิดภัยพิบัติแทน รังแต่จะสูญเสียหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทว่าจะมีหนทางใช้อย่างไรได้นั้น จำต้องสืบประวัติรู้ความเป็นมาของเหยาคูเสียก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ในเมื่อถังหลี่ต้องติดคุกนางย่อมเคลื่อนไหวหาข่าวไม่ได้ โชคดีที่องครักษ์เงาของนางไม่ได้ถูกจับกุมด้วย
ถังหลี่เพิ่งจะได้โอกาสสบช่องบอกใบ้ให้ฉือซื่อ ไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้นาง ตอนนี้พวกเขาได้แต่นั่งรอข่าวขององครักษ์เงาเท่านั้น
ถังหลี่หันไปมองหวังหยู่ เอ่ยถามเขาว่า
“หวังหยู เจ้ารู้จักเหยาคูหรือไม่?
เหยาคู…เหยาคู… หวังหยูคิดว่าชื่อนี้คุ้นเคยในความทรงจำของเขามีบางอย่างแว่บเข้ามาแต่เขาจำไม่ได้
“ไม่ต้องกังวล คิดช้าๆ”
ถังหลี่แค่ต้องการถาม แต่ความทรงจำของหวังหยูหายไปนานแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรื้อฟื้นขึ้นมาในชั่วคืนเดียว
องครักษ์ลับของนางมีประสิทธิภาพมาก เช้าวันรุ่งขึ้นนางก็ได้รับข่าว หลังจากอ่านข่าวลับที่เขาส่งมาให้ ถังหลี่จึงได้รู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับชาวเผ่าอู๋ว่าตอนนี้พ่อมดศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าคือเหยาเจี๋ยแห่งตระกูลเหยา ซึ่งจะเรียกได้ว่าเป็นอู๋เจี๋ย
ส่วนพ่อมดผู้แซ่อู๋ เช่น เหยาคูผู้นี้ก็สามารถเรียกว่าอู๋คูได้เช่นกัน
สิบปีก่อนหน้านี้ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นในเผ่าอู๋ จู่ๆ พ่อมดศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดบ้าคลั่งขึ้นมา จากนั้นจึงได้สังหารธิดาเทพและทำร้ายธิดาเทพองค์น้อย
ในช่วงระหว่างความเป็นความตายนั้นเองอู๋เจี๋ยได้สังหารพ่อมดและช่วยธิดาเทพองค์น้อยเอาไว้ได้
จากข้อมูลขององครักษ์เงาที่หามาได้ในเวลาสั้นๆ น่าจะประกอบด้วยข่าวลือไม่น้อย ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป แต่ที่แน่นอนก็คือ เรื่องเมื่อสิบปีก่อนนั้นอำนาจของเผ่าอู๋ได้ถูกเปลี่ยนมือ ถังหลี่อดคิดไม่ได้ว่า หวังหยูอาจจะเป็นสานุศิษย์ของพ่อมดที่คลุ้มคลั่งก็เป็นได้ หากผู้ที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบันรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ หวังหยูจะโดนขุดรากถอนโคลนจนเกลี้ยงอย่างแน่นอน
พวกนางจะใช้หวังใช้ตัวตนของหวังหยูในการหลบหนีไปได้อย่างราบรื่นหรือ?
ถังหลี่ขมวดคิ้ว จมดิ่งในความคิดของตนเอง
ในเวลาเดียวกัน
อู๋คูใช้เวลาทั้งวันอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และจุดธูปหอม หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นตามพิธีที่ว่า เช้าวันถัดมา เขาจึงได้เข้าไปในโถงของวิหารที่อยู่ในจวนของเจ้าเมือง เต้นรำเพื่ออัญเชิญเหล่าเทพเจ้า
เจ้าเมืองอวิ๋นเฟิงและสองพี่น้องสกุลเฟิงกำลังนั่งรออยู่ที่โถงด้านนอก ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก อู๋คูจึงได้ออกมาจากห้องโถงที่ด้านใน
“ผู้สืบทอดทำงานหนักยิ่ง ได้โปรดหยุดพักกินอาหารและดื่มน้ำก่อนเถอะ” อวิ๋นเทาพูดทักขึ้น
จากนั้นบ่าวรับใช้หลายคนได้รุดเข้าไปพยุงให้อู๋คูนั่ง บ้างก็เช็ดเหงื่อให้ บ้างก็เอาน้ำและเนื้อมาให้เขากินและดื่ม
อู๋คูกินเนื้อไปสองคำ รู้สึกดีขึ้นมาก
“ผู้สืบทอด เทพเจ้าได้รับสั่งมาว่าอย่างไรบ้าง?” อวิ๋นเทาถาม
“พวกเขาเป็นคนนอกเผ่า”
“นอกเผ่าหรือ?” อวิ๋นเทาประหลาดใจ คนเหล่านั้นสวมเสื้อผ้าและพูดจาไม่ได้มีพิรุธ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาเป็นคนนอกเผ่า
“ครึ่งเดือนที่ผ่านมา พ่อมดศักดิ์สิทธิ์ได้มีคำพยากรณ์ว่าหากมีคนนอกเผ่าเข้ามาในตระกูลของพวกเรา คนเหล่านั้นจะนำความหายนะมาสู่เผ่า ด้วยเหตุนี้ข้าจึงได้มาที่เมืองอวิ๋นเฟิง จนกระทั่งเห็นว่าเป็นไปตามคำพยากรณ์ เทพเจ้าสั่งให้ลงโทษคนเหล่านั้นโดยการเผาทั้งเป็น” อู๋คูกล่าว
สิ่งที่อู๋คูพูดนั้นเป็นเรื่องจริงผสมเท็จ การเต้นรำบวงสรวงไม่อาจอัญเชิญเทพเจ้าลงมาได้ สิ่งที่พ่อมดศักดิ์สิทธิ์สอนเขาคือการทำนาย
ครึ่งเดือนที่ผ่านมาพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ได้ทำนายดวงชะตาของสกุลเหยา เห็นสัญลักษณ์ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่เมืองอวิ๋นเฟิง นั่นคือสาเหตุที่เขามายังเมืองนี้
เลขหกที่เขาได้ทำนายเอาไว้ แสดงให้เห็นว่าการมาถึงของคนกลุ่มนี้ย่อมเป็นหายนะ ตราบใดที่พวกเขาถูกฆ่าทิ้ง วิกฤติของสกุลเหยาย่อมคลี่คลายลงไป
“เผาทั้งเป็นหรือ…”
“ท่านเจ้าเมืองกำลังสงสัยวจนะของเทพเจ้าหรือ”
“ไม่..ข้าแค่คิดว่าเมืองอวิ๋นเฟิงไม่ได้มีการเผาคนทั้งเป็นมานานหลายปีแล้ว ข้าต้องเป็นผู้ทำพิธี”
“ผู้สืบทอด..เวลาที่สมควรจะทำพิธีเผาเล่า?” อวิ๋นเทายังคงถามต่อ
“พรุ่งนี้ ยามที่พระอาทิตย์โคจรขึ้นสูงที่สุด”
อู๋คูตอบ อวิ๋นเทาคุยกับเขาอยู่อีกครู่ใหญ่แล้วจึงขอตัวกลับไปยังจวนเจ้าเมือง
เขาไม่ได้มีความรู้สึกประทับใจกับคนนอกเผ่ามากนัก แต่ทว่าอวิ๋นเทารู้สึกอยู่ว่า วจนะของเทพเจ้าที่เปิดเผยแก่อู๋คูไม่ใช่เรื่องจริง ในทางกลับกัน เขาคิดว่าคนนอกเผ่ากลุ่มนั้นอาจเป็นอันตรายต่อสกุลเหยา พวกเขาจึงโดนกำจัด
อาจมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในกลุ่มคนแปลกหน้าก็เป็นได้
…
ภายในคุก
ถังหลี่ได้รับข่าวจากองครักษ์เงาว่าพวกนางทั้งหมดจะโดนเผาทั้งเป็น
“ข้าเป็นผู้ที่โดนกำหนดให้เผาทั้งเป็นอยู่แล้ว ไม่ว่าข้าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม !” จ้าวจิ่งซวนพูดด้วยความโกรธ
“ข้าสมควรถูกเผาทั้งเป็นแต่ผู้เดียว ไม่ควรเอาพวกท่านมาเกี่ยวข้องด้วย!”
ถังหลี่ตบไหล่เขา พูดปลอบเขาว่าอย่ามองแต่ในแง่ร้าย หากไม่มีหนทางอื่นแล้วอาจจะให้หวังหยูเผยฝ่าเท้าของเขาแล้วหาโอกาสหลบหนีกันไป
ในขณะนั้น มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ประตูคุกถูกเปิดออก มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก ชายคนนั้นสวมชุดของผู้คุม เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นถังหลี่ก็จำได้ว่าเขาเป็นเจ้าเมืองอวิ๋นเฟิงนั่นเอง
อวื๋นเทากวาดสายตามองผู้ที่ถูกคุมขัง ในที่สุดเขาก็เห็นถังหลี่ซึ่งโดดเด่นอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น เขาตระหนักได้ว่านางเป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้
“เจ้าเป็นคนนอกเผ่าหรือ?” อวิ๋นเทาถามขึ้นบราวนี่ออนไลน์
ถังหลี่พยักหน้ารับ “พวกเรามาหาคน หลังจากเจอแล้วตั้งใจที่จะเดินทางออกจากชนเผ่าโบราณ พวกเราไม่ได้มีใจอยากจะทำร้ายผู้คนที่นี่”
“พวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดอู๋คูจึงได้กลัวและอยากฆ่าพวกเจ้ากัน?”
ถังหลี่คิดอย่างรวดเร็วนี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนและหนทางรอดของพวกนางก็เป็นได้
เจ้าเมืองและตระกูลเหยาอาจจะไม่ได้เป็นพวกเดียวกันมาแต่เดิม เมื่อวานนี้เหยาคูต้องการจับกุมพวกนาง แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านเจ้าเมืองจงใจปล่อยพวกเขา พฤติกรรมเช่นนี้เห็นทีจะได้รับคำสั่งมาจากท่านเจ้าเมืองเป็นแน่
ถังหลี่เกิดความรู้สึกว่าท่านเจ้าเมืองอาจจะเป็นคนดี…
“ข้าเคยเห็นคนที่มีสัญลักษณ์ดอกบัวเพลิงที่ฝ่าเท้าเหมือนกับที่ฝ่ามือของอู๋คู” ถังหลี่ไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมด นางลองพูดขึ้นมาเพื่อทดสอบทัศนคติของเขา
“สัญลักษณ์ดอกบัวเพลิงเหมือนกันหรือ?” ใบหน้าของเขาเหมือนระลึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที
“เขาอยู่ที่ไหน?”