เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 698 พบกับธิดาเทพ
บทที่ 698 พบกับธิดาเทพ
วันรุ่งขึ้นเป็นวันบวงสรวงเทพเจ้า ซึ่งเป็นวันสำคัญชาวเผ่าอู๋ พวกเขาจะอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด อดอาหารหนึ่งวัน ในตอนเช้าจึงจะพากันไปที่แท่นบูชาเพื่อรอให้พิธีบวงสรวงเริ่มขึ้น คนเกือบทั้งเมืองไปร่วมพิธีกันเกือบหมด
ยกเว้นพื้นที่ต้องห้ามในสกุลเหยา ภายในห้องมืด เด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าต่างแคบๆ มองออกไปข้างนอก แสงสว่างจากนอกหน้าต่างส่องลงมากระทบที่ใบหน้าเด็ดเดี่ยวของเด็กหนุ่มและใบหน้าอ่อนโยนของเด็กสาว
หากถังหลี่ได้อยู่ที่นี่ นางจะรู้ทันทีว่าพวกเขาคือสองพี่น้องอาฮวาและอามู่ที่นางคิดถึงอยู่นั่นเอง
พวกเขาเร่งรุดมายังเมืองเยว่เฉิงท่ามกลางพายุและสายฝน วาดภาพบิดามารดาตามความทรงจำของพวกเขา หลังจากได้ซักถามคนสองสามคนในเมือง พวกเขาก็ถูกคนสกุลเหยาพาตัวไปคุมขัง อยู่ในห้องเล็กมืดเช่นนี้
จากนั้นทั้งคู่จึงได้รู้จักตัวตนของพวกเขาสองพี่น้อง
ไม่น่าเลย ….พวกเขาไม่ควรถือกำเนิดขึ้นมาเลย
พวกเขาสร้างความอับอายให้แก่สกุลเหยาและสกุลเยว่ ทั้งคู่จะถูกขังอยู่ที่นี่ ในห้องเล็กๆ แห่งนี้จนกว่าจะแก่เฒ่าและตายไปในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรทั้งคู่จะไม่มีวันได้เจอบิดามารดาอีกแล้ว
ใบหน้าที่เยาว์วัยของพวกเขาไม่ยอมแพ้ พวกเขาต้องการที่จะออกไปจากที่นี่!
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ห้องมืดที่อยู่ตรงข้าม มีชายวัยกลางคนผมเผ้ายุ่งเหยิงผู้หนึ่ง สวมเสื้อผ้าหละหลวม ลำแสงเล็กๆส่องเข้ามากระทบใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเขา
ในเวลาเดียวกันที่สกุลเยว่ ที่ลานบ้าน ร่างสีขาววิ่งไปที่ประตูด้วยท่าทีคลุ้มคลั่ง
“เฟิงหลาง! ท่านมาตามหาข้าหรือ?!”
“ลูกของเราเป็นอย่างไรบ้าง?”
…
พระอาทิตย์ขึ้นสูง แดดแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มมาออกันอยู่ใต้แท่นบูชา ถังหลี่และคนอื่นๆ มาถึงก่อนเวลา พวกเขาได้ทำเลที่ดี อยู่ห่างไกลไปสักหน่อยแต่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
สาวใช้สองคนพยุงผู้เฒ่าเยว่ นางยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เป็นกังวลห่วงในตัวของหลานชาย ถังหลี่มองตรงไปยังด้านหน้า เห็นการทำพิธีกรรมหลายขั้นตอนกว่าจะถึงการทำพิธีสักการะ
“เหตุใดคนของสกุลเยว่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“คนบาป คนทรยศต่อเผ่าไม่สมควรจะมาอยู่ที่นี่ ออกไปเดี๋ยวนี้”
ชาวเมืองผู้หนึ่งเดินไปทำท่าจะผลักท่านผู้เฒ่าเยว่ออกไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงตัวท่านผู้เฒ่า ก็ถูกคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน
“เหตุใดจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ มีกฎอะไรเขียนเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรหรือ? ผู้คนทั้งหมดล้วนเป็นสาวกของเทพเจ้า เจ้าจะขับไล่สาวกของเทพเจ้าออกไปได้อย่างไร?”
ถังหลี่พูดอย่างเย็นชา แขนของชายผู้นั้นเจ็บปวดมากจนไม่อาจจะสลัดออกไปได้ ที่แปลกไปกว่านั้นคือท่าทางที่สง่างามของนาง
เมื่อถังหลี่ปล่อยมือ เขาจึงได้เดินออกไปอย่างโกรธขึ้ง
ท่านผู้เฒ่าเยว่เหลือบมองถังหลี่อย่างซาบซึ้ง ในอดีตในช่วงพิธีสักการะบูชา นางจะอยู่ที่จวนตลอดเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แต่วันนี้นางเป็นห่วงหลานชายมาก จึงได้ยอมเสี่ยงมาร่วมพิธี ถังหลี่ส่งยิ้มให้
“ท่านแม่ พิธีจะเริ่มแล้วหรือเจ้าคะ?” ซานเป่าถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดนตรีท่วงทำนองสนุกสนานดังขึ้น
“พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว” นางตอบบุตรสาว เสียงดนตรีบรรเลงอยู่สักพัก จากนั้นจึงได้เห็นชายในชุดเสื้อคลุมสีดำสวมหน้ากากจูงมือเด็กสาวผู้หนึ่งใส่ชุดสีขาวขึ้นไปยังแท่นพิธี
“คนผู้นั้นคือพ่อมดศักดิ์สิทธิ์กับธิดาเทพจันทราหรือ?” ซานเป่ากระซิบพลางมองเด็กสาวที่มีผิวพรรณสว่าง คางแหลมเรียว นางมีดวงตากลมโตสดใส
“ธิดาเทพช่างสวยงามเหลือเกิน” ซานเป่าพึมพำ
“เจ้าก็สวยงามเช่นกัน” จู่ๆ เสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้น ซานเป่ากะพริบตาหันไปมองตู้เย่ นั่น..เป็นคำพูดของอาจารย์หรือ?
สาวน้อยคนไหนจะไม่ชอบให้ใครชมว่านางมีใบหน้างดงามเล่า? ซานเป่าก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน หัวใจของนางเต็มไปด้วยความสุข
ถังหลี่รู้สึกว่าตู้เย่ปกป้องลูกศิษย์ตัวน้อยของเขามากเกินไป เกรงว่าในสายตาของเขาแล้วลูกศิษย์ของเขาย่อมสวยงาม น่ารักและสมบูรณ์แบบที่สุด
แต่กระนั้นถังหลี่ก็อดคิดไม่ได้ว่าซานเป่าดูงดงามมากกว่า อย่างที่ตู้เย่เอ่ยออกมา
“ธิดาเทพเป็นสาวงาม นางย่อมมีความเฉลียวฉลาดมากๆ พอๆ กับความงามของนาง” ซานเป่ายังคงพูดต่อ ถังหลี่เข้าใจความหมายของซานเป่าเป็นอย่างดี
นางหวังว่าธิดาเทพจะมีความเฉลียวฉลาดพอๆ กับความงามของตน เพื่อที่จะแยกแยะความดีและความชั่วออกจากกันได้ และหวังว่านางจะเชื่อในคำพูดของหวังหยู
สาวงามจำเป็นต้องมีมันสมองหรือ? ถังหลี่ไม่อาจรับประกันเรื่องนั้นได้
พิธีสักการะได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ บนแท่นสูงขนาดใหญ่มหึมา ตรงกลางแท่นสูงมีคทาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ธิดาเทพยกคทาจันทราขึ้น แสงจางๆ ส่องมาที่คทาจากทุกทิศทุกทาง ฉากนี้ดูงดงามมาก จนทำให้ถังหลี่และซานเป่าตกตะลึง นางรู้สึกได้ว่า มีความลึกลับบางอย่างในเผ่าอู๋ บางทีคำพูดของหวังหยูที่ว่าเผ่าอู๋มีเทพเจ้าอาจจะเป็นเรื่องจริงก็เป็นได้ แต่เทพเจ้าได้หายสาบสูญไปเมื่อหลายพันปีก่อนหน้าแล้ว
“ธิดาเทพ คทาจันทรา และสระน้ำอมฤต ล้วนมีพลังลึกลับถือเป็นของขวัญจากเทพเจ้า” ผู้เฒ่าเยว่เอ่ยขึ้น “สระน้ำอมฤตให้พลังแก่ธิดาเทพ มีเพียงนางเท่านั้นที่จะยกคทาจันทราขึ้นมาได้ “
“แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งมากๆ ก็ไม่สามารถยกขึ้นได้หรือเจ้าคะ?” ซานเป่าถามอย่างสงสัย ผู้เฒ่าเยว่ส่ายหน้า
“ไม่ได้”
บนแท่นสูงแห่งนั้น ธิดาเทพได้ยกยกคทาขึ้นสูง ท่ามกลางแสงสลัว พ่อมดศักดิ์สิทธิ์ได้เต้นรำบูชา อัญเชิญเทพเจ้าบราวนี่ออนไลน์
ถังหลี่เคยเห็นการเต้นรำขอพรเช่นนี้มาก่อน นางคิดว่าการเต้นเช่นนี้น่าจะมีความคล้ายคลึงกัน หากถังหลี่ได้ตระหนักว่านางคิดผิดไปอย่างสิ้นเชิง การเคลื่อนไหวขอพรจากเทพเจ้าของพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ดูงดงาม และการเคลื่อนไหวในแต่ละท่าและแต่ละอิริยาบทล้วนเกินกว่าขีดจำกัดของมนุษย์ผู้หนึ่งจะทำได้ เป็นการยากที่จะจินตนาการได้ว่าพ่อมดที่หน้าตาคร่ำเคร่งและเย็นชาจะมีความสามารถในการแสดงเช่นนี้
การเต้นรำของพ่อมดศักดิ์สิทธิ์และการยืนนิ่งอย่างสงบของธิดาเทพ ขาว ดำ สงบนิ่ง และเคลื่อนไหว ก่อให้เกิดฉากที่สวยงาม น่าประทับใจ
การเต้นรำอัญเชิญเหล่าเทพยดา กินเวลายาวนานถึงสองในสี่ชั่วยามเลยทีเดียว ด้วยสายตาที่แหลมคมของถังหลี่ทำให้นางสังเกตเห็นว่ามือที่ถือคทาของธิดาเทพสั่นเทา กำลังของนางจวนเจียนจะหมดลง ธิดาเทพวางคทาคืนที่ตำแหน่งเดิม จากนั้นจึงได้เดินลงจากแท่นบูชาโดยการช่วยเหลือจากบ่าวรับใช้สองคน
พ่อมดศักดิ์สิทธิ์นั่งขัดสมาธิบนแท่นสูง หลับตา แสงจากดวงอาทิตย์ตกลงมากระทบเขา
“ท่านพ่อมดกำลังสื่อสารกับเทพเจ้าเพื่อรับโองการจากสวรรค์” ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆ กระซิบกับเด็กๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเขา
แต่ตอนนี้ถังหลี่ไม่มีความตั้งใจที่จะคอยเฝ้าดููพิธีอีกต่อไป พ่อมดศักดิ์สิทธิ์จะนั่งภาวนาอยู่บนแท่นสูงต่อไปอีกสี่ชั่วยาม และภายในครึ่งชั่วยามนี้ ธิดาเทพจะทำการพักผ่อนอยู่ในวิหารเล็กๆ ใกล้กับแท่นบูชานั่น
หวังหยูจะใช้เวลาสี่ชั่วยามที่ว่าปลอมตัวเป็นพ่อมดเพื่อไปลอบพบกับนาง นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะได้พบกับธิดาเทพ
ในระหว่างที่สาวกของพ่อมดพากันลำเลียงอาหารและน้ำเข้าไปในห้องโถงด้านใน หวังหยูเดินรั้งท้าย แม้เขาจะตัวสูงแต่เขาก้มหัวลงต่ำ ไม่ได้ดูโดดเด่นอย่างน่าผิดสังเกต หวังหยูเหลือบมองธิดาเทพที่นั่งพักผ่อนอยู่บนตั่งนุ่ม ใบหน้าของนางเต็มไปเหงื่อเกาะอยู่เป็นชั้นบางๆ ซีดเซียว ดวงตาปิด ดูอ่อนแอราวกับเหน็ดเหนื่อยมาก หวังหยูเหลือบมองแค่ครั้งเดียวแล้วรีบเบนสายตาออก ทารกในความทรงจำของเขาของเขาได้เติบโตขึ้นเป็นเด็กสาวแล้ว
จากนั้นบ่าวรับใช้ก็เข้ามาวางอาหารและน้ำก่อนจะล่าถอยออกไป
หวังหยูเดินเข้าไปจนสุดทางเมื่อถึงประตูบานใหญ่ เขาหยุดแอบที่ด้านหลัง บ่าวรับใช้จึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครหายไป เมื่อพวกเขาออกไปกันหมดแล้วหวังหยูจึงได้เดินไปหยุดที่ด้านข้างของธิดาเทพอย่างเงียบเชียบเขาเรียกนางเสียงเบา
“ธิดาเทพ” เด็กสาวลืมตาขึ้นเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่หวังหยูสวมใส่ นางประหลาดใจและจำสถานะบ่าวรับใช้ของเขาได้
“เหตุใดเจ้ายังอยู่ที่นี่อีกเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ธิดาเทพ ข้าชื่ออู๋หลี่ ข้าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ของท่าน”
เวลาที่กระชั้นรีบด่วนทำให้หวังหยูตัดสินใจที่จะพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม เขาถอดรองเท้าออกแล้วแสดงสัญลักษณ์ดอกบัวเพลิงที่ฝ่าเท้าให้นางดู
“อู๋หลี่?” นางขมวดคิ้วเห็นได้ว่าไม่คุ้นเคยกับชื่อของเขา
“อาจารย์เคยพาข้าไปเยี่ยมท่านยามที่ท่านยังเด็กมาก หากไม่มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในภายหลัง ข้าคงเป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ของท่านไปแล้ว แต่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่วุ่นวายเป็นเพราะอู๋เจี๋ยได้สังหารพ่อมดศักดิ์สิทธิ์คนเดิมจนตาย เขาหลอกลวงท่าน”
หวังหยูไม่ยอมเสียเวลา เขาพูดโพล่งออกมา ธิดาเทพตกตะลึงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น
“ธิดาเทพท่านได้โปรดเชื่อข้าเถิด ข้าเป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ข้าไม่มีวันที่จะหลอกลวงท่านหรอก” หลังจากพูดจบหวังหยูมองสบตานางด้วยความเคารพและคาดหวังหวังว่านางจะเชื่อใจเขา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดนางจึงตระหนักว่าเขากำลังพูดถึงอะไร?
“ท่านพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ไม่มีวันโกหกข้า เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรนี่?” ใจของหวังหยูจมดิ่งลง ธิดาเทพไม่เชื่อเขาความหวังสุดท้ายหายไปที่จริงเขาก็คาดเอาไว้แล้วพ่อมดศักดิ์สิทธ์และธิดาเทพจะต้องมีความเชื่อมโยงกันทางจิตส่วนลึกอย่างที่ยากจะอธิบาย หลายปีก่อนเมื่อแรกเห็นธิดาเทพ หวังหยูก็ยอมจำนนและต้องการปกป้องนางในทันที ทว่าความรู้สึกนั้นกลับหายไปแล้ว ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
อู๋เจี๋ย..เขากำลังมาหรือ?
………