เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 700 ทำลายหายนะ
บทที่ 700 ทำลายหายนะ
“ท่านแม่.…” ซานเป่ากระซิบด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลระคนหวาดกลัว
ถังหลี่จับมือบุตรสาว หายใจเข้าลึก
ในที่สุดสิ่งที่เลวร้ายก็ได้เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น..คนผู้นั้นเป็นใคร” ผู้คนพากันกระซิบไถ่ถาม
“เขาคืออู๋หลี่ ลูกศิษย์ของคนทรยศอู๋โม่ไป๋ ผู้ตั้งใจลอบสังหารนักบุญ” อู๋เจี๋ยประกาศ
“เขาเป็นคนบาป ฆ่าเขา !ฆ่าเขา!”
“ฆ่าเขา!”
“ฆ่าเขา” เสียงชาวเมืองเรียกร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของซานเป่าซีดลง หายใจไม่ออก หวังหยูเป็นคนดี จะประหารชีวิตเขาเหตุใด?
คนบาปคืออู๋เจี๋ยต่างหาก เขาสิ!สมควรตาย!
“จงสังเวยคนบาปผู้นี้กับสัตว์สี่เท้า เทพเจ้าจะอวยพรให้เผ่าของเรา มอบฝนฟ้าให้ตกต้องตามฤดูกาล” เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋เจี๋ย ใบหน้าของถังหลี่เปลี่ยนสี การสังเวยสัตว์ของเผ่าอู๋นั้นโหดร้ายจริงๆ นางเพิ่งเคยเห็น พวกเขาแขวนคอสัตว์ที่ต้องการสังเวย จากนั้นจึงกรีดคอรอให้เลือดไหลออกช้าๆ หวังหยูจะได้รับการกระทำที่เลวร้ายเช่นนั้นหรือไม่?
“ท่านแม่เราจะทำอย่างไรดี?” ซานเป่าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ถังหลี่หันหน้าหนี นางไม่พูดอะไรออกมา
บนแท่นบูชามีคนผูกคอหวังหยูด้วยเชือก ใบหน้าของหวังหยูสงบ เขามองหาซานเป่าท่ามกลางฝูงชนแต่ไม่พบนางเลย
เมื่อเขากำลังจะตายเขาจึงได้รู้ว่า สิ่งที่เขาเสียใจที่สุดไม่ใช่ว่าเรื่องที่เขาไม่ได้ล้างแค้นให้อาจารย์และบิดามารดาของตน หรือเขาไม่สามารถช่วยคนสกุลเยว่เอาไว้ได้ แต่เป็นเพราะว่าเขาจะไม่ได้ปกป้องซานเป่าอีกต่อไปแล้ว
ข้าขอโทษ..
หวังหยูไม่อาจปกป้องท่านต่อไปได้อีกแล้ว
หวังหยูหลับตารอให้คมมีดเย็นเฉียบปาดตวัดเข้าที่คอ แต่กลับไม่มีความเจ็บที่เขาคาดไว้ตามมา
ในช่วงเสี้ยวเวลาแห่งความเป็นตาย เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่าง หวังหยูลืมตาขึ้นเห็นร่างของคนสองคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา
การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันที
“นายหญิง..” เดิมทีเขาคิดว่าคนที่มีความเฉลียวฉลาดอย่างฮูหยินน่าจะมองสถานการณ์ออกว่าทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว นางควรจะรีบพานายหญิงและอาจารย์ตู้ออกจากเมืองโดยเร็ว
พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ อารมณ์ของเขาซับซ้อน เบื้องแรกเป็นความอบอุ่น หลังจากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เหตุใดพวกเขาต้องมาเสี่ยงเพื่อตนเองด้วย?
“นายหญิง! ออกไปเถอะ!” หวังหยูตะโกนเสียงดัง
ซานเป่าหันกลับมา ตัดเชือกรอบตัวหวังหยูด้วยดาบในมือ นางหันมายิ้ม
“สายเกินไปแล้ว เราเป็นพวกเดียวกันแล้วนะ รีบไปกันเถอะ”
ซานเป่าหันมาพยุงหวังหยูรีบออกไป แต่พ่อมดและเหล่าสาวกพากันล้อมตัวพวกเขาเอาไว้ จนไม่เหลือทางที่จะหลบหนีไปได้
หวังหยูอดไม่ได้ที่หันไปมองถังหลี่ แน่นอนว่านางคงไม่หุนหันพลันแล่นและมีแผนสำรองอยู่แล้ว
ในไม่ช้า เขาก็ได้เห็นตู้เย่จับอู๋เจี๋ยเป็นตัวประกัน มีดสั้นในมือของตู้เย่กดเข้าที่ลำคอของอู๋เจี๋ย สีหน้าเขาเย็นชา ถังหลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก หากจะจับโจรต้องจับหัวหน้าโจรก่อน เคล็ดลับนี้แม้จะใช้หลายครั้งก็ได้ผลเสมอ
“หลีกทาง หากไม่หลีก ข้าจะเชือดคอเขาเสีย” ตู้เย่พูดอย่างจริงจัง เมื่อพ่อมดและสาวกเห็นเช่นนั้น พวกเขาไม่ได้เข้ามาจู่โจมต่างพากันยืนอยู่อย่างลังเล
“นั่น! พวกเขากล้าจับพ่อมดศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวประกัน ช่างไม่เคารพเทพเจ้าเสียเลย”
“พวกเขาช่างกล้า นั่นเป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์เลยเชียวนะ”
“พวกเขาเป็นคนตระกูลเดียวกับคนทรยศ เป็นคนบาปของเผ่าอู๋ของเราด้วย”
“คนทรยศ!ปล่อยท่านพ่อมดไปซะ!”
“เทพเจ้าจะไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าเป็นแน่”
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง พวกเขาทำท่ากระเหี้ยนกระหือรืออยากเข้ามาฉีกเนื้อตู้เย่และคนอื่นให้เป็นชิ้นๆ
“อู๋เจี๋ย เจ้าบอกให้คนเหล่านั้นหลีกทางให้พวกข้า” ตู้เย่ย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม ส่อเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน “ไม่เช่นนั้นพวกเราร่วมตายพร้อมกัน”
อู๋เจี๋ยสวมหน้ากาก ปิดบังความรู้สึกบนใบหน้าของตัวเองเขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบเฉย
“เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือดินแดนของข้า แท่นบูชาของข้า!”
หลังจากเขาพูดจบตู้เย่รู้สึกตัวเองแข็งทื่อราววิญญาณถูกดึงออกจากร่าง มีดสั้นในมือของเขาหล่นลงกระแทกพื้น
ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ยากที่จะอธิบายได้ มีบางอย่างที่ลี้ลับและแปลกประหลาดกับกลุ่มพ่อมดกลุ่มนี้จริงๆ
ตู้เย่ตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่ ในขณะเดียวกันอู๋เจี๋ยก็รีบสลัดตัวหลุดออกจากการจับกุมของเขา เขาถอยหลังไปตกอยู่ภายใต้การอารักขาของสาวก
ถังหลี่ ซานเป่า หวังหยูและตู้เย่ถูกรุมล้อมด้วยพ่อมดและสาวกของอู๋เจี๋ย
พวกเขาสูญเสียโอกาสสุดท้ายที่จะเอาตัวรอดไปจากสถานการณ์นี้แล้ว
“ท่านแม่ จะทำอย่างไรดี?” ซานเป่าขมวดคิ้ว ถังหลี่กวาดตามองผู้คนรายรอบด้วยสายตาคมกล้า นางกัดฟันพูด
“ไม่มีทางอื่นแล้ว สู้ !” หลังจากพูดจบนางหยิบหน้าไม้ที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ยิงเข้าใส่ผู้ที่เข้ามาใกล้ ตู้เย่ หวังหยูและซานเป่าลงมือพร้อมกัน หน้าไม้ของถังหลี่ยิงธนูออกไป ดาบของซานเป่าแทงเข้าไปที่สาวกของพ่อมด ส่วนตู้เย่และหวังหยูพากันจู่โจมกับฝ่ายตรงข้ามด้วยกำลังภายในอย่างดุร้าย ร่างของคนทั้งสี่กระจายไปโจมตีบรรดาสาวกของพ่อมด มีคนล้มลงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นบรรดาพ่อมดและสาวกรับใช้ก็มีมากจนเกินไป ดูเหมือนว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะล้มพวกเขาลงได้หมด ต่อให้คนทั้งสี่จะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ตาม พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้า หมดพละกำลังและเสียเปรียบ แต่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ตู้เย่และหวังหยูก็ยังคงปกป้องซานเป่าอยู่อย่างเหนียวแน่น
มีบาดแผลมากมายบนร่างกายของหวังหยู ส่วนตู้เย่ถูกแทงที่แขนและขาจนเลือดไหลออกจากมุมปาก
ทั้งคู่สู้จนเต็มความสามารถของเขาแล้ว มีพ่อมดและสาวกมากมายให้พวกเขาต่อสู้ ทั้งยังฝูงชนที่อยู่เบื้องล่างที่พร้อมจะฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างคับขันและไม่ดีเอามากๆ ต่อให้มีปีกก็ยากที่จะหนีเล็ดรอดไปได้!
อู๋เจี๋ยเฝ้ามองอย่างเงียบๆที่ด้านนอก ริมฝีปากเขาโค้งงออย่างเย็นชา อู๋โม่ไป๋! เจ้าดูสิ ตัวแปรที่เจ้าพูดถึงกำลังจะตายในไม่ช้าแล้ว
ถังหลี่กัดฟันอดทนต่อไป วันนี้นางจะทิ้งชีวิตไว้ที่นี่จริงหรือ?
เมื่อคืนนางไม่ได้ฝันร้าย ตามหลักและเหตุผลแล้ว ชีวิตของนางไม่ควรจะตกอยู่ในอันตราย
หรือฝันที่เป็นลางบอกเหตุจะไม่มีอีกแล้ว?
เทียนเต๋าข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานอย่างนางทิ้งเสียแล้วหรือ? เขาไม่สนใจความเป็นความตายของนางอีกแล้วหรืออย่างไร?
ถังหลี่เห็นดาบในมือของซานเป่ากระเด็นหลุดออกจากมือ มีไม้เท้าของใครบางคนกำลังฟาดไปที่ศีรษะของนาง
แย่แล้ว! ซานเป่าตกอยู่ในอันตราย จิตใจของถังหลี่ว่างเปล่าไปชั่วครู่ แต่ร่างกายของนางตอบสนองได้เร็วกว่าสมองของตน นางพุ่งเข้าไปบังร่างของซานเป่าเอาไว้ด้วยตัวเอง ไม้เท้ากระแทกเข้าที่หลังของถังหลี่เข้าอย่างแรง
“ท่านแม่!”
ซานเป่าตาแดงก่ำเมื่อเห็นไม้เท้าหลายท่อน กำลังจะฟาดเข้าไปที่ร่างกายของมารดา
“อย่าทำร้าย ท่านแม่ของข้านะ!” ซานเป่าตะโกนร้อง นางไร้ซึ่งอาวุธในมือ ด้วยความสิ้นหวัง พลันนางเหลือบไปเห็นโลหะท่อนหนึ่ง แขวนอยู่ในแนวนอน นางเอื้อมมือไปหยิบมาอย่างไม่คิดมาก ซานเป่ายกท่อนโลหะท่อนนั้นขึ้น นางเหวี่ยงฟาดเข้าไปที่ไม้เท้าเหล่านั้นอย่างแรง จนไม้เท้าร่วงลงไปกองที่พื้น บรรดาพ่อมดและเหล่าสาวกที่กำลังเข้าโจมตีพากันตกตะลึงเมื่อเห็นซานเป่าถือคทาจันทราอยู่ในมือ
มีเพียงธิดาเทพเท่านั้นที่จะถือคทาจันทราได้ เหตุใดเด็กคนนี้ถึงได้ยกขึ้นมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ อู๋เจี๋ยมองไปที่ซานเป่า สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที
เป็นไปได้อย่างไร
หรือนางจะเป็นตัวแปรที่อู๋โม่ไป๋ได้ทำนายเอาไว้?
……………..