เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 718 การเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 718 การเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์
บทที่ 718 การเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์
ฮ่องเต้โจวทรงหยิบพระโอสถเม็ดขึ้นมา หลังจากที่เสวยยาเข้าไปแล้วพระอาการวิงเวียนพระเศียรก็ค่อยๆ ดีขึ้น ในขณะที่พระองค์กำลังจะพระราชทานรางวัลให้ ฮ่องเต้โจวสบเข้ากับดวงตาที่แปลกพิกลของหมอเทวดา
ทันใดนั้นความเจ็บปวดที่รุนแรงก็เกิดขึ้นที่กลางพระขนง ค่อยๆ แผ่ขยายไปทั่วพระเศียร
“อ๊ากก!”
ฮ่องเต้โจวทรงกรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมาน พระองค์ทรงกลิ้งตกจากบัลลังก์ ความเจ็บปวดที่พุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้ลืมสิ้นถึงสถานะที่สูงศักดิ์
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!” เต๋อชุนตกใจมาก เขาส่งเสียงเรียกฮ่องเต้โจวสองครั้งแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง เต๋อชุนหันมองไปที่หมอเทวดาอย่างรวดเร็ว
“กล้าดีอย่างไร? เจ้าเอาอะไรให้ฝ่าบาทเสวย?” หมอเทวดายังคงยืนนิ่ง ไม่เอ่ยตอบ
“ไปเรียกคนมา หมอเทวดาลงมือสังหารฝ่าบาท จัดการเขา!” เต๋อชุนตะโกน
องครักษ์ที่เฝ้าประตูทำตัวราวกับว่าพวกเขาเป็นผีสาง ไม่มีใครขยับหรือตอบโต้ กว่าเต๋อชุนจะทันได้คิดอ่าน ร่างกายของเขาก็หนาวเหน็บ…
หมอเทวดาได้ริอ่านวางแผนการปลงพระชนม์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
พริบตาต่อมาแสงสีเงินก็พาดผ่านที่ช่วงคอของเต๋อชุน โลหิตไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อหันไปมองคนที่ลอบสังหาร เขาคือองครักษ์ส่วนพระองค์ของฮ่องเต้โจว!
…
วันถัดมา
พระบรมราชโองการได้ถูกส่งไปยังจวนรุ่ยอ๋อง
“ด้วยบัญชาแห่งสวรรค์ฮ่องเต้โจวได้มีราชโองการ…บัดนี้พระราชโอรสองค์ที่สามของข้า มีปรีชาสามารถเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำตามพระบัญชาของสวรรค์ต่อไป ข้าขอแต่งตั้งรุ่ยอ๋อง เป็นองค์รัชทายาทสืบจากนี้”
นั่นคือพระบรมราชโองการที่สถาปนาจ้าวชูให้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท จ้าวชูน้อมรับพระบรมราชโองการ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” เขาก้มศีรษะลง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกระหยิ่มในความสำเร็จของตน
ข่าวการแต่งตั้งองค์ชายสามเป็นองค์รัชทายาทได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่ได้รับรู้พากันตกตะลึง
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้โจวไม่พอพระทัยองค์ชายสาม ทั้งยังตั้งพระทัยทดสอบองค์ชายหก ให้ออกไปปราบกองโจร หลังจากที่องค์ชายหกกลับมาอย่างปลอดภัย ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามพระประสงค์ ฝ่าบาทแน่วแน่ที่จะแต่งตั้งองค์ชายหกเป็นองค์รัชทายาท
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า จู่ๆ ก็มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งองค์ชายสามเป็นรัชทายาท น้ำพระทัยของฝ่าบาทเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ
เมื่อหวังกุ้ยเฟยได้ยินข่าว พระนางทรงดีพระทัยมาก
ในที่สุดชูเอ๋อร์ของนางก็ได้กลายเป็นองค์รัชทายาทแล้ว ในยามที่ชูเอ๋อร์ได้ขึ้นครองบัลลังก์ นางจะได้ดำรงตำแหน่งไทเฮา เป็นสตรีที่มีอำนาจที่สุดในวังหลังของต้าโจว!
ส่วนทางด้านพระสนมเหลียง นางไม่เชื่อว่าเรื่องจะพลิกผันเป็นเช่นนี้ไปได้ เมื่อสองวันก่อนฝ่าบาทตรัสกับนางว่าทรงตั้งพระทัยที่จะแต่งตั้งจ้าวจิ่งซวนขึ้นเป็นองค์รัชทายาท
เรื่องนี้ดูผิดปกติ นางต้องรีบไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท!
พระสนมเหลียงวิ่งไปที่ห้องบรรทมของฮ่องเต้โจวแต่ก็ได้รับแจ้งว่าพระองค์ทรงพระประชวร ด้านในมีหวังกุ้ยเฟยเข้าเฝ้าอยู่ แต่เมื่อไม่เห็นคนของฝ่าบาททำให้สนมเหลียงยิ่งสงสัยมากยิ่งขึ้น นางรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพระองค์เป็นแน่ สนมเหลียงพยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปแต่ก็ถูกองครักษ์ขัดขวางไว้
“พระสนมเหลียง ฝ่าบาททรงประชวร เจ้ามาร้องไห้เอะอะเสียงดังเช่นนี้จะไม่เป็นการละเมิดกฎระเบียบไปหน่อยหรือ?”
หวังกุ้ยเฟยประทับยืนอยู่บนบันได ส่งเสียงกราดเกรี้ยวลงมา ดวงเนตรเย็นชาคมกริบจ้องเขม็งไปยังพระสนมเหลียงประหนึ่งเป็นมีดที่ต้องการเฉือนนางให้เป็นชิ้นๆ
แต่ด้วยสถานการณ์ที่ยังไม่มั่นคง การเก็บพระสนมเหลียงไว้อาจจะมีประโยชน์ในภายหลัง หวังกุ้ยเฟยจึงยั้งมือเอาไว้ก่อน วันใดชูเอ๋อร์ขึ้นเป็นฮ่องเต้ วันนั้นนางจะสับสนมเหลียงเป็นชิ้นๆ เพื่อสนองความเกลียดชังที่สุมอยู่ในอก
พระสนมเหลียงไม่มีทางอื่นนอกจากล่าถอยกลับไป
“มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในวังแล้ว..”
พระสนมเหลียงก้าวย่างซวนเซอ่อนแรง ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนไปภายในวันเดียวเช่นนี้
นางสังหรณ์ใจว่าฝ่าบาทกำลังถูกจ้าวชูควบคุมอยู่ สีหน้าของนางเริ่มวิตกกังวลขึ้น
“จิ่งซวน…จิ่งซวนยังอยู่ที่ข้างนอก..”
เดิมทีฝ่าบาทต้องการจะแต่งตั้งจ้าวจิ่งซวนเป็นองค์รัชทายาท แต่เมื่อพระองค์ทรงอยู่ภายใต้การควบคุมของจ้าวชู เขาย่อมไม่ปล่อยจ้าวจิ่งซวนไปเป็นแน่ นางต้องส่งสารถึงสกุลเหลียงให้ปกป้องจ้าวจิ่งซวนไว้ให้ดี
พระสนมเหลียงเขียนจดหมาย ขอให้ข้ารับใช้ส่งไปที่สกุลเหลียง แต่ไม่นานจดหมายฉบับนั้นถูกส่งกลับคืน
“ฝ่าบาททรงพระประชวรอย่างหนัก เป็นการสมควรแล้วที่องค์ชายหกจะเสด็จกลับมาเยี่ยมบิดา การที่พระสนมเหลียงขอไม่ให้องค์ชายกลับวังถือเป็นเรื่องอกตัญญูเกินไป”
พระสนมเหลียงถือจดหมายไว้ด้วยมือสั่นเทา นางไม่คิดมาก่อนเลยว่าจ้าวชูจะควบคุมกองกำลังรักษาพระองค์ไว้ได้ถึงเพียงนี้ แท้จริงแล้วจ้าวชูไม่ใช่คนโง่เขลาเลยสักนิด
จวนรุ่ยอ๋อง
จ้าวชูนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน ทว่าจิตใจและร่างกายยังเปี่ยมไปด้วยพลัง หมอเทวดาผู้นั้นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจูชุนเจียวเป็นอย่างดี ต่อให้เขาเกลียดชังนางมากเพียงใด ก็ยังต้องพึ่งพาหมอเทวดาอยู่ดี
แม้เสด็จพ่อจะระแคะรคายความสัมพันธ์ของเขากับหมอเทวดา แต่ก็คงไม่คิดว่าจ้าวชูจะกล้าดีเดือดถึงเพียงนี้ พระองค์เสวยโอสถจากหมอเทวดาโดยปราศจากข้อกังขามาตลอด
ก่อนหน้านี้ย่อมเป็นยาบรรเทาพระอาการ หากทว่าตอนนี้…
รอยยิ้มเยาะหยันผุดขึ้นบนใบหน้าของจ้าวชู ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยสักนิด ในเมื่อเสด็จพ่อวางแผนที่จะมอบบัลลังก์ให้แก่น้องหกเอง หากเสด็จพ่อมอบให้เขาเสียแต่แรก เรื่องราวคงไม่เป็นเช่นวันนี้
ส่วนเรื่องอำนาจในการควบคุมกองกำลังรักษาพระองค์นั้น….
ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระองค์เป็นคนสนิทของเสด็จพ่อ เขาจะติดสินบนได้อย่างไร จ้าวชูจึงเบนเป้าไปที่รองผู้บังคับบัญชา คนผู้นี้มีบุตรชายที่มีอาการป่วยจากโรคที่รักษาไม่ได้ แม้จะหาหมอที่เก่งกาจเพียงใดมารักษาก็ตามที จ้าวชูจึงส่งคนสวมรอยเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจ พร้อมกับส่งยาอายุวัฒนะของหมอเทวดาไป แม้เด็กจะมีอาการดีขึ้นแต่ในไม่ช้าเมื่อลูกชายของรองผู้บัญชาการหยุดกินยา เขาจะค่อยๆ เสียสติ เจ็บปวดจนไม่สามารถจะทนได้ จะตกอยู่ในความทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย
รองผู้บัญชาการจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของจ้าวชู และเพื่อความสำเร็จอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจ้าวชูสั่งให้เขาสังหารผู้บัญชาการสูงสุดในเวลาที่เหมาะสมอีกด้วย
ตอนนี้รองผู้บัญชาการเป็นคนที่ควบคุมกองกำลังรักษาพระองค์เอาไว้ทั้งหมด อีกทั้งเขายังมีกองกำลังส่วนตัวอีกสองหมื่นนายในมณฑลวั่งเซี่ยน แม้ว่าสกุลเหลียงจะมีกองกำลัง แต่น้ำที่อยู่ห่างไกลไยเลยจะดับไฟได้ทัน ข่าวไม่สามารถส่งไปถึงเหลียงเจียจุน หากเขากลับมาโดยไม่ได้รับอนุญาต สกุลเหลียงจะถูกตั้งข้อหากบฏ ตอนนั้นเขาจะสามารถกำจัดสกุลเหลียงได้จนสิ้น ทั้งหมดนี้คือแผนการของจ้าวชู
ท่าทีที่ตึงเครียดของเขาจึงได้ผ่อนคลายลง
ที่สำนักฮั่นหลิน
จ้าวจิ่งซวนกำลังเดินไปรอบๆห้องทำงานด้วยความกังวล โดยมีสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งอยู่ในห้องนั้นด้วย พวกเขาได้ทราบข่าวเรื่องการแต่งตั้งจ้าวชูขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแล้ว เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าลงมาเช่นนี้ ท้องฟ้าจึงเริ่มเปลี่ยนสี นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเห็น แต่แท้จริงแล้วอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปก่อนหน้านั้นแล้วก็เป็นได้
“ข้าไม่รู้ว่าในวังหลวงเกิดอะไรขึ้น ข้าอยากจะเข้าไปดู” จ้าวจิ่งซวนกล่าว
“อย่าเพิ่งไป ข้าว่าเรื่องนี้ดูผิดสังเกตมาก” สวี่เจวี๋ยทักขึ้น
“รอข่าวจากพระสนมเหลียงก่อนเถิด” เว่ยจื่ออั๋งเสนอ
“ใช่แล้ว ต้องรอข่าวจากเสด็จแม่” จ้าวจิ่งซวนพูด พยายามระงับสติตัวเอง
ในขณะนั้นเพื่อนร่วมงานที่อยู่ใกล้ๆ ก็มาเคาะที่ประตูห้องของเขา
“ตอนนี้องครักษ์จำนวนมากมารออยู่ที่หน้าสำนักฮั่นหลิน พวกเขามาส่งข่าวว่าฮ่องเต้ทรงพระประชวรหนัก ขอให้องค์ชายหกเสด็จกลับวังให้เร็วที่สุด”
“เสด็จพ่อประชวรหรือ?” ใบหน้าของจ้าวจิ่งซวนเป็นกังวลมากขึ้น แต่เมื่อเขากำลังจะออกไปสวี่เจวี๋ยก็รั้งเขาไว้
“อย่าไป มันคือกับดัก”
“แต่มีองครักษ์จำนวนมาก..เป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขืน” จ้าวจิ่งซวนกล่าว สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหานี้ได้อย่างไร