เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 724 แผนการต่อไป
บทที่ 724 แผนการต่อไป
เหลียงหยูทำงานในสำนักศึกษาหลวงเขารู้แค่วิธีสั่งสอนศิษย์เท่านั้น เขาไม่ได้ชื่นชอบเรื่องการแก่งแย่งอำนาจ ทำให้เหลียงตงต้องเป็นคนคอยจัดการดูแลเรื่องเหล่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเหลียงตงทำให้เหลียงหยูต้องหันมาดูแลเรื่องเหล่านี้เอง
ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านความสะเทือนใจและเหนื่อยล้า ทำให้เขาดูชราลงไปมาก
“ท่านลุง” จ้าวจิ่งซวนเรียก
“มีข่าวจากวังหลวงบ้างหรือไม่?” เหลียงหยูส่ายศีรษะไปมา แต่แล้วเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้
“พวกเขาให้พระสนมเหลียงเข้าเฝ้าฮ่องเต้”
“หลังจากนั้นนางได้กลับออกมาหรือไม่?” เหลียงหยูส่ายหัวไปมา ท่าทีของจ้าวจิ่งซวนเคร่งขรึมมากขึ้น
“ท่านลุง หากเราบุกเข้าไปในพระราชวัง เรามีทหารกี่นายหรือ?” จ้าวจิ่งซวนถาม
“น้อยกว่าห้าร้อย”
เดิมทีในเขตวังหลวงมีองครักษ์หลวงอยู่สองพันนาย แต่หลังจากไม่นานมานี้จ้าวชูได้เพิ่มกำลังคนเข้ามาอีกเพื่อป้องกันวังหลวงอย่างเข้มงวด
จ้าวจิ่งซวนต้องให้ความพยายามอย่างมาในการสืบเรื่องของพระสนมเหลียง เมื่อได้ยินคำพูดของท่านลุง คิ้วของจ้าวจิ่งซวนขมวดแน่น เขาพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ผลุนผลันบุกเข้าไปในวัง
“สืบต่อไป หากท่านได้ข่าวอะไรโปรดบอกข้าที”
“พะย่ะค่ะ”
….
ที่ประตูทิศใต้ของเมืองหลวง
สามีภรรยาคู่หนึ่งขับรถม้าทรุดโทรมผ่านประตูเมืองเข้ามาโดยไม่มีผู้ใดสนใจ รถม้าหยุดลงในตรอก พวกเขาลงจากรถม้าเข้าไปในบ้าน
สามีภรรยาคู่นี้คือเว่ยฉิงและถังหลี่ หญิงสาวใช้มนต์อำพรางเพื่อทำให้พวกเขาเข้ามาในเมืองหลวงได้อย่างราบรื่น
บ้านหลังนี้ถังหลี่ซื้อไว้ในชื่อของคนอื่น ต่อให้จ้าวชูมีหูตากว้างไกลก็ไม่สามารถหาเจอได้
นางถอนหายใจออกมาเบาๆ คิดถึงมู่เป่ากับถังเป่ามากเหลือเกิน
เมื่อถังหลี่เงยหน้าขึ้นเห็นเว่ยฉิงกำลังมองตนเอง
“ดูไม่ได้เลย..” เว่ยฉิงเอ่ย
มนต์พรางตาของถังหลี่ทำให้ตนเองกลายหญิงไหล่กว้าง ร่างกายหนาเทอะทะ นางเลิกคิ้ว
“อะไร? ไม่ชอบหรือ?” เว่ยฉิงรีบเข้าไปใกล้ภรรยาเอ่ยแก้ตัวว่า
“ไม่ว่าฮูหยินจะเป็นอย่างไรข้าก็รักเจ้าเสมอ” เขาทำท่าจะเข้ามาจูบนาง แต่เมื่อถังหลี่เห็นปากหนาเหมือนไส้กรอกของเว่ยฉิง นางต่อต้านเขาทันที
“อี๋..อย่าน่ะ! ข้าไม่ชอบ! ”
ถังหลี่ยอมรับว่านางเป็นคนชอบคนหน้าตาดี นางตกหลุมรักสามีก็เพราะเขามีหน้าตาหล่อเหลาด้วยส่วนหนึ่ง
เว่ยฉิงตกตะลึง เขาเหลือบมองภรรยาด้วยความเสียใจ ไหล่ห่อ ทรุดลงอย่างน่าสงสาร
พูดตามตรงแล้ว ตอนนี้เว่ยฉิงมีตายิบหยีบวกกับริมฝีปากที่หนา ทำให้หน้าดูเศร้าหดหู่อย่างช่วยไม่ได้ ไม่นานเขาก็หันกลับมาหาถังหลี่โดยใช้ผ้าสีดำปิดบังใบหน้าของตนเอาไว้
ถังหลี่ขบขันสามี นางถอดผ้าที่ปิดใบหน้าเขาออก จากนั้นจึงโอบแขนรอบคอสามี เขย่งเท้าขึ้นจูบเว่ยฉิง
ทั้งสองพากันเข้าไปในบ้านที่สะอาดและสะดวกสบาย
ฉือซื่อตั้งน้ำร้อนให้ทั้งสองอาบน้ำอุ่น พวกเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด หลังจากที่ได้กินอาหารแล้ว องครักษ์เงาก็ส่งข่าวใหม่ล่าสุดเข้ามา เป็นเรื่องของจ้าวต้วนรองผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นภรรยาและลูกๆของเขา งานอดิเรก หรือสถานที่ที่จ้าวต้วนเพิ่งไปมา ทั้งหมดได้ถูกรายงานเอาไว้อย่างชัดเจน
จ้าวต้วนเป็นคนแซ่จ้าว เขาเป็นเชื้อพระวงศ์เช่นกัน ชายคนนี้เป็นรองผู้บัญชาการตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้เป็นอย่างมาก เส้นทางในการทำงานของเขาราบรื่นสดใส
“ว่ากันว่าจ้าวต้วนจะเป็นผู้บัญชาการคนต่อไปของกองกำลังรักษาพระองค์ เหตุผลที่ทำลงไปไม่น่าจะเป็นการแสวงหาอำนาจ ” เว่ยฉิงตั้งข้อสังเกต
แล้วเพื่ออะไรล่ะ?
ถังหลี่ครุ่นคิดก่อนที่นางจะสังเกตเห็นว่าก่อนหน้านี้มีหมอเข้าจวนของเขาบ่อยครั้ง จนกระทั่งเดือนที่แล้ว ก็ไม่มีหมอมาอีกเลย
จ้าวต้วนรักบุตรชายตัวเองมาก… เมื่ออ่านรายงานต่อจึงได้รู้ว่าบุตรชายของเขาป่วยหนัก ในเมื่อลูกชายป่วยหนักเช่นนี้เหตุใดจึงไม่ให้หมอมารักษา? ในรายงานก็ไม่ได้เขียนว่าเด็กคนนี้เสียชีวิตไปแล้ว
“สามี ท่านให้องครักษ์เงาสืบเรื่องบุตรชายของจ้าวต้วนดูหน่อยเถิด” ถังหลี่บอก เว่ยฉิงพยักหน้าพลางขมวดคิ้วแน่น
“ฮูหยิน ข้าไม่คิดว่าจ้าวชูจะพึ่งพาจ้าวต้วนเท่านั้น เขาใช้ประโยชน์ในเวลาช่วงนี้สับเปลี่ยนเอาคนของตนเองเข้าไป อีกไม่กี่วันกองกำลังของจ้าวชูจะถึงเมืองหลวงแล้ว”
หากไม่มีคำสั่งของฮ่องเต้ก็ไม่สามารถที่จะระดมกองทัพจากที่อื่นได้ หากจ้าวชูควบคุมทหารในวังได้ อีกทั้งยังมีกองกำลังส่วนตัวของเขา จะทำให้เขายึดอำนาจควบคุมเมืองหลวงได้อย่างเบ็ดเสร็จ
“ตอนนี้กองกำลังรักษาพระองค์มีจำนวนคนเป็นหมื่น ทางเลือกเดียวในตอนนี้คือต้องกระชากหน้ากากของจ้าวชูออกมาให้ได้ หลังจากนั้นคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหารรักษาพระองค์สู้รบกับกองกำลังส่วนตัวของจ้าวชู” ถังหลี่ให้ความเห็น
แต่ปัญหาใหญ่ก็คือจ้าวต้วนฟังคำสั่งของจ้าวชู ส่วนฮ่องเต้โจวก็ถูกจ้าวชูควบคุมตัวเอาไว้เช่นกัน พวกเขาต้องรีบชิงลงมือก่อนที่กองกำลังส่วนตัวของจ้าวชูจะมาถึงเมืองหลวง ตอนนี้เขายังไม่กล้าฆ่าฮ่องเต้โจว
แต่เมื่อไรที่กองกำลังของจ้าวชูมาถึงตอนนั้นจ้าวชูจะสังหารฮ่องเต้โจวแน่นอน
เย็นวันนั้น
ข้อมูลของบุตรชายจ้าวต้วนก็มาถึงมือถังหลี่และเว่ยฉิง ทั้งสองเข้าใจแล้วว่าจ้าวชูทำให้จ้าวต้วนเชื่อฟังคำสั่งได้อย่างไร เขานำยาที่บรรเทาอาการเจ็บปวดของหมอเทวดาให้บุตรชายจ้าวต้วน แต่ยานั้นเป็นสารเสพติด หลังจากที่บุตรชายของจ้าวต้วนขาดยา เขาจะทุกข์ทรมานและเจ็บปวดมาก เมื่อใดที่บุตรชายเขาเจ็บปวด เขาจะอาศัยจังหวะนั้นควบคุมจ้าวต้วน
“ฮูหยิน ไปหาจ้าวต้วนกันเถิด” เว่ยฉิงพูดขึ้น จ้าวต้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของจ้าวชู เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงมากที่เว่ยฉิงจะไปหาเขาภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้
“หมอซูอยู่ในเมือง แต่…ไม่ต้องกังวล ข้าจะพยายามหาวิธี” ถังหลี่พูด
ไม่นานมานี้หมอซูกลับมาจากสกุลหยางแล้ว คงจะดีไม่น้อย ถ้าจะให้เขามารักษาอาการของบุตรชายจ้าวต้วน แต่ว่า…นางกลัวว่าหมอซูจะรักษาไม่หาย หากจ้าวต้วนเลือกข้างของจ้าวชูสามีของนางและหมอซูคงถึงจุดจบ
“ฮูหยิน นี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้น ต้องให้หมอซูดูอาการของบุตรชายเขา เพื่อหาวิธีรักษา แม้ว่าจะไม่หายขาดก็ตามที ข้าจะลองโน้มน้าวใจจ้าวต้วนดูเอง” เว่ยฉิงกล่าว
ทั้งสองมองหน้ากัน ดวงตาของถังหลี่เต็มไปด้วยความกังวล แต่สายตาของเว่ยฉิงแน่วแน่มั่นคงมากจนถังหลี่ยอมแพ้
“เช่นนั้นต้องพาหมอซูมาที่นี่ก่อน” ถังหลี่กล่าว
หมอซูอาศัยอยู่ในจวนสกุลอู่ ทุกการเคลื่อนไหวในจวนตอนนี้อยู่ในสายตาของจ้าวชูทั้งนั้น พวกเขาเลยตัดสินใจพาหมอซูมาในตอนกลางคืน
หมอซูและฮูหยินซูรู้ถึงความร้ายแรงในสถานการณ์ในตอนนี้ ทั้งสองอาศัยอยู่ในจวนอู่อย่างเดียวไม่ออกไปไหน ทั้งยังกังวลเรื่องของเว่ยฉิงและถังหลี่ด้วย พวกเขาดีใจมากเมื่อได้รับจดหมายจากถังหลี่ว่าทั้งคู่ปลอดภัยดี หมอซูถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดียิ่ง ดีมากเลย”
“หมอซู…เรื่องที่เราจะทำต่อจากนี้อันตรายมาก”
ถังหลี่อธิบายสั้นๆ ถึงสิ่งที่หมอซูและเว่ยฉิงจะต้องทำ รวมถึงอันตรายต่างๆ ทว่าหมอซูกลับไม่มีความลังเล
“ได้ บอกแผนการของเจ้ามา”