เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 725 พบกับจ้าวต้วน
บทที่ 725 พบกับจ้าวต้วน
กลางดึก
ความมืดเข้าปกคลุมความโอ่อ่าและพลุกพล่านในเมืองหลวง บรรยากาศเงียบสงัด ร่างสูงถือดาบรีบเข้าไปในเรือน แสงจันทร์ส่องไปที่ใบหน้าของคนผู้นั้นเผยให้เห็นความเหนื่อยล้าและโทสะ เขากำลังจะเข้าไปในห้องแต่กลับหยุดชะงัก
“ท่านพี่” เสียงสตรีที่นอนอยู่ด้านในห้องเรียกเขา ไม่นานนักหญิงสาวท่าทางอ่อนโยนเดินออกมา เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว นางมีท่าทีประหลาดใจ
“เป็นท่านพี่จริงๆ”
ชายผู้นี้คือจ้าวต้วน รองผู้บัญชาการกองกำลังทหารรักษาพระองค์ สตรีผู้นี้คือภรรยาของเขา
“ท่านพี่จะไปดูคงเอ๋อร์หรือไม่เจ้าคะ?” ฮูหยินจ้าวถามจับมือของสามีเอาไว้
“ร่างกายของข้าเย็น ข้าจะอุ่นร่างกายเสียหน่อย ไอเย็นจะไม่ได้ส่งผ่านไปให้ลูก”
จ้าวต้วนเป็นบุรุษท่าทีดุร้ายแต่คำพูดของเขาอ่อนโยนมาก ถ้ากับเด็กคนอื่นเขาคงไม่ได้มีท่าทีเช่นนี้แน่ แต่คงเอ๋อร์เป็นบุตรชายที่อ่อนแอของเขา จ้าวต้วนไม่อยากให้ลมหนาวมากล้ำกรายกระทบกับบุตรชายเลยแม้แต่น้อย
“ลูกเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามเสียงเบา
ดวงตาของภรรยาหลุบลงต่ำ
“ตอนกลางวันเขาตื่น รู้สึกตัวประมาณหนึ่งชั่วยาม เมื่อวานสองช่วงยาม เวลาในการตื่นขึ้นมาของเขาสั้นลงทุกที..”
หากเวลาที่ตื่นสั้นลงเรื่อยๆ เช่นนี้ อาจจะมีสักวันที่เขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย นางไม่กล้าคิดไปถึงวันข้างหน้า
“ท่านพี่ ท่านจะให้หมอมาตรวจคงเอ๋อร์อีกหรือไม่เจ้าคะ?”
จ้าวต้วนเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไร บุตรชายของจ้าวต้วนเป็นเด็กที่ได้มายากยิ่ง ทั้งเขาและภรรยาใช้เวลาเจ็ดหรือแปดปีเห็นจะได้เพื่อจะมีบุตรคนนี้ ทั้งคู่ทนุถนอมบุตรชายมาก แต่ไม่ว่าจะทนุถนอมหรือดูแลเป็นพิเศษมากเพียงใด บุตรชายของเขาก็ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ไม่ว่าจะเป็นหมอที่เก่งกาจมาจากไหนก็ตาม อาการป่วยของคงเอ๋อร์มีแต่จะกำเริบขึ้นทุกวัน
จนกระทั่งเขาได้พบกับหมอที่ให้ยาคงเอ๋อร์ เขาดีขึ้นและไม่เจ็บปวดเช่นเดิม แต่อาการข้างเคียงเมื่อหยุดกินยา เขาจะคลุ้มคลั่ง ฉุนเฉียว กลายเป็นเด็กก้าวร้าวดุร้าย
ในไม่ช้าจ้าวต้วนก็พบว่าหมอคนนั้นไม่ใช่หมอธรรมดา แต่เป็นคนของจ้าวชู
ในตอนนั้นเองเขาจึงตระหนักได้ว่า ตนเองได้เสียรู้จ้าวชูเข้าแล้ว ชายคนนั้นจับจุดอ่อนของจ้าวต้วนไว้ได้ และสั่งให้เขาทำตามที่ตนต้องการ
การทำตามคำสั่งของจ้าวชูก็เพื่อได้ยามาบรรเทาอาการของคงเอ๋อร์ของเขา
บุตรชายเจ็บปวดมาก ทำให้จ้าวต้วนทรยศต่อฮ่องเต้โจวเลือกที่จะทำงานรับใช้จ้าวชู แต่ในเมื่ิอเขาทำตามที่จ้าวชูสั่ง แต่เหตุใดคงเอ๋อร์ถึงยังอ่อนแอลงทุกวันแบบนี้?
“พรุ่งนี้ข้าจะไปหาหมอ” จ้าวต้วนบอก
เขาเข้าไปในห้องอุ่นด้านใน บนเตียงมีเด็กน้อยคนหนึ่งนอนอยู่ ใบหน้าของเด็กคนนี้ยังคงซีดเซียวภายใต้แสงจันทร์สลัว ลมหายใจของเขาแผ่วเบาจนแทบไม่รู้ว่าจะหายไปเมื่อใด
หัวใจของจ้าวต้วนสั่นสะท้าน แต่ในคืนที่มืดมิดนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“นั่นใคร?” ฮูหยินจ้าวถาม นางเดินไปเปิดประตูแต่ก็ไม่พบใคร ไม่นานประตูก็ปิดลง จ้าวต้วนสังเกตถึงความผิดปกตินี้ได้ เขารีบลุกขึ้นทันที ร่างเงาของบุรุษสองคนปรากฏขึ้นในภายในห้องอย่างเงียบเชียบ
ภรรยาของเขาโดนใครบางคนปิดปากเอาไว้ จ้าวต้วนจึงชักดาบออกมา
“รองผู้บัญชาการ ท่านจำข้าได้หรือไม่?” ชายคนนั้นถอดหน้ากากออก ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากคือเว่ยฉิง ในตอนแรกถังหลี่จะให้มนต์พรางตาเพื่อไม่ให้จ้าวชูพบพวกเขา แต่เว่ยฉิงปฏิเสธ เขาอยากแสดงตัวตนที่แท้จริงเพื่อที่จะโน้มน้าวจ้าวต้วนได้มากขึ้น หากตอนนี้เว่ยฉิงเป็นคนแปลกหน้า ดาบในมือของจ้าวต้วนคงจะฟาดฟันมาที่ตัวเขาแล้ว
เมื่อเห็นเป็นเว่ยฉิงเขาดูประหลาดใจ
“ใต้เท้าอู่”
“ฮูหยิน ข้าเป็นคนรู้จักของสามีท่าน ข้าจะปล่อยท่านไป ได้โปรดอย่าส่งเสียง ตกลงหรือไม่?” เว่ยฉิงกระซิบ ภรรยาจ้าวต้วนพยักหน้าถี่ๆ เมื่อเว่ยฉิงปล่อยนาง ฮูหยินจ้าวรีบวิ่งไปหลบที่หลังสามีทันที
“ใต้เท้าอู่ท่านไม่รู้หรือว่าท่านตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังรักษาพระองค์?” จ้าวต้วนคลี่ยิ้มแต่แววตาของเขากลับเคร่งเครียด
“ท่านมาที่เรือนข้าไม่กลัวว่าจะเจอกับดักหรอกหรือ?”
กองกำลังทหารรักษาพระองค์ให้ความสำคัญกับเว่ยฉิงมาก จ้าวต้วนรู้สึกประหลาดใจที่เขาลอบเข้ามาในเมืองหลวงเงียบๆ ได้ ทั้งยังมาปรากฏตัวที่จวนของเขาอีกด้วย
“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อโดนจับ แต่ข้ามาเพื่อช่วยรองผู้บังคับบัญชาแก้ปัญหา” ท่าทีที่สงบนิ่งของเว่ยฉิงทำให้จ้าวต้วนหัวเราะ
“ปัญหาของข้าหรือ? ใต้เท้าอู่ ข้ามีปัญหาอะไรให้ท่านแก้หรือ?”
เขาคิดว่าอู่อวี้เพ้อเจ้อ ตอนนี้เว่ยฉิงเหมือนนกที่บินมาติดในกรงของเขา ซ้ำยังยังยะโสที่กล้าพูดว่าจะช่วยเขา
“ฝ่าบาททรงพระประชวร อาการของพระองค์ไม่สู้ดี” เว่ยฉิงเอ่ยขึ้น
รอยยิ้มของจ้าวต้วนชะงัก ดวงตาเฉียบคมมองไปเว่ยฉิง ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะรู้ตื้นลึกหนาบางดี
“แล้วอย่างไร?”
“ข้าพาหมอที่เก่งกาจมากคนหนึ่งมารักษาบุตรชายของท่าน”
หลังจากที่เว่ยฉิงพูดจบ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมา บรรยากาศรอบๆ ตัวเขาดูไร้พิษสง จ้าวต้วนมองไปที่หมอซูอย่างไม่จริงจัง
“เก่งเพียงใดกัน? เก่งกว่าหัวหน้าหมอหลวงอีกหรือ?” จ้าวต้วนถาม
“ข้ากับหัวหน้าหมอหลวงมีข้อดีข้อเสียต่างกัน” หมอซูกล่าวด้วยความจริงจัง
ช่างกล้าคุยโว….
“ข้าไม่ได้เห็นอาการของบุตรชายท่าน ขอให้ข้าตรวจเขาใกล้ๆ ได้หรือไม่?”
หมอซูถามแต่จ้าวต้วนไม่ฟัง เขาคิดเพียงแต่ว่าจะจัดการกับอู่อวี้อย่างไร
จับเขาส่งไปให้จ้าวชูดีหรือไม่?
เขาตกเป็นเบี้ยล่างอยู่ภายใต้อาณัติของจ้าวชู หากว่าเขาไม่ช่วยจ้าวชูเอาไว้ แล้วถ้าเขาเกิดพ่ายแพ้ในหมากเกมนี้ขึ้นมา ครอบครัวของเขาคงพบจุดจบที่ไม่ดี
“รองผู้บัญชาการจ้าว ท่านไม่คิดหรือว่าอาการของบุตรชายท่านคล้ายกับฝ่าบาท?” เว่ยฉิงโพล่งขึ้นมา ท่าทีของจ้าวต้วนเปลี่ยนไป
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ….
อาการของทั้งสองคนคล้ายกันมาก ทั้งความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน เพียงแต่ฝ่าบาทดูทรุดโทรมผ่ายผอมเหมือนไม่ใช่ผีไม่ใช่คน
“แน่นอนว่าอาการย่อมเหมือนกัน เพราะยาที่ได้รับล้วนมาจากมือของหมอเทวดา ฝ่าบาทไม่ได้เป็นแบบนี้ภายในเวลาข้ามคืน แต่พระองค์เสวยโอสถมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว คุณชายน้อยจ้าวยังเด็กอาจจะเป็นโรคอื่น ฝ่าบาทจะอยู่ได้ไม่นานเพราะยาตัวนี้” เว่ยฉิงว่า “ยาของจ้าวชูไม่สามารถรักษาเขาได้ แต่จะทำให้เขาตายเร็วขึ้น”
ท่าทีของจ้าวต้วนไม่น่าดู อู่อวี้รู้มากกว่าเขา และตรงกับที่เขาคาดเดาไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อดูจากสถานการณ์ของคงเอ๋อร์ จ้าวต้วนต้องยอมรับว่าคำพูดของอู่อวี้ถูกต้อง ยาของจ้าวชูไม่สามารถรักษาอาการของบุตรชายเขาได้เลย มีแต่จะทำให้อาการแย่ลงเท่านั้น แต่จะเป็นอย่างไรหากคงเอ๋อร์ไม่ได้ยา?
“ให้หมอที่ข้าพามาได้ตรวจคุณชายจ้าวหน่อยเถิด บางทีอาจจะมีวิธีรักษาก็เป็นได้” เว่ยฉิงพูดย้ำ จ้าวต้วนไม่ได้ปริปากอะไรออกมา แต่สตรีที่อยู่ด้านหลังของเขาดูผ่อนคลาย นางดึงแขนเสื้อของสามี
“ท่านพี่…ให้ท่านหมอดูอาการของคงเอ๋อร์สักหน่อยเถิด” น้ำเสียงของนางอ้อนวอน ก่อนที่เขาจะตอบ มีเสียงโอดครวญดังมาจากด้านใน เป็นเสียงที่เจ็บปวดของเด็กน้อย จ้าวต้วนและฮูหยินจ้าวรีบวิ่งเข้าไปในห้อง คงเอ๋อร์ของพวกเขาล้มลงกับพื้น ใบหน้าของเด็กชายเจ็บปวดทรมาน
อาการกำเริบอีกแล้ว
“ไปเร็ว ไปเอายามา” จ้าวต้วนพูด
ตอนนั้นเองมีร่างหนึ่งวิ่งเข้าไปสำรวจเด็กชายทันที