เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 726 ใกล้เข้าไป
บทที่ 726 ใกล้เข้าไป
ในตอนแรกที่เด็กชัก เขายังดิ้นไม่มาก หมอซูใช้โอกาสนี้ตรวจชีพจรของเขา ไม่ช้าฮูหยินจ้าวก็กลับมาพร้อมกับกล่องที่บรรจุยา นางหยิบยาเม็ดสีดำส่งให้จ้าวต้วน
ตอนที่เขากำลังจะเอายาป้อนให้บุตรชาย เว่ยฉิงก็รั้งมือของเขาไว้
“แม้ว่ายาชนิดนี้จะบรรเทาอาการเจ็บปวดของคุณชายจ้าวได้ แต่แท้จริงแล้วเป็นยาพิษชนิดหนึ่ง ยิ่งกินมากเท่าใด เขายิ่งมีความต้องการมากขึ้นเท่านั้น พิษที่ได้รับจะกัดกร่อนร่างกายของเขาทำให้อ่อนแอลง ท่านแน่ใจหรือว่าจะให้เขากินยาเม็ดนี้” เว่ยฉิงถาม
จ้าวต้วนลังเลมองเม็ดยาที่อยู่ในมือ เขาจะไม่รู้เชียวหรือว่ามีบางอย่างผิดปกติกับยา แต่หากคงเอ๋อร์ไม่ได้ยา เขาจะอยู่ต่อไปไม่ได้ เขาจะเจ็บปวดทรมาน เด็กชายรู้แล้วว่ายาจะทำให้เขาหายจากความเจ็บปวดที่กำลังรุมเร้าตนเองอยู่ในขณะนี้ เขามองบิดาด้วยสายตาอ้อนวอน
“ท่านพ่อ ข้าอยากกินยา..เอายามาให้ข้าเถิด..” เสียงของเด็กน้อยวิงวอนอย่างน่าสงสาร จ้าวต้วนผลักเว่ยฉิงออกไปรวมถึงหมอซูด้วยเช่นกัน จ้าวต้วนเขาตัดสินใจป้อนยาให้บุตรชาย ไม่นานนักอาการของเด็กชายก็ดีขึ้น จ้าวต้วนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่เจ็บปวดแล้ว แต่แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เด็กน้อยหน้าซีดเผือด เขากระตุกชักเกร็งจนตัวงอ อาการชักรุนแรงมากขึ้นร่างกายเขาโก่งงอเข้าหากันอย่างผิดปกติ
“คงเอ๋อร์!” ทั้งฮูหยินจ้าวและสามีต่างพากันตระหนก
“คงเอ๋อร์!”
อาการของเขาแย่ลงเรื่อยๆ ลมหายใจเริ่มอ่อนแรง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปล่ะก็….
“ข้าจะให้คนไปตามหมอ” จ้าวต้วนกล่าว
เพราะไม่อยากให้บ่าวรับใช้เห็นท่าทางที่ผิดปกติของบุตรชาย ยามที่เขาไม่รู้ตัว จ้าวต้วนจึงได้ออกคำสั่งไม่ให้คนเข้าออกอย่างเด็ดขาด นี่เป็นเหตุผลที่ภายในห้องห้องนี้ไม่มีบ่าวรับใช้คอยวิ่งวุ่นเลย เว่ยฉิงกับหมอซูมองหน้ากัน หมอซูพยักหน้าให้สัญญาณเพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาสามารถช่วยเด็กคนนี้ได้ หากหมอซูส่ายหน้า เขาจะรีบพาหมอซูหนีไปทันที
เว่ยฉิงเดินเข้าไปห้ามจ้าวต้วน
“หมอที่ท่านจะไปตามมา รักษาบุตรชายของท่านได้หรือ? อาการของเขาร้ายแรงมากไม่อาจรอต่อไปได้ ให้หมอซูลองรักษาเขาดูเถิด”
ฮูหยินจ้าวมองบุตรชายที่ยังชักเกร็งอยู่อย่างลังเล นางดึงแขนสามี
“ท่านพี่..ให้ท่านหมอผู้นี้รักษาคงเอ๋อร์ดูหน่อยเถิด”
จ้าวต้วนพยักหน้า หมอซูเปิดล่วมยาที่นำติดตัวมาเขาหยิบชุดเข็มเงินออกมาเมื่อได้รับคำอนุญาต
เด็กชายเริ่มชักรุนแรงมากขึ้น
“ช่วยข้าจับเขา” หมอซูว่า
เว่ยฉิงและจ้าวต้วนรีบเข้าไปจับมือและเท้าของเด็กเอาไว้ หมอซูเริ่มทำการฝังเข็มรักษาทันที
จ้าวต้วนสังเกตว่าท่าทีของหมอซูดูสงบนิ่ง เพียงแค่มองแวบแรกก็รู้ว่าเขาเป็นหมอที่มีประสบการณ์ ฮูหยินจ้าวมองบุตรชายด้วยความกังวล นางภาวนาให้บุตรชายปลอดภัย
หมอซูฝังเข็มเพิ่มอีกหลายจุด ไม่นานอาการชักของเด็กชายก็ค่อยๆ ลดน้อยลง หลังจากผ่านไปสักครู่ เด็กน้อยจึงมีอาการสงบลง ลมหายใจของเขาแม้จะน้อยนิดแต่ก็ยังสัมผัสได้
ฮูหยินจ้าวสะอื้นไห้ออกมาเบาๆ สีหน้าของจ้าวต้วนย่ำแย่ลง คงเอ๋อร์ของเขาเจ็บปวดหลังได้รับยา นอกจากอาการจะไม่ดีขึ้นแล้ว เขายังชักเกร็งจนแทบจะเสียชีวิต ยาตัวนี้ไม่ควรให้บุตรชายกินต่อไปอีก ครั้งหน้าถ้ายังฝืนกินไม่รู้บุตรชายเขาจะเป็นอย่างไร?
“ท่านหมอ ท่านช่วยคงเอ๋อร์ได้หรือไม่เจ้าคะ?” ฮูหยินจ้าวถามด้วยความคาดหวัง นางเห็นแล้วว่าหมอคนนี้รักษาบุตรชายได้ เขาพาคงเอ๋อร์ของนางกลับมาจากปากประตูนรกได้โดยใช้แค่การฝังเข็มเท่านั้น คิ้วของหมอซูขมวดแน่น
ร่างกายของเด็กคนนี้อ่อนแอ ภายในบอบช้ำ อีกทั้งโรคเดิมของเขาคือวัณโรค… ใช่แล้ว! เดิมทีเด็กคนนี้ป่วยเป็นวัณโรค สาเหตุที่หมอซูคุ้นเคยกับอาการพวกนี้ก็เพราะว่าภรรยาของเขาเคยป่วยมาก่อน สำหรับหมอท่านอื่นอาจจะตึงมือมากเกินไปแต่ไม่ใช่กับเขา เพราะเขาศึกษาโรคนี้มากว่าสิบปี ไม่มีใครรู้จักโรคนี้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว
แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือในร่างกายเด็กคนนี้มีสารพิษอีกชนิดสะสมอยู่
ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ถังหลี่เล่าให้ฟังเรื่องตัวยาที่ส่งผลต่อสมองทำเกิดอาการเสพติด วิธีแก้เพียงอย่างเดียวคือต้องมัดมือมัดเท้าเด็กชายไว้และไม่ว่าพวกเขาจะเจ็บปวดเพียงใดก็อย่ายอมให้ยาเด็ดขาด มีแต่แรงใจเท่านั้นที่จะผ่านมันไปได้ ตัวของเด็กเองจะทุกข์ทรมานมากซ้ำยังอ่อนแอเกินกว่าจะมีชีวิตรอด แต่ระหว่างที่เขารักษาอาการวัณโรคแล้ว หมอซูสามารถใช้การฝังเข็มเมื่อเขามีอาการกำเริบได้เพื่อบรรเทา
“ข้ามั่นใจว่าจะรักษาได้สี่ในสิบส่วน” หมอซูว่า
สี่ส่วน…ยาตัวนี้ไม่สามารถให้ความหวังต่อไปได้ หากคงเอ๋อร์มีอาการกำเริบอีกครั้งเขาต้องเสียชีวิตแน่ สี่ในสิบก็เป็นความหวังที่สูงมากแล้ว
ฮูหยินจ้าวลงไปคุกเข่าต่อหน้าหมอซู
“ท่านหมอได้โปรดช่วยชีวิตบุตรชายข้าด้วย ตราบใดที่ช่วยเขาไม่ว่าอะไรข้าก็ทำให้ท่านได้” ฮูหยินจ้าวขอร้องหมอซู แต่จ้าวต้วนรู้ดีว่าคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้คืออู่อวี้ และเงื่อนไขในการช่วยคงเอ๋อร์ก็คงจะเป็น…
“ใต้เท้าอู่ ออกไปคุยกับข้าข้างนอกเถิด” จ้าวต้วนกล่าว เว่ยฉิงกับเขาเดินออกไปด้านนอก แสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้เห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของจ้าวต้วน
“ใต้เท้าอู่..ท่านคงรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แล้ว ข้าไม่จำเป็นจะต้องลงรายละเอียด ท่านต้องการช่วยฝ่าบาทแต่ข้าเป็นขุนนางที่ก่อกบฏ หากเรื่องทุกอย่างจบลง ตัวข้าและครอบครัวคงไม่รอด” จ้าวต้วนกล่าว
“แม้ว่าท่านจะช่วยคงเอ๋อร์ไว้ได้ สุดท้ายเขาก็ต้องตายอยู่ดี” จ้าวต้วนหยุดพูดไปครู่หนึ่ง
“เหตุใดท่านไม่มาให้เร็วกว่านี้”
จ้าวต้วนอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาเกลียดจ้าวชูที่ข่มขู่เขา อีกทั้งจ้าวต้วนยังต้องทำตามคำสั่งของคนที่จะมีเจตนาฆ่าบุตรชายของตน แต่ไม่ว่าจะกลับใจอย่างไรคนที่ได้ชื่อว่าทรยศนั้น ทั้งครอบครัวเขาคงจะไม่รอด
“ใต้เท้าจ้าว ท่านเองก็เกลียดจ้าวชูมาก ท่านคิดว่าเขาจะไม่รู้ข้อนี้หรือ? หากเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้วันใด เขาคงไม่ปล่อยท่านไปแน่นอน” เว่ยฉิงว่า “หากวันนี้ท่านเปลี่ยนใจ ข้าสามารถรับรองความปลอดภัยของภรรยาและบุตรชายของท่านได้”
“ท่านจะรับรองได้อย่างไร” จ้าวต้วนมองเว่ยฉิง
“ใต้เท้าจ้าวข้าจะบอกความลับบางอย่างแก่ท่าน…” จู่ๆ เว่ยฉิงก็เดินเข้าไปใกล้และกระซิบเสียงเบา
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
ถังหลี่ตื่นนอนอย่างตระหนก เมื่อสัมผัสพื้นที่ข้างกาย นางพบว่ามันเย็นชืดไม่มีวี่แววของสามี หญิงสาวสวมเสื้อผ้าแล้วรีบออกจากห้องทันที
“ฉือซื่อ!”ถังหลี่ตะโกน
เขาปรากฏตัวออกมาต่อหน้าถังหลี่
“ฮูหยิน..นายท่านยังไม่กลับมาขอรับ” หญิงสาวพยักหน้า นางเดินไปรอบๆ ลานบ้าน ความหนาวเย็นทำให้ถังหลี่รู้สึกไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามีของนาง เมื่อครู่นี้นางฝัน ในความฝันจ้าวชูได้สังหารฮ่องเต้โจวแล้วขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จ
ความฝันในครั้งนี้ัเกี่ยวของกับความเป็นความตายของพวกเขา หากจ้าวชูได้เป็นฮ่องเต้ พวกเขาต้องล้มเลิกทุกสิ่งที่ได้เพียรทำมา ความพยายามก่อนหน้าไร้ผล
เท่าที่ทำได้ในตอนนี้คือการขัดขวางไม่ให้จ้าวชูสังหารฮ่องเต้โจวได้สำเร็จ
ถังหลี่สังหรณ์ใจว่า ศึกในครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของนางกับลิขิตสวรรค์คนเดิม
ความฝันบอกเหตุทำให้คิดได้ว่าเรื่องกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
สามีของนางยังไม่กลับมา ถังหลี่เฝ้ามองประตูด้านหน้าอย่างใจจดจ่อ