เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 750 การสืบสวนของฮั่วจีว์ 8
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 750 การสืบสวนของฮั่วจีว์ 8
บทที่ 750 การสืบสวนของฮั่วจีว์ 8
สองวันต่อมาร่างของปีศาจถลกหนักถูกพบในแม่น้ำทำให้คดีนี้คลี่คลายได้สำเร็จ
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปีศาจถลกหนังเป็นขอทานเฒ่า เขาเป็นผู้หญิงปลอมตัวอยู่ในหมู่พวกเรา”
“นางฆ่าขอทานเฒ่าแล้วปลอมตัวเป็นเขาก่อนจะเข้าร่วมหน่วยลาดตะเวน เมื่อเราตรวจสอบประวัติของนางจึงไม่พบพิรุธ”
“ฮั่วจีว์เจ้ามีส่วนสำคัญในการคลี่คลายคดีในครั้งนี้ ข้าได้ยินว่าเจ้าช่วยชีวิตหัวหน้าเป่ยไว้ เขาจะต้องประทับใจในตัวเจ้ามากแน่นอน”
“ฮั่วจีว์ถ้าได้ดีแล้วอย่าลืมพูดเรื่องดีๆ ของพวกเราต่อหน้าหัวหน้าเป่ยด้วยล่ะ”
“ฮั่วจีว์ยินดีด้วยนะ การที่เจ้าไขคดีใหญ่สำเร็จ ทำให้พวกข้ามองคุณชายเจ้าสำราญเช่นเจ้าเปลี่ยนไป”
ทุกคนในหน่วยลาดตระเวนมองฮั่วจีว์ด้วยความชื่นชม แต่เขากลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย สองวันที่ผ่านมาเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่เข้าใจว่าแม่นางชิงลั่วที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นจะกลายมาเป็นหัวหน้าหน่วยของตัวเองที่เขาทั้งเกลียดและกลัว ได้อย่างไร?
เขาหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงฝันร้าย
เขาหยิกตัวเองหลายรอบแต่ก็ยังเจ็บทุกครั้ง
แม้ว่าเขาจะคลี่คลายคดีในครั้งนี้ลงได้ แต่เขาไม่มีความสุขเลย แทนที่เขาจะคิดถึงความสำเร็จของตน ฮั่วจีว์กลับอยากให้แม่นางชิงลั่วเป็นหญิงสาวอย่างที่เขาเคยเห็นมากกว่า
“ฮั่วจีว์ หัวหน้าเป่ยตามหาเจ้า” มีคนมาเรียกเขา ฮั่วจีว์หันหลังเดินไป
“หัวหน้าอยู่ในห้องหนังสือ เจ้าไปผิดทางแล้ว” เขาลากฮั่วจีว์กลับไป เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหัวของตนเองไปชนกับของแข็งบางอย่าง เขาชะงักเท้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าตนเองชนเข้ากับชายผู้หนึ่ง ฝ่ายนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ฮั่วจีว์ทำท่าราวกับกระต่ายน้อยที่หวาดกลัว เขาถอยหลังห่างจากเป่ยเหยี่ยนไปสองสามก้าว
ตอนที่แม่นางชิงลั่วจมน้ำ เขากดที่หน้าอก รู้สึกหน้าอกของนางค่อนข้างแข็ง…
เขาน่าจะคิดได้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
โง่จริงๆ!
ฮั่วจีว์ดูเศร้าสร้อยแทบอยากจะร้องไห้ออกมา อดใจไม่อยู่ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเป่ยเหยียนอีกครั้ง วันนี้เขาไม่ได้ใส่หน้ากากเช่นยามปกติ ทำให้เห็นใบหน้าเขาได้อย่างชัดเจน เป็นใบหน้าของแม่นางชิงลั่วทั้งคิ้ว จมูก ปาก ไม่มีอะไรที่ไม่เหมือน แม้แต่คิ้วนั่น ถึงจะดูนุ่มนวลไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ใช่คิ้วของสตรีอย่างแน่นนอน
เมื่อพินิจมองใบหน้าของอีกฝ่ายรู้สึกหัวใจของตัวเองเต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง
เขามองหน้าเป่ยเหยียนสลับกับการถอนหายใจ จนเป่ยเหยียนรู้สึกรำคาญ
“หยุด!” ฮั่วจีว์ตกใจมากเขารีบกลั้นลมหายใจ
“เข้ามา” เป่ยเหยียนกล่าว
เขาตามหัวหน้าเหยียนเข้าไปในห้อง เป่ยเหยียนยื่นม้วนกระดาษส่งให้เขา มันคือรายงานการสืบสวนของปีศาจถลกหนัง ชื่อจริงของนางคือมู่ฟาง นางมาจากครอบครัวที่เก่งศิลปะการต่อสู้ ได้ร่ำเรียนศิลปะต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก นางมีพรสวรรค์มากทีเดียว ต่อมาได้นางหมั้นกับชายที่มาจากครอบครัวที่เหมาะสม นางตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบ อยากเป็นภรรยาของเขาอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต แม้จะต้องตัดขาดจากครอบครัวเดิมก็ตาม
นางคิดว่าตนเองโชคดีแล้ว แต่เรื่องของความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
นานไปความรักกลายเป็นเบื่อหน่ายและขาดความอดทน มู่ฟางตั้งครรภ์ นางพบว่าสามีตัวเองคบหากับหญิงคณิกา พวกเขาต้องการจะหนีไปด้วยกัน นางจึงฆ่าสามีและหญิงคณิกาคนนั้นด้วยความโกรธ มีคดีเก่าได้ถูกบันทึกเอาไว้ เมื่อมู่ฟางเสียสติ นางอยู่อย่างหวาดระแวงและเกลียดชังหญิงคณิกามาก
“เหตุใดนางจึงต้องถลกหนังด้วยล่ะ?” ฮั่วจีว์ยังติดใจไม่หาย
เป็นเพราะมู่ฟางมีรูปร่างหน้าตาธรรมดา สามีของนางจึงชอบนางโลมที่มีผิวพรรณเรียบเนียน สวยงาม นางจึงมีงานอดิเรกสะสมหนังของเหยื่อ
สามีของนางไม่ใช่คนดี มู่ฟางกลายเป็นคนวิกลจริต ผู้ที่น่าสงสารที่คือหญิงคณิกาที่บริสุทธิ์เหล่านั้น
ตอนนี้คดีปีศาจถลกหนังได้ปิดลงแล้ว เขารู้สึกมีความสุขขึ้นมาที่ได้มีส่วนคลี่คลายคดีลงได้
แต่เมื่อเงยหน้าแล้วเห็นใบหน้าของเป่ยเหยียนอีกครั้ง ฮั่วจีว์ก็หดหู่ขึ้นมาอีก เขาต้องการแม่นางชิงลั่ว..
“นี่ของเจ้า” เป่ยเหยียนมอบป้ายโลหะให้แก่เขา ป้ายนี้คือจี้กงผาย ทุกคนที่สืบคดีหรือแก้ไขคดีได้ หัวหน้าจะมอบรางวัลให้ หากสะสมป้ายพวกนี้ได้มากพอก็สามารถเลื่อนตำแหน่งและมีเงินเดือนสูงขึ้นได้
ฮั่วจีว์ใฝ่ฝันถึงป้ายนี้มาตลอด นี่เป็นป้ายที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับของหัวหน้า ทำให้เขาภาคภูมิใจ ไม่นับว่าสิ่งที่ทุ่มเทลงไปเป็นการสูญเปล่า แต่ความสุขกลับเจือจางลงเพราะเขาสูญเสียแม่นางชิงลั่วของตนไปแล้ว
ฮั่วจีว์หยิบป้ายมา
“หัวหน้าเป่ย อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง” ฮั่วจีวร์ถาม
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัว”
“อืม” เป่ยเหยียนพยักหน้า นั่งลงที่เก้าอี้สะสางงานที่กองอยู่บนโต๊ะต่อไปไม่ให้ความสนใจเขาอีก
ฮั่วจีว์เหลือบมองอีกครั้ง รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในใจ เขาหันหลังเดินออกไปจากห้อง
….
….
จวนอู่โหว
เมื่อถังหลี่ได้เห็นพี่รองของนาง นางรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาดูเหี่ยวเฉาและไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย
“ท่านไม่ได้ไขคดีปีศาจถลกหนังได้หรอกหรือ? เหตุใดจึงมีท่าทีเช่นนี้ล่ะ?” ถังหลี่แปลกใจ สามีของนางเล่าว่าคดีได้คลี่คลายลงแล้ว
ก่อนหน้านี้เขามีความทะเยอทยานอย่างมากที่จะไขคดี แต่เหตุใดเมื่อคดีได้คลี่คลายเขากลับมีท่าทีเช่นนี้ไปได้ นางคิดว่าหางของเขาจะเหยียดชี้ฟ้าเสียอีก
“น้องสาว เจ้าว่างหรือไม่ ดื่มกับข้าหน่อยสิ” ฮั่วจีว์ว่า
ผ่านมาไม่กี่วันเขายังคงรู้สึกหดหู่ไม่หาย หลังจากคิดอยู่นานเขาจึงมาหาน้องสาว เพื่อที่จะฟังความคิดเห็นของนาง
ถังหลี่เห็นอาการของเขาแล้ว นางจึงได้รับปาก
ที่ลานบ้านมีไหสุราเปล่ามากมายวางกองอยู่ ในขณะที่ฮั่วจีว์ดื่มสุราเขาก็พูดถึงเรื่องที่กวนใจเขาออกมา
“ข้าตกหลุมรักแม่นางชิงลั่ว แต่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านางจะไม่ใช่สตรี”
“ไม่เพียงแต่ไม่ใช่สตรี แต่เขายังเป็นเป่ยเหยียนอีกด้วย เจ้าไม่รู้หรอกว่าเป่ยเหยียนน่ะน่ารำคาญเพียงใด”
“เหตุใดต้องแสร้งเป็นสตรีด้วย ข้ารู้ว่านั่นคือการสืบคดีแต่ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่นา..” ฮั่วจีว์พูดยาวเหยียด เขาโกรธมาก ตอนนี้ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดง
“น้องสาวเจ้าว่าข้าควรทำอย่างไรดี?”
“เมื่อเห็นเป่ยเหยียนข้าก็รู้ว่าแม่นางชิงลั่วได้จากไปแล้ว ข้าเจ็บหน้าอกไปหมดจนหายใจแทบไม่ออก” ถังหลี่รู้ว่าเป่ยเหยียนในชุดสตรีงดงามเพียงใด ในตอนนั้นที่เขาปลอมตัวเป็นอนุฯ ของคุณชายสาม นางเห็นแล้วยังอดตกใจไม่ได้ ไม่น่าแปลกใจที่ฮั่วจีว์จะตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกเห็น
“ถ้าอย่างนั้น พี่รองลาออกจากหน่วยลาดตระเวนดีหรือไม่? หากท่านไม่พบหน้าเขาอาจจะรู้สึกดีขึ้น”
ฮั่วจีว์จิบสุรา คำพูดของน้องสาวสมเหตุสมผล ตราบใดที่เขาไม่ไปที่นั่น เขาก็จะไม่เห็นเป่ยเหยียนแต่…
“ใครๆ ต่างพากันตราหน้าว่าข้าเป็นคุณชายเสเพล ข้าเองก็อยากมีชื่อเสียงดีๆ เหมือนคนอื่นบ้าง พวกนั้นจะได้ไม่ดูหมิ่นข้า”
“ให้ข้าบอกพี่ใหญ่ พาท่านไปทำงานในศาลต้าหลี่เพื่อพิสูจน์ตัวตนก็ได้” ถังหลี่กล่าว
“พี่ใหญ่ของเจ้าหน้าตามืดมนตลอดเวลา ข้ากลัวเขานะสิ” ฮั่วจีว์กล่าว
“เช่นนั้นไปกรมอาญาหรือไม่ เจ้ากรมอาญาคนใหม่ใจดีนะ”
“กรมอาญา..” เขาไปที่นั่นได้แต่ว่ายังไม่เต็มใจนัก…
“เป่ยเหยียนทำร้ายกับข้า เหตุใดข้าจะต้องเป็นคนออกด้วยล่ะ?” ถังหลี่เข้าใจแล้วว่าทุกเหตุผลที่ฮั่วจีว์แย้งนั้นเป็นเพราะเขาไม่อยากออกจากหน่วยลาดตะเวนนั่นเอง
————————————————