เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 756 วันเกิดของเว่ยจื่ออี้
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 756 วันเกิดของเว่ยจื่ออี้
บทที่ 756 วันเกิดของเว่ยจื่ออี้
ตู้เว่ยอารมณ์ไม่ดีอยู่ในห้อง
ตู้เยี่ยนเดินไปมารอบๆ เรือนอยู่ครู่ใหญ่จากนั้นจึงได้เข้าไปในห้องหนังสือ ประตูของห้องหนังสือถูกเปิดแง้มเอาไว้ เมื่อเด็กสาวเดินเข้าไปจึงเห็นคนผู้หนึ่งยืนหันหลังให้ถือหนังสืออยู่ในมือ
“เสี่ยวเว่ย เรื่องราวที่เจ้าเสกสรรเขียนขึ้นมา ข้าชื่นชอบมาก” ตู้เยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้มระคนอยากรู้อยากเห็น
“บอกข้าหน่อยเถิดว่าตู้ซีเหนียงเป็นฆาตกรหรือ? เป็นเพราะหลันเซิงเคยช่วยนางเมื่อยามเป็นเด็ก นางจึงได้ลังเลที่จะแก้แค้นหลันเซิงหรืออย่างไร?”
ตู้เว่ยเหลือบตามองพี่สาว นางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เสี่ยวเว่ย เหตุใดเจ้าถึงเมินข้าเช่นนี้? เสียดายหน้าตาที่งดงามของเจ้า ช่างไม่น่ารักเหมือนตอนเป็นเด็กเล็กๆเลย”
“แต่ไม่ว่าอย่างไรเสี่ยวเว่ยก็งดงามที่สุดอยู่ดี” ตู้เยี่ยนพึมพำ ต่อเมื่อเห็นตู้เว่ยหยิบพู่กันขึ้นมาทำท่าจะเขียนหนังสือ นางจึงได้เงียบเสียงลง หลังจากจ้องมองน้องสาวอยู่ชั่วครู่ นางจึงเก็บหนังสือเข้าที่ แล้วออกจากห้องไปเงียบๆ
เมื่อตู้เยี่ยนไปแล้วตู้เว่ยจึงได้วางพู่กันลง แล้วหยิบเทียบเชิญออกมาดูอีกครั้ง
วันเวลาผ่านไปพริบตาเดียวก็ถึงวันเกิดของเว่ยจื่ออี้
เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ เขาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ ท่าทางเหมือนพวกบัณฑิต ใครที่พบเห็นพากันคิดว่าเขาดีใจที่ได้ฉลองงานวันเกิดของตน แต่มีเพียงเว่ยฉิงและถังหลี่เท่านั้นที่รู้ความจริง
“เห็นจื่ออี้ตื่นเต้นเช่นนี้ ทำให้ข้าคิดสงสัยว่าลูกสะใภ้ในอนาคตของข้าเป็นหญิงเช่นไรกัน?” เว่ยฉิงกล่าว
“พวกเขาทั้งสองจะรักใคร่ ปรองดองกัน อยู่เคียงข้างเกื้อกูลกันไปจนแก่เฒ่า” ถังหลี่ตอบสามี
“ใช่แล้ว เช่นเดียวกับเราไม่ผิด” เว่ยฉิงเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เขาและภรรยามีความสุขเมื่อได้อยู่ด้วยกัน จึงหวังว่าลูกๆจะค้นพบความสุขของตัวเองด้วยเช่นกัน
งานเลี้ยงวันเกิดจัดขึ้นในช่วงเย็น พอตกบ่ายแขกเหรื่อก็ทยอยกันเข้ามา พวกเขาได้เชิญทั้งสกุลกู้ สกุลไป๋ และมิตรสหายของพวกเขา ในฐานะเจ้าของวันเกิด เว่ยจื่ออี้ยุ่งวุ่นวายกับการต้อนรับแขกเหรื่อของตนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อใดก็ตามที่ว่าง เขาจะพยายามมองมองหาเด็กสาวแปลกหน้าท่ามกลางแขกเหรื่อ แต่มองไปแล้วล้วนพบแต่ผู้ที่คุ้นเคยทั้งสิ้น
เวลาผ่านไป ความหวังในใจของเด็กหนุ่มค่อยๆจางลงและถูกแทนที่ด้วยความไม่สบายใจ
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเว่ยอวี๋ไม่ชอบเขา…
นางไม่มาพบเขาซึ่งถือว่าเป็นการปฏิเสธที่นุ่มนวลแล้ว เขาหดหู่ใจมากขึ้น แขกที่ได้รับเทียบเชิญล้วนมากันหมดแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววของคนที่เขาต้องการพบเจอมากที่สุด
“มีสตรีนามเว่ยอวี๋มาหรือไม่?” เขาถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง อาจจะมีแขกมางานมากเกินไป ทำให้เขาหานางไม่เจอก็เป็นได้
บ่าวรับใช้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาจึงส่ายหัว
“ไม่มีขอรับ”
งานเลี้ยงวันเกิดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว จู่ๆ ฝนก็ตกโปรยปรายลงมา
เว่ยจื่ออี้กลับไปยังงานเลี้ยงวันเกิดของตนอย่างเหงาหงอย มือใหญ่ของใครบางคนตบเข้าที่บ่าของเขา เด็กหนุ่มหันไปฝืนยิ้มให้
“ท่านพ่อ..”
“ลูกชาย ..ไม่เป็นไรนะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมือนกับบิดามารดาของเจ้า บางคนตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ บางคนต้องอาศัยเวลาเพื่อไล่ตาม เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความผิดหวัง ขอเพียงแต่เจ้าอย่าท้อใจเท่านั้น” เว่ยฉิงปลอบโยนบุตรชาย เขามีประสบการณ์มาก่อน จึงเข้าใจอารมณ์ของเว่ยจื่ออี้เป็นอย่างดี ความรู้สึกเปรี้ยวหวานเช่นนี้ เมื่อใดมีหวานย่อมมีเปรี้ยว เมื่อมีเปรี้ยวย่อมมีหวานเป็นธรรมดา คำปลอบโยนของบิดาทำให้เว่ยจื่ออี้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
วันนี้เป็นงานวันเกิดที่ท่านแม่ตระเตรียมงานให้เขา มีแขกมากมายที่รอจะแสดงความยินดีกับเขาอย่างมีความสุข เด็กหนุ่มเงยหน้ามองบิดา
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านพ่อ”
“มาฉลองวันเกิดของเจ้าเถอะ หลังจากงานวันนี้จบลงพ่อจะบอกวิธีการให้เจ้าเอง” เว่ยฉิงว่า “พ่อเจ้าน่ะมีประสบการณ์มากเรื่องนี้มากนะ” เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา เขาถึงกับยิ้มออกมา
เสียงประทัดดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มต้นงาน
เด็กหนุ่มในชุดสีขาวเสมือนรายล้อมไปด้วยดาวเดือน เขาได้รับคำอวยพรจากญาติและมิตรสหายมากมาย
ภายนอกจวนสกุลอู่ มีผู้หญิงสวมชุดคลุมยืนอยู่ ในมือของนางถือเทียบเชิญเอาไว้
เมื่อได้ยินเสียงประทัด นางก็ไม่กล้าก้าวที่จะเดินเข้าไป เด็กสาวไม่มีความกล้าที่จะเดินเข้าไปในจวนหรือแม้แต่ยืนต่อหน้าเฟยจูเสียด้วยซ้ำ พวกเขาเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน แต่นางกังวลว่าเขาจะรังเกียจหากรู้ว่านางเป็นใบ้
นางไม่สนใจสายตาของผู้อื่น แต่เมื่อเป็นเฟยจูนางกลับรู้สึกอ่อนไหว
ตู้เว่ยยืนพิงกำแพง พูดในใจอย่างเงียบๆ
สุขสันต์วันเกิด..ขอโทษที่ข้าไม่กล้าไปพบเจ้า
เมื่อเริ่มมืดลง เด็กสาวรู้สึกถึงขาที่ชาของตนเอง ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เสี่ยวเว่ย เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“จวนอู่…นี่คือจวนอู่หรือ?ค่ำแล้วเจ้ามายืนทำอะไร?”
ตู้เว่ยรู้สึกตัว นางส่ายศีรษะ ไม่ว่าตู้เยี่ยนจะเห็นหรือไม่ก็ตาม
“กลับบ้านเถอะ ข้างนอกมันอันตราย” ตู้เยี่ยนพูดพยายามคว้ามือจูงน้องสาว ทว่านางเบี่ยงหลบ ตู้เยี่ยนไม่สนใจ นางเดินตามน้องสาวมุ่งหน้ากลับจวน
“ไกลเกินไป เรานั่งรถม้ากันเถอะ”
“เหตุใดเจ้าดื้อแบบนี้ ก็ได้! ข้าจะเดินไปกับเจ้าเอง”
“ค่ำมืดเช่นนี้ เจ้าก็พูดไม่ได้ รู้หรือไม่ว่าข้างนอกมีอันตรายมากเพียงใด?”
“หากเจอคนเลวมาจับเจ้าไปขาย พวกเราจะหาเจ้าเจอได้อย่างไร?”
ระหว่างทางตู้เยี่ยนพูดไปเรื่อยๆ แต่คำเรื่อยเปื่อยของนางเช่นนี้เอง กลับทำให้อารมณ์ฟุ้งซ่านและความไม่สบายใจของตู้เว่ยลดน้อยลง
เมื่อกลับมาถึงจวน ตู้เว่ยเดินไปยังเรือนของตนอย่างรวดเร็ว ในที่สุดนางก็สลัดพี่สาวออกไปได้ แม่นมจ้าวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นคุณหนูของนาง
“คุณหนู..ท่านกลับมาแล้ว ท่านทำให้ข้ากังวลเกือบตาย”
ตู้เว่ยถอดผ้าคลุมออก นางส่ายศีรษะไปมาเพื่อยืนยันว่านางสบายดี
“ตอนที่ท่านหายตัวไป ข้าเป็นห่วงมากจึงได้ไปบอกคุณหนูใหญ่ แต่นางคงไม่สนใจ วันนี้ข้าเองก็ไม่สบายตั้งใจว่าจะไปหาหมอ โชคดีที่ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย”แม่นมจ้าวลูบอกตัวเอง
แม่นมจ้าวคิดว่า คุณหนูใหญ่คงไม่ไปตามหานางเป็นแน่ แต่ตู้เยี่ยนกลับไปปรากฏตัวที่หน้าประตูจวนอู่ ทำให้ตู้เว่ยอดแปลกใจไม่ได้
ตู้เยี่ยนเดินเข้าไปในเรือนของตัวเองพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เสี่ยวเว่ยให้คนไปสืบเรื่องของเว่ยจื่ออี้ ทั้งนางยังไปยืนอยู่ที่หน้าจวนสกุลอู่ เว่ยจื่ออี้เป็นบุตรชายคนรองของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เขาพำนักอยู่ที่จวนอู่ วันนี้เป็นวันเกิดของเขา
ตู้เยี่ยนคิดว่าระหว่างน้องสาวของนางกับเด็กหนุ่มผู้นี้ต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างเป็นแน่ นางมีความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย
ไม่นานนักนางจึงได้ความว่า พวกเขาทั้งสองคนติดต่อกันทางจดหมาย แต่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนเลย
ไม่กี่วันต่อมาในจวนสกุลตู้
หญิงวัยกลางคนกำลังนั่งดูสมุดบัญชีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตู้เยี่ยนเดินเข้าไปหา เอ่ยถึงเรื่องราวที่นางได้รู้เห็นมา
“ท่านแม่ ท่านคิดอย่างไรกับเว่ยจื่ออี้” ตู้เยี่ยนถาม
“บุตรชายคนรองของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หน้าตาหล่อเหลา มีความสามารถ เป็นบุตรชายที่น่าภาคภูมิใจ”
สตรีวัยกลางคนผู้นี้ คือฮูหยินใหญ่แห่งสกุลตู้ นางเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า
“ย่อมไม่คู่ควร!”
“เป็นเพราะเหตุใด ในเมื่อทั้งสองต่างมีใจต่อกัน แล้วไยต้องคิดถึงสถานะด้วยเล่า?” ตู้เยี่ยนไม่เห็นด้วย
“การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์ของแม่สามีและลูกสะใภ้อีกด้วย หากสถานะของสามีต่ำเกินไปย่อมทำให้คนดูถูก แต่ถ้าหากสูงส่งเกินไป สะใภ้ที่แต่งเข้าไปย่อมมีปัญหาภายหลังได้” ฮูหยินใหญ่กล่าวตามข้อเท็จจริง
“ถ้าสามีปฏิบัติกับนางอย่างจริงใจ เขาจะปกป้องนางแน่นอน และถ้าแม่สามีใส่ใจบุตรชายของตน นางจะปฏิบัติกับสะใภ้เป็นอย่างดีเพราะบุตรชายรักภรรยาของเขา แต่แท้จริงแล้วมีแม่สามีน้อยมากที่จะเข้าใจเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่อิจฉาลูกสะใภ้”
“แต่พระชายาของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีชื่อเสียงค่อนข้างดี” ตู้เยี่ยนกล่าวอย่างลังเล
“ชื่อเสียงที่คนภายนอกเห็น จริงเท็จเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้นี้รักใคร่แต่พระชายาของเขา บางทีหากมีสตรีอื่นที่เข้าใกล้เขา อาจจะโดนนางฆ่าตายก็เป็นได้ ผู้ใดจะไปรู้เรื่องราวในเรือนหลังของผู้อื่นได้เล่า” ฮูหยินเอ่ย
“ข้าคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือสามีที่เห็นคุณค่าของความรักและยุติธรรม”
“เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเว่ยจื่ออี้ผู้นั้นเป็นคนให้ความสำคัญกับความรัก?”
“ท่านแม่ ให้ลูกได้ลองพิสูจน์ดูก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ?” ตู้เยี่ยนกล่าว ฮูหยินมองบุตรสาวตรงหน้า
“เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าอย่าไร้สาระ”
“ข้าทำเรื่องไร้สาระมามากพอแล้ว ข้าไม่อยากพลาดน้องเขยที่ดีเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะว่า..” ตู้เยี่ยนหยุดพูดกระทันหัน
“ข้าและท่านแม่ต่างเป็นกังวล ให้ข้าลองทำตามแผนของข้าดูก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
ฮูหยินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า