เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 758 เว่ยอวี๋ป่วย?
บทที่ 758 เว่ยอวี๋ป่วย?
เว่ยจื่ออี้ขมวดคิ้ว เหตุที่นางไม่มางานวันเกิดเขาเป็นเพราะนางไม่สบายหรือ?
ตู้เยี่ยนเฝ้าสังเกตสีหน้าของเว่ยจื่ออี้ เมื่อเห็นว่าเขายังเงียบเฉย ใบหน้าของนางจึงได้เย็นชาลง
เขาพูดว่ารัก ว่าชอบ เพ้อว่าไม่มีใครงามเทียบนางได้ ชื่นชมในความสามารถอันเก่งกาจของนาง แต่เขาไม่อาจทนกับความบกพร่องเพียงจุดเดียวของน้องสาวได้ บางทีเขาอาจใช้ข้อบกพร่องนี้ถือเป็นอภิสิทธิ์ที่เหนือกว่า บุรุษทุกคนเป็นเช่นนี้เอง..
ความสนใจของตู้เยี่ยนที่มีแต่เดิมหายไป
“เจ้าไม่ใช่เว่ยอวี๋!” เว่ยจื่ออี้พูดขึ้น ตู้เยี่ยนตกตะลึง นางหันกลับมาสนใจเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“เหตุใดเจ้าถึงได้พูดเช่นนั้น?”
“ประการแรก ลายมือของเจ้าคล้ายกับเว่ยอวี๋มาก จนแทบจะเหมือนกัน ข้าคิดว่านางคงรีบเขียนลายมือจึงได้เปลี่ยนไป แต่ว่าไม่ใช่…นั่นเป็นเพราะลายมือนี้นางไม่ได้เขียนเอง”
“ประการที่สอง เว่ยอวี๋มีอารมณ์ลึกซึ้ง นางกระหายใคร่เรียนรู้ จึงเป็นเหตุผลที่นางเขียนนิยายได้ดีและสามารถสร้างตัวละครที่มีชีวิตชีวาได้ มีทั้งความเศร้าและความสุข สุดท้ายทุกตัวละครจะจบลงด้วยชะตากรรมของตัวเอง ในขณะที่เจ้าเป็นคนมองโลกในแง่ดี และถ้าเจ้าเป็นผู้เขียน ตัวละครทุกตัวจะจบลงอย่างมีความสุข”
“เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ แม้ว่าข้าและเว่ยอวี๋จะไม่เคยพบหน้ากัน แต่พวกเราเป็นสหายกันมาหลายปี ความรู้สึกที่ข้าได้พูดคุยกับเจ้า มันบอกข้าว่าเจ้าไม่ใช่นาง”
ตอนนี้เด็กหนุ่มไม่ได้มีท่าทีตระหนกและโง่เขลาอีกต่อไป เขาดูสุขุม ฉลาด และเย็นชา ตู้เยี่ยนสนใจเขามากขึ้น
“เจ้าพูดถูก ข้าไม่ใช่เว่ยอวี๋”
“เจ้าเป็นพี่สาวของนางหรือ?”
ตู้เยี่ยนพยักหน้า
“ข้ามาพบเจ้าแทนน้องสาวของข้า ข้ากลัวว่านางจะต้องเจ็บปวด ข้าต้องการดูด้วยตาของข้าเองว่าเจ้าดีพอสำหรับนางหรือไม่?”
“เว่ยอวี๋ไม่สบายหรือ?”ดวงตาของเว่ยจื่ออี้เต็มไปด้วยความกังวล
“โรคเก่าน่ะไม่อันตรายถึงชีวิต”
ตู้เยี่ยนมองเด็กหนุ่มก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“เว่ยจื่ออี้ ข้าขอถามเจ้าตามตรง เจ้าพูดว่าชอบน้องสาวข้า หากนางหน้าตาอัปลักษณ์ เจ้าจะยังชอบนางหรือไม่?”
“ไม่ว่านางจะเป็นอย่างไรข้าก็ชอบนาง ใบหน้าของนางไม่สำคัญเลย” เว่ยจื่ออี้กล่าว
“หากนางไร้แขนขาล่ะ?”
“ข้าจะเป็นแขนและขาให้นางเอง”
ตู้เยี่ยนเยาะ “วาจาดีเลิศ บุรุษเช่นเจ้าเคยมีก่อนหน้า แต่พอเจอเรื่องจริงแล้วกลับไม่ง่ายดังเช่นเอ่ยมา”
เสี่ยวเว่ยเป็นเด็กอ่อนไหว ถ้ามีคนไม่ชอบนาง นั่นจะทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นคนที่นางรักด้วยแล้ว…
“ข้าทราบดีว่าคำพูดย่อมง่ายกว่าการกระทำ ทว่าทุกถ้อยคำของข้าล้วนจริงใจ” คำพูดของเขาฟังดูหนักแน่นน่าเชื่อถือ ไม่ได้เป็นการพูดอย่างขอไปที แต่ได้กลั่นออกมาจากหัวใจของเขา
“หากเจ้าแต่งงานกับน้องสาวข้า เจ้าจะมีสามภรรยาสี่อนุฯ หรือไม่?” ตู้เยี่ยนถามต่อ
“ไม่ ข้าจะมีนางแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นในชีวิตนี้” เว่ยจื่ออี้พูดอย่างเด็ดขาด ทว่าตู้เยี่ยนกลับไม่เชื่อ ตัวตนของเว่ยจื่ออี้เป็นถึงบุตรชายคนรองของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ผู้มีสถาะสูงส่งเช่นนี้จะมีภรรยาเพียงคนเดียวได้อย่างไร?
“ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าก็เป็นเช่นนั้น พวกเขาต่างรักใคร่ปรองดองกัน”
“บิดามารดาเจ้าก็เป็นเช่นนั้นหรือ?” ตู้เยี่ยนรู้สึกซาบซึ้ง
“พวกเขารักใคร่กันมาก ท่านพ่อไม่เคยกลัวผู้ใดนอกจากท่านแม่ของข้า ความหวาดกลัวที่ว่าไม่ได้มาจากพฤติกรรมของท่านแม่ที่ดุร้ายแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะท่านพ่อรักท่านแม่มาก ท่านแม่ของข้าเปรียบเสมือนนางฟ้าที่มาจุติลงบนโลกมนุษย์ ท่านพ่อย่อมรักและทะนุถนอมนางเป็นอย่างดี การมีภรรยาเพียงผู้เดียวย่อมดีกว่ามีสามภรรยาสี่อนุฯ อย่างแน่นอน”
ตู้เยี่ยนครุ่นคิด คำพูดของเว่ยจื่ออี้กระทบเข้าที่จิตใจของนาง คำสัญญาใดๆ บนโลกใบนี้ล้วนเชื่อถือไม่ได้และไม่มีความแน่นอน ยามนี้เขาอาจจะมีความจริงใจและตั้งใจดี แต่เวลาเปลี่ยนใจของมนุษย์ย่อมผันแปรเปลี่ยนไปได้เช่นกัน
ทว่าบิดามารดาย่อมมีอิทธิพลต่อบุตรหลาน หากบิดาของเขาเป็นผู้มีตัณหาราคะ แสวงหาความงามแล้ว บุตรหลานย่อมไม่ต่างกันมากนัก แต่ก็มีหลายครอบครัวที่แต่งภรรยาเพียงคนเดียวจนเป็นประเพณีที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุ คนเหล่านั้นเป็นขุนนาง แม้ไม่ได้ได้มียศสูงส่ง แต่บุรุษที่ใจเดียวย่อมเป็นที่ชื่นชอบของสตรี
จะมีหญิงสาวคนไหนที่ไม่อยากเป็นหนึ่งเดียวในเรือนหลัง?
จะมีใครบ้างที่ไม่อยากจับมือกับสามีจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน?
“ข้าจะคุยกับน้องสาวข้า” ตู้เยี่ยนกล่าว
“ขอบคุณแม่นางตู้” เว่ยจื่ออี้โค้งคำนับตู้เยี่ยน หลังจากที่ทั้งสองกล่าวคำอำลาแล้ว ตู้เยี่ยนก็กลับไปยังจวนสกุลตู้ นางเข้าไปหามารดาผู้เป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลตู้ แล้วเล่าเรื่องบทสนทนาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง มารดาของนางหัวเราะเบาๆ และพูดอย่างเฉยเมย
“ฟังดูดี”
“ท่านแม่ ข้าคิดว่าเขาดูน่าเชื่อถือ อีกอย่างผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์รักฮูหยินของเขาจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงมีสามภรรยาสี่อนุฯแล้ว เวลาเว่ยจื่ออี้เอ่ยถึงบิดามารดา ดวงตาเขาเป็นประกาย ข้าคิดว่าครอบครัวของเขาน่าจะอบอุ่น”
“รักแท้ในเรือนหลังย่อมหาได้ยากยิ่ง” ฮูหยินใหญ่ที่ผ่านชีวิตมามากไม่เชื่อ นางคิดว่าบุตรสาวตนเองช่างไร้เดียงสา
“ท่านแม่ไม่เชื่อข้าหรือ?” ตู้เยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเพราะบิดาของเจ้าป่วย ได้แต่นอนอยู่ในจวนทั้งวัน ทรัพย์สินของสกุลตู้ล้วนอยู่ในมือมารดาเจ้า เขาจะกล้าลุกมาต่อต้านแม่หรือ?” ฮูหยินใหญ่พูดเสียงดัง
“ท่านพ่อมีความรักต่อท่านแม่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ตกปากรับคำขอร้องของท่านตั้งแต่แรก” หลังจากได้ฟังวาจาของบุตรสาวแล้ว ท่าทีของฮูหยินตู้จึงอ่อนโยนขึ้น
“เรื่องนี้ นับว่าแม่ติดค้างเขาจริงๆ”
“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แม้ท่านพ่อจะไม่ใช่คนช่างพูด แต่ท่านพ่อย่อมเต็มใจทำเพื่อท่านแม่ ข้าคิดว่าเว่ยจื่ออี้เป็นคนเก่ง ทั้งยังมีสถานะเป็นถึงบุตรชายผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ท่านแม่อาจมีความคิดว่าสถานะสูงส่งมากเกินไปอาจไม่เหมาะสม แต่ข้ากลับคิดว่าเขาสามารถปกป้องเสี่ยวเว่ยได้ ทั้งเรื่องตัวตนของนาง…”
ฮูหยินตู้ยังคงนิ่งเฉย
“ท่านแม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือเสี่ยวเว่ยชอบเว่ยจื่ออี้”
ตู้เยี่ยนยังคงเกลี้ยกล่อมมารดา
“หาได้ยากที่จะมีบุรุษเข้ากับนางได้ ไม่กี่วันมานี้เสี่ยวเว่ยซึมเศร้า นางกินไม่ได้นอนไม่หลับ..”
คุณหนูใหญ่รู้สึกทุกข์ใจเมื่อคิดถึงน้องสาวของตน
“แล้วเจ้าอยากจะทำอะไร?”
“ข้าอยากช่วยเสี่ยวเว่ย ตอนนี้เป็นเวลาที่ดี เราไม่ควรจะปล่อยโอกาสให้หลุดไป”
“เอาแต่พูดเรื่องเสี่ยวเว่ย แล้วเรื่องของเจ้าล่ะ? เจ้าอายุย่างสิบเก้าแล้วนะ” ฮูหยินตู้พูดด้วยความโกรธ
ตู้เยี่ยนเอามือปิดหูทันที
“ท่านแม่พูดอะไรข้าไม่ได้ยินเลย”
พูดจบแล้วนางก็รีบวิ่งออกไป
ฮูหยินตู้ถอนหายใจ เจ้าเด็กคนนี้ลื่นไหลราวกับสายน้ำจริงๆ
ตู้เยี่ยนวิ่งไปที่ห้องหนังสือของตู้เว่ย เมื่อมองเข้าไปจึงเห็นว่าตู้เว่ยกำลังถือจดหมายอยู่ในมือ แต่ดวงตาของนางกลับเหม่อลอย ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่จนไม่รับรู้การมาถึงของพี่สาว
ตู้เยี่ยนเอื้อมมือไปดึงจดหมายออกมาจากมือทำให้นางได้สติขึ้นมา
ตู้เยี่ยนเห็นน้องสาวเป็นกังวล นางจึงรีบคืนจดหมายให้ ตู้เว่ยเก็บจดหมายอย่างทะนุถนอม
“จดหมายจากใครหรือ? ดูล้ำค่ายิ่งนัก ใช่ของเว่ยจื่ออี้หรือไม่?”
ตู้เยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม ท่าทีของตู้เว่ยเปลี่ยนไป นางหันไปมองพี่สาวทันที
“วันนี้ข้าได้เห็นเขาแล้ว เขาเป็นเด็กหนุ่มที่รูปงามมากทีเดียว” ตู้เยี่ยนเอ่ยเนิบๆ
ดวงตาตู้เว่ยมีคำถามฉายออกมาอย่างชัดเจน
“เจ้าไปหาเว่ยจื่ออี้มาหรือ?”