เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 761 ประสบการณ์ชีวิตของตู้เว่ย
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 761 ประสบการณ์ชีวิตของตู้เว่ย
บทที่ 761 ประสบการณ์ชีวิตของตู้เว่ย
เว่ยจื่ออี้และตู้เว่ยมักจะนัดพบกันในร้านหนังสือ ทั้งสองคนใช้เวลาพูดคุยกันราวกับมีเรื่องราวให้สนทนาไม่รู้จบ นับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก พวกเขาเติมเต็มซึ่งกันและกัน
ในวันนี้ทั้งสองได้นัดพบกันอีกครั้ง ตู้เว่ยตื่นมาก นางมาถึงร้านเร็วกว่าเว่ยจื่ออี้ แต่ก่อนที่นางจะเปิดประตูเข้าไปในร้านก็ถูกใครบางคนสกัดไว้
“ท่านคือคุณหนูรองสกุลตู้ใช่หรือไม่? นายท่านของข้าต้องการพบท่าน”
ชายวัยกลางคนสวมชุดบ่าวรับใช้เอ่ยถาม ตู้เว่ยขมวดคิ้วเพราะนางพูดไม่ได้ เด็กสาวจึงระวังตัวมากเป็นพิเศษ นางไม่เคยตอบรับคำเชิญของคนแปลกหน้า ตู้เว่ยจึงเดินเลี่ยงออกไปแต่เขากลับขวางทางเอาไว้
“คุณหนูรองสกุลตู้ นายท่านของข้าอยู่บนรถม้า ท่านเพียงแค่อยากคุยกับคุณหนูสองสามคำเท่านั้นไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง” ชายคนนั้นพูดต่อ ตู้เว่ยเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น
“คุณหนูรองสกุลตู้ หากท่านยืนกรานไม่ไปจะทำให้นายท่านขุ่นเคืองผิดใจได้”
เจตนาของชายผู้นี้ชัดเจนมาก แม้ตู้เว่ยจะไม่อยากไป แต่อย่างไรนางก็ต้องไป เด็กสาวเหลือบมองเขา แม้ในยามนี้จะเป็นกลางวันแสกๆ แต่ชายคนนี้ยังยืนกรานที่จะใช้กำลังข่มขู่นาง
เด็กสาวตัดสินใจก้าวเดินไปยังรถม้า
เมื่อขึ้นรถม้ามีกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นมาจากแขนเสื้อของนางโดยที่บ่าวรับใช้ไม่ทันสังเกตเห็น
ตู้เว่ยเข้าไปในรถม้า ในนั้นกว้างขวางราวกับเป็นห้องเล็กๆห้องหนึ่ง มีชายชราท่าทางสูงศักดิ์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นนั่งอยู่ในรถม้านั่น ชายผู้นั้นมองตู้เว่ย
“เจ้าเป็นบุตรสาวของเซียนโหรวใช่หรือไม่?” เขาถาม
ตู้เว่ยเงยหน้ามองเขาด้วยความประหลาดใจ เซียนโหรวเป็นสกุลเดิมของมารดานาง เขารู้จักท่านแม่หรือ?
“ข้าคือจิงอ๋อง บิดาบุญธรรมของมารดาเจ้า” ชายชรากล่าว
จิงอ๋อง? เขาเป็นองค์ชายเฒ่าที่เฝ้าสุสานหลวงหรือ?
แม่นมจ้าวมักจะพูดถึงเขาให้นางฟัง บอกว่าชายคนนี้เป็นบิดาบุญธรรมของมารดานาง หากไม่ใช่เพราะเรื่องของบิดาบุญธรรมผู้นี้ มารดาของนางคงไม่ต้องแต่งงานกับครอบครัวเล็กๆ อย่างสกุลตู้
เมื่อแม่นมจ้าวพูดเรื่องนี้ครั้งใด นางจะซ่อนความไม่พอใจเอาไว้เสมอ เพียงแต่ตู้เว่ยไม่ได้ให้ความสนใจในคำพูดของนาง ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะโชคชะตากำหนด ไม่อาจจะโทษใครได้เพียงแต่ก้มหัวยอมรับเท่านั้น
“เด็กน้อย ถอดหมวกของเจ้าออกเสีย” จิงอ๋องพูด
เด็กสาวไม่ขยับ บ่าวรับใช้เอื้อมมือมาถอดหมวกของนางออกไป ด้วยกิริยาที่หยาบคาย
ดวงตาของชายชราจ้องมาที่นางอย่างตื่นตะลึง
“คล้ายมาก….เหมือนเซียนโหรวมาก”
ตู้เว่ยขมวดคิ้ว รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องราวกับอสรพิษร้าย ทำให้ผู้ที่โดนมองรู้สึกอึดอัด ชาไปทั้งตัว
“ถ้าเด็กดีอย่างเซียนโหรวไม่ต้องเจอเรื่องแบบนั้น คิดว่าคนอย่างตู้จางจะคู่ควรกับนางหรือ!” จู่ๆ เขาก็ตบโต๊ะด้วยโทสะ
“ตู้จาง!ตู้จาง! เขาสมควรที่จะได้นางไปหรือ!” จิงอ๋องกัดฟันกรอดราวกับอยากขบเคี้ยวชายผู้นั้นให้แหลกเป็นชิ้น
ตู้เว่ยหวาดกลัว ชายตรงหน้าเหมือนคนเสียสติ เด็กสาวต้องการลงจากรถม้าแต่บ่าวรับใช้ขวางทางไว้ ไม่นานนักจิงอ๋องจึงได้สงบลง ในตอนนั้นเองมีคนมาเคาะที่รถม้า
“ตู้เว่ย เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่?”
“ออกมาเร็วๆ หรือจะให้ข้ารายงานทางการ?”
เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังมาจากด้านนอก ตู้เว่ยหันกลับเตรียมออกจากรถม้า ในครั้งนี้บ่าวรับใช้ไม่ได้ขวางทางอีกแล้ว เด็กสาวลงรถม้าไปอย่างรวดเร็ว นางโดนใครบางคนโอบกอดเอาไว้
เว่ยจื่ออี้กอดตู้เว่ย เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียว เขารีบถามอย่างเป็นกังวล
“เว่ยอวี๋ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตู้เว่ยส่ายหน้า นางดึงเว่ยจื่ออี้ให้ห่างจากรถม้าแล้วเข้าไปในร้านหนังสือ เมื่อเข้าไปในร้านทั้งคู่ถึงได้ดูผ่อนคลายลง ตอนนั้นเองเว่ยจื่ออี้ก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังจับมือของเด็กสาวอยู่ มือของนางนุ่มนิ่มมาก พวกเขาหน้าแดง ตู้เว่ยดึงมือของนางกลับไป
“เว่ยอวี๋ คนเมื่อครู่คือใครหรือ? เขาไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?” เว่ยจื่ออี้ถามอย่างกังวล
ตู้เว่ยส่ายศีรษะเพื่อยืนยันว่าตัวเองสบายดี
คนผู้นั้นคือจิงอ๋อง ความรู้สึกที่มีต่อเขาแปลกมาก นางไม่สามารถอธิบายได้ ทำให้เด็กสาวดูกังวลและเหม่อลอย ทั้งสองคุยกันจนถึงเที่ยงจากนั้นเว่ยจื่ออี้จึงได้มาส่งนางที่จวนสกุลตู้
ตู้เยี่ยนที่กำลังเล่นกับนก ประหลาดใจเมื่อเห็นน้องสาวกลับมาเร็วกว่าปกติ
“เหตุใดวันนี้กลับเร็วล่ะ ไม่ได้คุยกับคุณชายรองเว่ยหรือ?” ใบหูของตู้เว่ยแดงระเรื่อ แต่สีหน้าของนางยังคงนิ่งเฉย เด็กสาวหันไปทางตู้เยี่ยนทำท่าทางบางอย่าง
“เจ้าอยากเจอท่านแม่หรือ?” ตู้เยี่ยนรู้สึกประหลาดใจมากกว่าเดิม
เสี่ยวเว่ยไม่ได้สนิทกับมารดาของนางมากนัก แต่ครั้งนี้เป็นนางที่อยากไปพบฮูหยินตู้ก่อน
“ข้าจะพาไป” นางพาตู้เว่ยไปยังเรือนของฮูหยินตู้ แล้วร้องเรียกมารดาเสียงดัง
“ท่านแม่!”
“เจ้ามาส่งเสียงเอะอะอะไรที่นี่” เสียงของฮูหยินใหญ่ดังออกมาจากในห้อง ตู้เยี่ยนพาน้องสาวเข้าไป ด้านในห้องมีสตรีท่าทางสง่างามก้มหน้าดูบัญชีอยู่
“มีอะไรหรือ?”
“เสี่ยวเว่ยมาหา นางอยากเจอท่านแม่”
ฮูหยินใหญ่เงยหน้าขึ้นทันที ใบหน้าของนางดูอ่อนโยน
“เสี่ยวเว่ยอยากพบข้าทำไมหรือ?” ฮูหยินใหญ่จะพูดกับนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเสมอ แม่นมจ้าวชอบบอกว่านางเป็นพวกหน้าซื่อใจคด แต่ตอนนี้ตู้เว่ยรู้แล้วว่าความห่วงใยของนางเป็นเรื่องจริง ทำให้เด็กสาวรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกผิด ตู้เว่ยทำความเคารพนาง ตู้เยี่ยนรีบไปหากระดาษและพู่กันมาให้
“เขียนเรื่องที่เจ้าอยากถามสิ”
พี่สาวที่พูดจาไม่สุภาพในอดีต แต่นางใส่ใจทุกการกระทำของตู้เว่ย เด็กสาวหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนคำลงไปในนั้นสองสามคำแล้วมอบให้ฮูหยินใหญ่ เมื่อนางอ่านสีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที
“จิงอ๋อง! เสี่ยวเว่ย เจ้ารู้เรื่องจิงอ๋องได้อย่างไร?” ตู้เว่ยเขียนถึงการพบกันในวันนี้ของนางและจิงอ๋อง สีหน้าของฮูหยินใหญ่และตู้เยี่ยนดูเคร่งเครียดมาก ตอนนี้จิงอ๋องมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว ฮูหยินใหญ่ลังเลว่าควรพูดเรื่องนี้ให้นางฟังดีหรือไม่
“ท่านแม่ หากเขาทำถึงเพียงนี้แล้ว เราคงไม่สามารถซ่อนเรื่องราวเอาไว้ได้อีก พวกเราควรบอกเสี่ยวเว่ยให้นางได้รับรู้จะดีกว่า” ตู้เยี่ยนว่า ฮูหยินใหญ่พยักหน้า
“เสี่ยวเว่ย ความจริงแล้วเจ้าไม่ใช่บุตรสาวของสกุลตู้ พ่อของเจ้าไม่ใช่นายท่านตู้” ตู้เว่ยตกตะลึง นางไม่ใช่บุตรสาวสกุลตู้?
คำพูดที่ออกจากปากของตู้ฮูหยินทำให้นางตกใจจนนิ่งงันไป ตู้เยี่ยนลูบหลังปลอบประใจน้องสาว ตู้เว่ยรู้สึกต้องการใครสักคนเพื่อพึ่งพิง นางจึงได้เอนกายพิงพี่สาวเอาไว้
“ท่านแม่พูดต่อเถอะ”
“มารดาเจ้าเป็นบุตรสาวบุญธรรมของจิงอ๋อง บิดาของเจ้าคือองครักษ์ในวังของจิงอ๋อง ทั้งสองคนรักกันแต่จิงอ๋องไม่เห็นด้วย พวกเขาจึงตัดสินใจหนีตามกัน” ฮูหยินใหญ่เล่าโดยเลี่ยงเรื่องราวบางอย่างเพราะเสี่ยวเว่ยยังเด็ก นางจึงไม่อยากให้เรื่องโสมมต้องไประคายหูของเด็กสาว เซียนโหรวเป็นบุตรบุญธรรมของจิงอ๋องก็จริง แต่จิงอ๋องคิดไม่ซื่อกับบุตรบุญธรรมของตัวเอง เขาเป็นพวกหน้าซื่อใจคด ขังเซียนโหรวให้เป็นนกน้อยในวัง จนนางหวาดกลัวและไม่สามารถหนีไปได้ นางกับองครักษ์มีความรักใคร่ต่อกัน แม้จะพูดว่าทั้งสองหนีตามกันแต่ความจริงแล้ว เขาเป็นคนพานางหนีออกมา
“ทหารจากวังจิงอ๋องไล่ตาม บิดามารดาของเจ้าถูกจับนำตัวกลับไปที่วัง …ในตอนที่บิดาของเจ้าเสียชีวิต เป็นช่วงที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพิ่งสวรรคตไป เมื่อจิงอ๋องโดนปราบ มารดาของเจ้าจึงได้หนีออกมาได้”
ฮูหยินใหญ่ยังจำถึงวันที่นางพบกับเซียนโหรวได้ดี คืนนั้นฝนตกหนัก เซียนโหรวซุกตัวอยู่ใต้ชายคาของจวน ใบหน้าของนางซีดเซียว
“ท่านพี่ ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว แต่ข้ากำลังมีลูก ข้าควรทำอย่างไรดี?” เซียนโหรวร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง พวกนางเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เติบโตมาด้วยกัน เมื่อเห็นนางตกทุกข์ได้ยากเช่นนั้น ฮูหยินตู้จึงตัดสินใจพาเซียนโหรวกลับมาที่จวนสกุลตู้ ยกให้นางเป็นภรรยาผิงชีของนายท่านตู้ ให้สถานะบุตรสาวที่นางให้กำเนิดเป็นคุณหนูรองสกุลตู้
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดข้อพิพาทและข่าวลือมากมาย บ้างก็ว่าที่ฮูหยินใหญ่ทำแบบนี้เพราะอยากให้ลูกพี่ลูกน้องได้อับอาย เพราะสองพี่น้องไม่ลงรอยกัน บ้างก็บอกว่าน้องสาวล่อลวงสามีพี่สาวของตน แต่สกุลตู้เมินเฉยกับคำพูดเหล่านั้น พวกเขาให้ความใส่ใจกับอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดมา
ต่อมาเมื่อเด็กคลอด ฮูหยินตู้คิดว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่ร่างกายของเซียนโหรวอ่อนแอมาก หลังจากคลอดบุตรได้ไม่นานนางก็เสียชีวิตไป ก่อนจะสิ้นใจนางฝากลูกไว้กับฮูหยินตู้ นางเลี้ยงตู้เว่ยเงียบๆ เพราะอยากให้ตู้เว่ยปลอดภัย นึกไม่ถึงว่าจิงอ๋องจะล่วงรู้…
สีหน้าของฮูหยินใหญ่มีความกังวลไม่น้อย หากจิงอ๋องลงมือทำอะไรลงไป พวกนางจะไม่สามารถปกป้องตู้เว่ยได้ ตอนนี้จึงได้ระวังไม่ให้ตู้เว่ยได้รับอันตราย !