เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 786 กู้หวนอวี้หึง
บทที่ 786 กู้หวนอวี้หึง
หลังจากที่จางจ้าวหมิงได้ยินว่าท่านแม่ทัพอารมณ์ไม่ดี เขารีบมาพบและเห็นใบหน้าที่มืดครึ้มของกู้หวนอวี้
แม้แต่สาวใช้ที่เคยชื่นชมก็ยังไม่กล้าเข้าหน้า
สาวใช้ที่เป็นคนส่งอาหารประจำ ยืนอยู่หน้าประตูไม่กล้าเข้าไปในห้อง จางจ้าวหมิงอาสารับปิ่นโตมาจากสาวใช้ นางรีบกล่าวขอบคุณเขาด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นจึงได้วิ่งหนีไปอย่างเร็วรี่
จางจ้าวหมิงเดินเข้ามาพร้อมกับปิ่นโต
“ท่านแม่ทัพ มากินอาหารเถิดขอรับ” กู้หวนอวี้หลับตา
“ข้าไม่อยากกินเลย”
จางจ้าวหมิงเป็นองครักษ์ส่วนตัวของกู้หวนอวี้ เขาอยู่ดูแลท่านแม่ทัพมาทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งเข้าใจและรู้ใจเขาดีกว่าญาติพี่น้องของเขาเสียอีก ความอ่อนโยนของท่านแม่ทัพดูเหมือนจะมาจากส่วนลึกภายในของเขา ทั้งเขายังแทบไม่เคยเห็นใบหน้าที่เย็นชาของท่านแม่ทัพเลยด้วยซ้ำ
จางจ้าวหมิงนิ่งคิด แล้วพูดขึ้นว่า
“ท่านแม่ทัพไม่อยากอาหารเป็นเพราะกังวลเรื่องแม่นางตู้หรือขอรับ”
กู้หวนอวี้ลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน มองจางจ้าวหมิงเขม็ง
เป็นเพราะตู้ชิงหยูจริงๆนั้นแหละ !
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว เขาก็หดหู่ใจ ผู้หญิงคนนี้ชอบหยอกเย้าคนไปทั่ว เสียแต่ว่าไม่ได้ถอดเสื้อผ้าผู้อื่นเหมือนที่กระทำกับเขาเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาจะโกรธมากกว่านี้อีก
แต่ถ้าลองตรองให้ดีแล้ว เรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วย แต่เดิมเขาก็แค่อยากเป็นเพื่อนกับนางเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องของเพื่อนมากเกินไปไปไม่ใช่หรือ? แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ หัวใจของเขาสับสนอลหม่าน วุ่นวายจนเขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรหรือต้องการอะไรด้วยซ้ำ
“ท่านแม่ทัพ ท่านจะไม่ปรึกษาเรื่องนี้กับข้าหรือ ข้ารับรองว่าจะไม่บอกใครอย่างเด็ดขาด แม้แต่เยี่ยนเยี่ยนด้วย” จางจ้าวหมิงสาบาน กู้หวนอวี้ลังเล เขาพูดไม่ออก แต่ความที่ไม่สบายใจมากเกินไปทำให้ในที่สุดเขาก็หลุดปากเล่าออกมา
กู้หวนอวี้พูดว่า เขาเห็นตู้ชิงหยูเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งของเขา แต่เมื่อเกาจิงหยวนโผล่มาอย่างกะทันหัน เขาอดรู้สึกเสียใจมากไม่ได้
“ท่านแม่ทัพ ท่านอยากจะขังนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางได้ไปข้องแวะกับคนอื่นอีกหรือไม่?” จางจ้าวหมิงถาม
ตั้งแต่ที่เขาได้แลกเปลี่ยนความรู้สึกของตนกับตู้เยี่ยนแล้ว จางจ้าวหมิงก็รู้แจ้งและกลายเป็นผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชายหญิงขึ้นมาอย่างถ่องแท้ เขามุ่งประเด็นไปที่อารมณ์ซับซ้อนของท่านแม่ทัพออกมาได้อย่างเหมาะเจาะ กู้หวนอวี้คิดอยู่สักพัก จากนั้นจึงได้พยักหน้ารับ
“ท่านฝันถึงแม่นางตู้บ่อยหรือไม่ ขอรับ?”
กู้หวนอวี้มักฝันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเป่ยหมานบ่อยครั้ง ซ้ำยังฝันถึงตู้ชิงหยูในยามกลางคืนอีกด้วย
กู้หวนอวี้ไม่ลังเล เขาพยักหน้ารับ
“ท่านแม่ทัพ ท่านตกหลุมรักนางเข้าเสียแล้ว” จางจ้าวหมิงสรุป
ดวงตาของชายหนุ่มเบิกโพลงด้วยความไม่เชื่อ เป็นไปได้อย่างไร เขาชอบนาง…ชอบตู้ชิงหยู?
“ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าได้ด่วนปฏิเสธ ความไม่สบายและร้อนรุ่มเกิดขึ้นจากความอิจฉา ท่านอยากผูกขาดนางเอาไว้แต่ผู้เดียว ท่านต้องการให้นางดีกับท่าน ไม่อยากให้นางทำดีกับผู้อื่น นั่นเพราะท่านริษยา” กู้หวนอวี้ต้องการปฏิเสธ ทว่าเขาพูดไม่ออกจริงๆ หรือเขาจะชอบนางอย่างที่จางจ้าวหมิงพูด
ไม่น่าเป็นไปได้!
“ท่านแม่ทัพ ชายหนุ่มที่ไล่ตามแม่นางตู้มีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรหรือ ? ข้าจะลองไปสืบดูให้ท่าน” จางจ้าวหมิงถาม
เป็นเรื่องหาได้ยากที่ท่านแม่ทัพของเขาจะตกหลุมรักสตรีผู้หนึ่ง เขาไม่อาจปล่อยให้โอกาสดีๆ เช่นนี้หลุดหายไปได้ ไม่เช่นนั้นท่านแม่ทัพของเขาคงจะไร้คู่ ใช้ชีวิตที่โดดเดี่ยวไปจนตาย
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ หากรู้ตัวตนของศัตรูก็มีโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้
“เกาจิงหยวน มาจากเมืองหลันซี มณฑลเหลียงโจว”
“ข้าจะรีบไปตรวจสอบดูขอรับ”
ตู้เยี่ยนรู้ว่ากู้หวนอวี้ตกหลุมรักสาวงามผู้หนึ่ง แต่จางจ้าวหมิงคิดถึงคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับท่านแม่ทัพ เขาจึงไม่ได้เอ่ยปากพูดกับคนรักของตน
“ข้าพูดไม่ได้”
“ข้าเดาได้แม้ว่าเจ้าจะไม่พูดก็ตาม” ตู้เยี่ยนว่าพลางมองจางจ้าวหมิง นางไร้ความกังวลเมื่อได้อยู่กับเขา ทั้งยังปราศจากความเขินอายอีกต่อไป
“เจ้าคิดอะไร ข้าจะไม่รู้เชียวหรือ?” จางจ้าวหมิงถอนหายใจเบาๆ อดไม่ได้ที่จะเล่าให้นางฟัง
“โอ้…น่าแปลกใจที่ท่านแม่ทัพของเจ้ารู้จักที่ชอบพอสตรี” ตู้เยี่ยนพบว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
“ข้าคิดว่าเขามีแนวโน้มจะบวชเป็นพระมากกว่าจะตกหลุมรักใครเข้าสักคน”
ในความคิดของนางแล้ว กู้หวนอวี้เป็นคนไม่แยแส จิตใจกระด้างเย็นชาราวกับนักบวชก็ไม่ปาน ช่างน่าแปลกที่สตรีผู้นี้กลับดึงดูดใจของนักบวชเช่นเขาได้
“ถ้าท่านแม่ทัพของเจ้าถูกสตรีผู้นี้ดึงดูดใจได้ นางน่าจะเป็นหญิงที่น่าสนใจจริงๆ”
ตู้เยี่ยนอยากเห็นผู้ชายคนนั้นวิ่งไล่ตามหญิงสาวที่ว่าจริงๆ เขาจะได้เข้าใจความรู้สึกเศร้าโศกของนางเสียบ้าง หลังจากตู้เยี่ยนพูดจบ นางเห็นคนรักกลอกตา ปากเขาปิดสนิท แต่ใบหน้ากลับมีคำพูดในหัวเขียนเอาไว้อยู่เต็มไปหมด
ดวงตาของตู้เยี่ยนเบิกกว้าง
“ข้าเดาถูกหรือ? ไม่น่าแปลกใจที่ชุ่ยเอ๋อร์จะบ่นว่าพักนี้ท่านแม่ทัพอารมณ์ไม่ดี กลายเป็นว่าเขากำลังตกหลุมรักผู้หญิงนั่นเอง” ชุ่ยเอ๋อร์เป็นเด็กผู้หญิงจากตระกูลกู้ นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตู้เยี่ยน
ตู้เยี่ยนอยากโห่ร้องออกมาดังสักสามคราเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่ากู้หวนอวี้จะมีวันเช่นนี้กับเขาด้วย
…….
เกาจิงหยวนเช่าเรือนอยู่ใกล้กับสกุลอู่ นอกจากเวลานอนแล้ว เขาจะออกมาเตร็ดเตร่อยู่แถวจวนสกุลอู่ตลอด
หลังจากที่ตู้ชิงหยูรู้ว่าเขาตามดักนาง หญิงสาวก็เล่นซ่อนแอบกับเขา บางครั้งนางออกทางประตูหลังบ้าง หรือไม่ก็กระโดดออกจากกำแพงบ้าง แต่ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางครั้งจะโดนเขาจับตัวเอาไว้ได้ อย่างเช่นวันนี้เป็นต้น
ทันทีที่ตู้ชิงหยูเดินออกจากประตูหลัง ร่างของคนผู้หนึ่งโผล่ออกมาจากพงหญ้าตระครุบกอดนางไว้แน่น
เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่เปียกชื้นราวกับลูกสุนัข
“แม่นางหยู ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอแล้ว เหตุใดเจ้าถึงได้ซ่อนตัวจากข้าเล่า?” ตู้ชิงหยูหวาดกลัวเขาขึ้นมา หากย้อนเวลากลับไปได้ นางจะไม่ทำตัวเช่นนั้นอีกแน่ ต่อให้เขาเป็นคนหน้าตาหล่อเหลาเพียงใดก็ตาม! นางจะอยู่ห่างจากเขาอย่างแน่นอน!
ทว่าตู้ชิงหยูยังยิ้มสู้ “ข้าไม่ได้หลบเจ้า ข้าเพียงแต่มีธุระวุ่นวายต้องจัดการ จิงหยวน…บิดามารดาของเจ้าคงเป็นห่วงเจ้ามากแล้วกระมัง เจ้าควรกลับบ้านได้แล้ว”
“ไม่..ตอนที่ข้าออกมาจากบ้าน ข้าพูดอวดพวกเขาไว้แล้วว่าข้าจะพาลูกสะใภ้กลับบ้านพร้อมข้าด้วย” เกาจิงหยวนว่า คำบอกใบ้ของเขาช่างโจ่งแจ้ง ตู้ชิงหยูยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ความนัย
“เมืองหลวงอยู่ห่างไกลจากเหลียงโจวมากนัก ข้าเกรงว่าเจ้าจะหาหญิงสาวกลับไปเหลียงโจวกับเจ้าได้ยาก มิสู้ไปหาภรรยาที่เหลียงโจวไม่ดีกว่าหรือ?”
“แม่นางหยู ข้าชอบเจ้า ตอนกลางคืนช่างยาวนานนัก เจ้าไม่ต้องการให้ข้าอุ่นเตียงให้เจ้าหรือ?” เกาจิงหยวนไม่อ้อมค้อม
“นี่มันเดือนมิถุนายนแล้ว ไม่จำเป็น” นางบอกปัดไม่เหลือเยื่อใย
ตู้ชิงหยูมีปัญหา นางไม่อาจหลบหนีเขาไปได้ จึงได้แต่ร้องขอให้น้องชายช่วยติดตามคุ้มกันนาง
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเด็กน้อยเช่นตู้เสี่ยวไป๋เต็มไปด้วยความคับข้องใจ เขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ พี่สาวของเขามีปัญหาในเรื่องนี้มาตลอด แล้วเขาจะทำอะไรได้? เขาเป็นเพียงน้องชายของนางเท่านั้น จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เช่นนี้ไปได้อย่างไร?
“คุณชายเกา ท่านมีเหงื่อออกและปัสสาวะตอนกลางคืนมากกว่าปกติหรือไม่?”เกาจิงหยวนไม่อยากตอบเพราะกลัวเสียหน้า แต่นี่ตู้เสี่ยวไป๋เป็นว่าที่น้องภรรยา เขาไม่อยากเสียมารยาทจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“คุณชายเกา หากท่านมีอาการเหล่านี้ ท่านอย่าได้นิ่งเฉย เพราะจะนำไปสู่ภาวะไตพร่องได้…” ตู้เสี่ยวไป๋ร่ายยาว เกาจิงหยวนปล่อยตู้ชิงหยูออกอย่างรวดเร็ว เขาตะครุบตัวปิดปากตู้เสี่ยวไป๋อย่างว่องไว
“หมอไป๋ จุ๊ๆๆ พวกเรามาคุยกันดีๆ ก่อนเถอะ”
ตู้ชิงหยูได้โอกาส นางรีบหนีไปอย่างเร็ว
เกาจิงหยวนคิดถึงคำพูดของตู้เสี่ยวไป๋เขาเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด ‘โรคไตพร่องที่ว่าอาจจะทำให้อวัยวะส่วนสำคัญที่สุดของเขายกไม่ขึ้นหรือไม่ทำงานก็เป็นได้’
“หมอเสี่ยวไป๋ โรคไตพร่องที่ท่านพูดถึง..”
“ตอนนี้อาจจะยังไม่ร้ายแรงมากนัก ข้าจะเขียนเทียบยาให้ท่าน” ตู้เสี่ยวไป๋ว่า
เกาจิงหยวนอดเชื่อถือเขาไม่ได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญของพี่สาวเขาเช่นกัน เขาคงไม่กล้าพูดจาไร้สาระ
ตู้เสี่ยวไป๋ได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิดอยู่ในใจหากมีบรรพบุรุษแพทย์อาวุโสอยู่แถวนี้ ขออย่าได้ตำหนิเขาเลยที่พูดจาเหลวไหลเช่นนี้เลย จากนั้นจึงได้พาเกาจิงหยวนไปร้านขายยา
เว่ยฉิงเห็นชายหนุ่มมาตามเฝ้าตู้ชิงหยูที่นอกจวนทุกวันแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่ภรรยา เขาได้แต่คิดในใจว่าไฉนกู้หวนอวี้จึงทำตัวไม่รู้ร้อนหนาว รีบดำเนินการให้เด็ดขาดเสียที